ตอนที่แล้วตอนที่ 261 เจอกันครั้งสุดท้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 263 พายุและพายุ

ตอนที่ 262 เปิดฉากสงครามของสองฝ่าย(ฟรีอ่านเถอะ)


ตอนที่ 262 เปิดฉากสงครามของสองฝ่าย

ห่างจากเมืองปลายฝนราว ๆ 2 ชั่วโมง

คามิลและอีลิกเร่งรีบเดินทางอย่างไม่หยุดพัก เส้นทางกลับย่อมไวกว่าเสมอ เพราะตลอดเส้นทางพวกเขาไม่ต้องคอยหลบซ่อน เนื่องจากไม่มีใครไล่ตามหลังเธอมา

เรื่องนี้ยิ่งทำให้เธอรู้ว่าศัตรูรู้ตัวตนของพวกเขาแล้ว ถ้าเป็นตามปรกติยังไงพวกนั้นจะต้องไล่ตามมา หรือไม่ก็เลือกจะไล่ตามทั้งสองฝ่าย แต่กลับไม่มีใครไล่ตามเธอมา ก็หมายความว่าเป้าหมายที่ตามมีค่ามากกว่าพวกเธอสองคน

ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้กิลด์เทพศาสตราวุธทราบ

...

ที่กิลด์เทพศาสตราวุธ

ไม่นานหลังจากนั้นนิโคลก็ทราบเรื่องราวจากปากคามิล เธอไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเลยเถิดไปถึงขนาดนี้ และยิ่งเรื่องของลุคกลับไปพัวพันถึงสงครามระหว่างสหพันธรัฐและกองทัพเทพอนันต์ด้วย

ตอนนี้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงมาก แต่ยังดีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวที่อันตรายต่อพวกเขาจากสำนักงานเมืองหรือกองทัพที่ประจำอยู่เมืองปลายฝน น่าจะเพราะสงครามที่กำลังเกิดขึ้น

แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย เพราะทหารของสหพันธรัฐลาดตระเวนเข้มงวดมากขึ้น ทำให้แม้แต่การออกไปข้างนอกก็ยุ่งยากมากขึ้น ผู้คนเริ่มถูกจับตาและตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่กำลังทหารของฝ่ายสหพันธรัฐดูจะน้อยกว่าปรกติ นั้นก็เพราะทหารมากกว่าครึ่งถูกเรียกกลับไปก่อนแล้ว เพื่อรับมือกับการต่อสู้ตัดสินกับกองทัพเทพอนันต์

หลังจากรู้เรื่องของลุค นิโคลก็นั่งไม่ติดเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นสถานะหัวหน้ากิลด์ของลุค หรือจะเป็นมิตรภาพของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไหนเธอก็ต้องหาทางช่วย แต่ลำพังกำลังของกิลด์เทพศาสตราวุธไม่เพียงพอที่จะทำแบบนั้น

ถึงกิลด์เทพศาสตราวุธจะมีเงินทุนมหาศาลและกองกำลังจำนวนมาก แต่ว่าตอนนี้มันอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีก 2 ปี ถึงจะทำให้กองทัพของกิลด์แข็งแกร่งพอจะเผชิญหน้ากับกองทัพของทั้งสองฝ่าย

“คนเดียวที่น่าจะพอช่วยอะไรได้คงมีแต่เขา”

คามิลรีบไปที่ห้องทดลองของกิลด์ แต่แล้วเธอก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากคุณตาสามหายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ไหน นอกจากบอกว่าจะไปเยี่ยมเยือนสหายเก่า

คามิลไม่รู้จะทำยังไง เพราะตาสามก็เลือกจะหายไปในตอนนี้

“ท่านคามิล เขาฝากจดหมายไว้ให้กับท่านด้วย”

คามิลรับจดหมายจากผู้ช่วยของตาสาม ก่อนจะเปิดอ่านทันที หลังจากอ่านไปสักพักใบหน้าของเธอก็เผยความจริงจังและเป็นกังวลขึ้นมามากขึ้น

“ไปเรียกบอสตันและไอกะมาเดี๋ยวนี้”

...

10 นาทีหลังจากนั้นที่ห้องประชุมของผู้บริหารกิลด์เทพศาสตราวุธ มีเพียง 3 คนที่นั่งอยู่ด้านใน พวกเขากำลังจ้องมองจดหมายตรงหน้าและกำลังตัดสินว่าจะทำอย่างไรดี

“คุณตาสามขอให้เราโจมตีกองกำลังทหารที่ยึดประตูหมายเลขสามและเข้าแทนที่อย่างนั้นเหรอ แบบนั้นไม่เท่ากับว่าเราประกาศเป็นศัตรูกับสหพันธรัฐเต็มรูปแบบหรือยังไง” ไอกะถามอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าคำพูดนี้หลุดออกไปจะหมายถึงโทษฐานกบฏ

“ไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะเป็นศัตรูกับพวกเขาอยู่ดี บอสตันกองทัพพวกเราสามารถจัดการกองทัพทหารที่หน้าประตูได้ไหม”

“ถ้าพวกระดับต่ำเราจัดการได้ แต่ว่าถ้ามีระดับ A และ B อยู่ไม่มีไหว”

ในระดับต่ำสามารถใช้จำนวนเข้าต่อสู้ได้ แต่สำหรับเหนือมนุษย์ระดับสูงกว่า C ขึ้นไปแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้จำนวนชนะ มันไม่ใช่แค่เรื่องความต่างของความแข็งแกร่ง แต่ยังรวมถึงเรื่องความสามารถในการสร้างความเสียหาย

ระดับ A และ B สามารถบดขยี้ระดับต่ำได้ในครั้งเดียว กลับกันพวกระดับต่ำไม่มีพลังพอจะสร้างความเสียหายผ่านพลังป้องกันของระดับ A หรือ B ได้ด้วยซ้ำ

หรือต่อให้ทำได้ก็ต้องใช้เวลา แต่ใครจะมายืนนิ่งให้พวกเขาโจมตีกัน

“ถ้าไม่สามารถจัดการพวกระดับ A และ B ได้ก็คงไม่มีโอกาส”

“นี่ทั้งสองคนลืมอะไรไปหรือเปล่า”

“ลืม???”

ทั้งสองหันหน้าไปมองไอกะพร้อม ๆ กัน

“คุณอีคอนก็เป็นระดับ B”

“จริงด้วย” พวกเขาพูดออกมาพร้อม ๆ กัน

“ไม่ใช่เพียงแค่คุณอีคอน คุณคามิลก็ด้วย ทั้งสองคือระดับ B ที่แข็งแกร่งยอมสามารถจัดการระดับ B ของกองทัพได้แน่นอน ตอนนี้กองทัพถอนกำลังไปจำนวนมาก จะเหลือระดับ B กี่คนกัน ส่วนการหายตัวไปของคุณตาสามแล้วทิ้งจดหมายไว้ อีกฝ่ายน่าจะคาดเดาว่าระดับ A อาจจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว”

“ก็มีความเป็นไปได้ ขอแค่ตรวจสอบดูก็น่าจะรู้ สงครามใหญ่ขนาดนั้นระดับ A ไม่มีทางที่จะไม่ถูกสหพันธรัฐเรียกตัวกลับไปแน่นอน ตอนนั้นคุณคามิลก็บอกว่าที่ประตูมิติโลกสมบูรณ์หมายเลข 2 ก็ไม่มีระดับ A เหลืออยู่เช่นกัน”

นิโคล บอสตันและไอกะทั้งสามเหมือนเห็นความเป็นไปได้ในแผนการครั้งนี้

อันที่จริงแผนการยึดประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 3 ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาพึ่งจะตัดสินใจจากข้อความที่ทิ้งไว้ในจดหมายของตาสาม แต่นี่เป็นเหมือนความตั้งใจเดิมของลุคด้วย

ลุคก่อตั้งสองกองทัพที่อยู่ภายใต้กิลด์เทพศาสตราวุธ คือกองทัพเทพศาสตราและกองทัพพิฆาตมอนสเตอร์ขึ้นมา ก็เพื่อการยึดครองประตูมิติหมายเลข 3 จัดการอาณาจักรเทาเที่ยของพวกเผ่ามนุษย์วานรในโลกยุคโบราณ

และเตรียมรับมือกับพวกซอมบี้ที่อาจจะผ่านประตูมิติของโลกมนุษย์สามตาเข้ามายังโลกยุคโบราณ เพื่อหยุดยั้งพวกมันไม่ให้เข้ามาที่โลกมนุษย์ของพวกเขา

แม้ความจะดูผิดแผนไปและเร่งรีบไปบ้าง แต่พอมาคิดก็จะเห็นว่าตอนนี้คือโอกาสที่ดีและจะทำให้พวกเขาสูญเสียกำลังทหารไม่มาก เมื่อเทียบกับการต้องรอให้สหพันธรัฐหรือกองทัพเทพอนันต์ตัดสินกันเอง

ไม่ว่ากองทัพฝ่ายไหนชนะ พวกนั้นจะต้องให้ความสำคัญกับประตูมิติเป็นอันดับแรก ๆ แน่นอน เพราะคนที่ควบคุมประตูมิติได้คือคนที่ควบคุมทรัพยากรพลังงานต่างมิติในโลกนี้ได้

แน่นอนว่านิโคลต้องดำเนินแผนการครั้งนี้อย่างระมัดระวัง เพราะมันจะไม่จบแค่การยึดครองประตูมิติโลกสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังต้องรักษามันไว้ให้ได้อีกด้วย

กองกำลังสองกองทัพยังไม่เติบโตเต็มที่ถึงขนาดจัดการพวกเหนือมนุษย์ระดับ B ได้ แต่ในระดับต่ำกว่านั้นทั้งสองกองกำลังสามารถต่อสู้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะกองพิฆาตมอนสเตอร์ที่เป็นมนุษย์โคลนนิ่ง พวกเขาแม้จะเป็นทหารที่ออกมาจากหลอดทดลอง แต่กลับเติบโตและแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่ที่ไม่สามารถแทนที่กองทัพมนุษย์แท้จริงทั้งหมด

ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการร่วมมือกันสองกองทัพ แต่ลึก ๆ แล้วก็ยังเป็นการแข่งขันกันเพื่อแสดงความสามารถในช่วงที่ฝึกฝนกันด้วย

เมื่อพูดคุยถึงแผนการที่ต้องทำกันเสร็จแล้วพวกเขาก็พร้อมที่จะลงมือในทันที

...

ขณะเดียวกันที่อีกด้านหนึ่งของโลก

ลุคได้เดินทางอย่างต่อเนื่องไปยังเมืองหลวงของสหพันธรัฐและเขาก็มาถึงสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่าพื้นที่ยุทธศาสตร์เทือกเขาเฮลล์

เทือกเขานี้ประกอบด้วยบริเวณที่เป็นเทือกเขา ซึ่งเป็นเหมือนกับกำแพงตามธรรมชาติของเมืองหลวงสหพันธรัฐและบริเวณที่เป็นที่ราบขนาดใหญ่เป็นพื้นที่ด้านหน้าเทือกเขาที่เปิดโล่ง

เมื่อก่อนมันมีหมู่บ้านของชาวบ้านพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ที่นี่ มีบ้านเรือนที่สร้างขึ้นมาในสมัยก่อนหลายร้อยหรือพันปีก่อนหน้านั้น นับเป็นหนึ่งในมรดกโลก

แต่ตอนนี้หมู่บ้านเหล่านั้นกลับได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่พื้นที่ราบถูกเปลี่ยนเป็นสนามรบที่ใช้ต่อสู้กันของทหารราบจากฝ่ายกองทัพเทพอนันต์เพื่อบุกเข้าไปที่เมืองหลวงของสหพันธรัฐ

ส่วนที่ว่าทำไมกองทัพเทพอนันต์ต้องส่งทหารราบลงมา นั้นก็เพราะว่าเทือกเขาด้านหน้าถูกสหพันธรัฐเปลี่ยนให้กลายเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ติดตั้งปืนใหญ่จำนวนมากลงไป

แม้ตอนนี้ป้อมปืนเหล่านั้นจะหลบอยู่ตามพุ่มของต้นไม้และเงาของภูเขา แต่พวกเขาก็ตรวจจับมันได้ แถมยังมีกองทัพอากาศที่เป็นยานเหาะของสหพันธรัฐที่มีจำนวนไม่ได้ด้อยไปกว่ากันอยู่ด้วย ทางเดียวที่จะบินผ่านไปได้โดยไม่ถูกทำลายทั้งหมดคือต้องทำศึกทั้งสองพื้นที่

คือบนฟ้าและพื้นดิน

ศึกบนพื้นที่ดุเดือดและบ้าคลั่งมากกว่า เพราะนี่คือการต่อสู้และยิงกันตรง ๆ ของทหารทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายหนึ่งต้องบุกขึ้นไปบนภูเขาอีกฝ่ายต้องป้องกันศัตรูจากพื้นราบด้านล่าง มันไม่ต่างจากการยกพลขึ้นบกในสงครามโลกยุคก่อน ๆ ที่ผ่านมา เพียงแต่พลังทำลายล้างของปืนในยุคนี้หมดจดยิ่งกว่าและรุนแรงยิ่งกว่า

ปืนใหญ่ยิงจากระยะหลายกิโลเมตรตกลงใส่ทหารที่ราวกับมดกำลังวิ่งขึ้นไปด้านบน เหนือมนุษย์แสดงพลังของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่เข้าห้ำหั่นให้แหลกกันไปข้าง

ขณะที่ทหารราบก็ได้รับการสนับสนุนจากการระดมยิ่งของปืนใหญ่บนยานเหาะประจัญบานที่ยิงใส่อีกฝั่งจากระยะไกลจนเปิดโอกาสให้บุกขึ้นได้

แต่การสนับสนุนก็ไม่ได้มีมากนัก เพราะยานเหาะก็ต้องเผชิญศึกของตัวเองบนท้องฟ้าเช่นกัน

มียานเหาะทั้งสองฝ่ายผลัดกันยิงปืนใหญ่พลังงานใส่กันจนเกิดความเสียหายรุนแรง ดูเหมือนยานเหาะพิฆาตของกองทัพกำลังตกลงจากฟ้าก่อน แต่ด้วยจิตใจที่กล้าหาญของกองทัพสหพันธรัฐพวกเขาจึงเลือกจะควบคุมยานเหาะพิฆาตที่จำหลังจะตกให้พุ่งเข้าไปชนกับยานเหาะของกองทัพเทพอนันต์

ส่งผลให้ยานเหาะทั้งสองพุ่งชนกันบนท้องฟ้า และตามมาด้วยแรงระเบิดมหาศาลเป็นเสี่ยง ๆ ในส่วนหน้าของยานเหาะที่ชนกันไป ก่อนร่วงหล่นจากท้องฟ้าทั้งสองลำ

ยานเหาะนับร้อยเมตรที่ตกลงมาจากท้องฟ้าทั้งสองก็เหมือนกับอุกกาบาตที่พุ่งมาซ้ำเติมทหารราบที่ต่อสู้กันอยู่ในบริเวณนั้นบางคนโชคดีรอดมาได้

แต่บางคนโดนยานเหาะทับตายไม่เหลือแม้แต่ซากให้เห็น

ตูม!!!

แรงกระแทกส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่มันก็ถูกกลบฝังด้วยเสียงของปืนใหญ่ที่ยิงไม่หยุด จนกระทั่งมีแรงระเบิดซ้ำอีกครั้งส่งให้ทหารทั้งสองฝ่ายที่อยู่ไม่ไกลพื้นที่นั้นกระเด็นไปคนละทาง มีเลือดไหลออกมาจากหูทั้งสองข้าง

คนที่ทนไม่ไหวก็ทรุดตัวลง ส่วนคนที่ยังพอไหวก็พยายามตั้งสติ หยิบอาวุธมาฆ่าฟันกันต่อ

ขณะที่ลูกยานที่รอดมาได้ก็ล้มลุกคลุกคลานออกมาจากยานเหาะพร้อมกับคนเจ็บที่ถูกพาออกมา คนที่สู้ไม่ไหวถูกส่งไปยังด้านหลังของแนวรบตัวเอง ส่วนคนที่จับอาวุธได้ก็เข้าร่วมสงครามต่อไป

ลุคมองดูฉากเบื้องหน้าที่บ้าคลั่ง มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวเลย กลับกันกลับทำให้เขารู้สึกสงบนิ่งมากยิ่งขึ้น ยิ่งมีความตายมาก ยิ่งทำให้เขามีสมาธิมากขึ้น มันเป็นเหมือนกับนิสัยที่ถูกหล่อเลี้ยงมาจากประสบการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในช่วงที่ผ่านมานี้

ยิ่งเขานิ่งมากเท่าไหร่ลุคก็สามารถสังเกตรายละเอียดรอบ ๆ ได้อย่างชัดเจนและเขาก็พบกับเป้าหมายของตัวเองอย่างรวดเร็ว

ห่างออกไปหลายกิโลเมตรบนท้องฟ้าในสนามรบลุคเห็นยานเหาะเรือธงลำใหญ่ที่กำลังเดินหน้าอย่างช้า ๆ พร้อมกับกองยานที่ปกป้องจากรอบทิศทาง

ทิศทางที่ยานเหาะเรือธงกำลังมุ่งหน้าไปแน่นอนว่าคือเมืองหลวงของสหพันธรัฐ แต่ด้านหน้าก็มีกองยานของสหพันธรัฐที่นำโดยยานเหาะเรือธงที่ขนาดไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย และอีกไม่นานยานเหาะเรือธงทั้งสองก็จะเผชิญหน้ากันอย่างสมบูรณ์

ยานเหาะเรือธงนั้นคือเป้าหมายของลุค แซมสันคือระดับสั่งการสูงสุดต้องอยู่ที่เรือธง เจนก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย และเข้าต้องเข้าไปเพื่อพาตัวเจนออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกิน

แต่ระหว่างลุคและยานเหาะเรือธงกลับเต็มไปด้วยทหารจากทั้งสหพันธรัฐและทหารจากกองทัพเทพอนันต์นับล้านที่เขาต้องผ่านไปให้ได้

“ใครขวางมันตาย!” ลุคตะโกนลั่น ก่อนจะสะบัดปีกสีดำราวกับปีศาจที่ด้านหลังบินทะยานเข้าสู่สนามรบมุ่งหน้าไปที่ยังยานเหาะเรือธงอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด