บทที่ 48:: ปืนใหญ่เพลิงอัสนียักษ์
บทที่ 48:: ปืนใหญ่เพลิงอัสนียักษ์
ขณะที่ซูฟ่านกำลังชื่นชมทิวทัศน์ของทะเลอนันต์ เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจแล้ว!” เสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นดังขึ้น
ด้วยความกระตือรือร้น ซาตี้ดูเหมือนกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่เพิ่งทำการบ้านเสร็จ
“น้องซู วงเวทย์รูนด้านนอกสุดของเจ้าทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการส่งข้อมูล ตามทฤษฎี ตราบใดที่มีสิ่งประดิษฐ์ตอบกลับเพียงพอ เจ้าก็จะสามารถติดต่อกันได้แม้แต่ในระยะไกลก็ตาม” เขาพูดอย่างตื่นเต้น เขารู้สึกเหมือนได้เข้าสู่โลกเวทย์มนตร์
“น่าประทับใจมาก ข้าใช้เวลาตั้งนานในการทำความเข้าใจโครงสร้างรูนนี้” ซูฟ่านกล่าวชื่นชม พี่ซาคนนี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ
“แต่ก็ยังไม่น่าประทับใจเท่ากับน้องซูที่สามารถคิดค้นวงเวทย์รูนได้หรอก” ซาตี้กล่าวชมเชยกลับ
ในขณะนี้ เรือเหาะลอยล่องก็ได้ออกมาจากทวีปแล้ว และไม่สามารถมองเห็นแนวชายฝั่งด้านหลังเรือได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น กองเรือทั้งหมดก็เคลื่อนตัวลงสู่ผิวทะเล เรือเหาะลอยล่องและเรือรบอีกเก้าลำร่อนลงบนพื้นผิวทะเลและทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่
เมื่อมาถึงจุดนี้ เรือรบลำหนึ่งก็ส่งเสียงแปลกๆ ปืนใหญ่รองบนเรือสว่างขึ้นด้วยแสงสีเขียว
'บู้มมม!'
เสียงระเบิดดังขึ้นและลำแสงสีเขียวหนาหนึ่งเมตรก็ถูกยิงตรงไปที่ทะเลอันห่างไกล หน่วยลาดตระเวนที่ขี่นกเพลิงสีทองลาดตระเวนท้องฟ้าบินไปยังพื้นที่ที่ถูกแสงสีเขียวยิงทันที
หลังจากนั้นไม่นาน กองบินของหน่วยลาดตระเวนเปลวเพลิงทองก็ได้บรรทุกซากวาฬขนาดยักษ์ที่มีความยาว 500 เมตรกลับมา
“นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีเลย ดูเหมือนว่าทริปรวบรวมทรัพยากรในครั้งนี้จะไปได้สวย” ซาตี้กล่าวพร้อมมองดูวาฬยักษ์ที่ถูกอุ้มมาจากระยะไกล
“นี่คือวาฬทะเลน้ำตื้น ขนาดของมันบ่งชี้ว่ามันน่าจะอยู่ที่ขอบเขตกลั่นสูญ”
“เราจะได้กินซุปดีๆ ในมื้อเย็นคืนนี้แน่ น่าเสียดายที่เรากินเนื้อมันด้วยไม่ได้” ซาตี้กล่าวอย่างเสียใจ ก่อนที่จะถึงขอบเขตแก่นแท้ทองคำ เราก็ไม่สามารถกินอะไรมั่วซั่วได้
ในขณะนี้ ซูฟ่านก็ไม่ได้กังวลว่าเขาจะได้กินอะไร เขาแค่สนใจพลังทำลายล้างของปืนใหญ่ก็เท่านั้น
เพียงนัดเดียว สัตว์อสูรขอบเขตกลั่นสูญก็ถึงกับต้องลาโลก
เมื่อเห็นใบหน้าที่ประหลาดใจของซูฟ่าน ซาตี้ก็หัวเราะ ในครั้งแรกที่เขาเห็น เขาก็มีสีหน้าแบบนี้เช่นกัน
“ศิษย์น้องซู นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าได้เห็นการทำงานของปืนใหญ่ แล้วเดี๋ยวเจ้าก็จะคุ้นเคยกับมันไปเอง”
“นั่นเป็นเพียงปืนใหญ่รอง รอจนกว่าเราจะได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรในช่วงมหันตภัยหรือในขอบเขตมหายานก่อนเถอะ นั่นแหละคือเวลาที่การแสดงจะเริ่มต้นขึ้น”
“เมื่อปืนใหญ่หลักจากเรือรบทั้งเก้าลำยิงออกไปพร้อมกัน พวกมันก็จะสามารถทำลายมิติได้ด้วยซ้ำ” ด้วยความตื่นเต้น ซาตี้เล่าให้ซูฟ่านฟังถึงพลังของปืนใหญ่หลัก ซึ่งจุดประกายความสนใจของซูฟ่านโดยทันที
“พี่ซา ปืนใหญ่หนึ่งนัดต้องใช้หินวิญญาณกี่ก้อนกัน?” ซูฟ่านถามอย่างสงสัย
“ไม่ใช่แค่หินวิญญาณเท่านั้นนะที่ถูกใช้ไป แต่ถ้าเราแปลงทั้งหมดเป็นหินวิญญาณ มันก็จะมีค่าเป็นประมาณ 100,000 หินวิญญาณสำหรับหนึ่งนัด”
“นั่นไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แค่ขายชิ้นส่วนของวาฬนั่นเราก็จะได้รับหินวิญญาณกลับมา 500,000 ก้อนแล้ว” ซาตี้กล่าว โดยนึกถึงว่าเขาเคยถามคำถามเดียวกันนี้กับอาจารย์ของเขามาก่อน
ซูฟ่านแทบหายใจไม่ออก เขาต้องหาเงินนานกว่าหนึ่งเดือนเพื่อเอามายิงกระสุนนัดเดียว!
“นั่นไม่มีอะไรเลย ปืนใหญ่หลักนั้นน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านี้อีก ค่าใช้จ่ายของมันหนึ่งนัดอยู่ที่ 500,000 หินวิญญาณ” ซาตี้กล่าวต่อ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มหารือเกี่ยวกับวงเวทย์รูนต่อ
สามวันต่อมา ซูฟ่านสามารถขึ้นเรือรบลำหนึ่งได้ผ่านเส้นสายของเย่เสี่ยวเหยา คราวนี้ภารกิจหลักของเขาคือการตรวจสอบวงเวทย์รูนของปืนใหญ่พลังวิญญาณ
เมื่อเขาขึ้นเรือเหาะลอยล่อง ซูฟ่านก็ตระหนักได้ว่านิกายเทียนฉัวมีความลำเอียงอย่างมากต่อนักสร้างสิ่งประดิษฐ์ พวกเขามีความพยายามสูงมากในการเลี้ยงดูเหล่านักสร้างสิ่งประดิษฐ์
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่เขาขึ้นเรือเหาะลอยล่องมา ในฐานะนักสร้างสิ่งประดิษฐ์ เขาก็ได้รับทรัพยากรกองหนึ่งที่เหลือจากการเก็บรวบรวม และนั่นก็เพียงของเหลือเท่านั้น
ซูฟ่านประมาณคร่าวๆ ว่าของเหลือเหล่านี้อาจมีมูลค่ามากกว่า 30,000 หินวิญญาณด้วยซำ
ซูฟ่านเหลือบมองทหารขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณใกล้ๆ และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นี่เป็นข้อเสียเพียงอย่างเดียวของการอยู่บนเรือ นอกเหนือจากนักสร้างสิ่งประดิษฐ์และนักปรุงยามืออาชีพแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครอยู่ต่ำกว่าขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณเลย
จากประสบการณ์ของซูฟ่าน แม้แต่คนที่ยืนเฝ้าดาดฟ้าเรือก็ยังเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณ และหากโชคดี เราก็อาจเจอผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญด้วยซ้ำ
“ผู้อาวุโส ข้าแค่ต้องการจะตรวจสอบวงเวทย์รูนบนปืนใหญ่ยักษ์ ท่านไม่จำเป็นต้องปกป้องข้าก็ได้” ซูฟ่านกล่าวด้วยความประหลาดใจกับความสนใจที่เขาได้รับ
“ไม่ต้องกังวล สังเกตมันตามที่เจ้าต้องการเลย ข้าแค่อยากจะเรียนรู้จากเจ้าเล็กๆ น้อยๆ ข้าได้ศึกษาการสร้างสิ่งประดิษฐ์เมื่อเร็วๆ นี้มา” ชายหนุ่มสวมชุดเกราะกล่าว เขาเองก็อยู่ที่ขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณเช่นกัน
เมื่อมาถึงจุดนี้ ซูฟ่านก็ไม่ได้รีรออีกต่อไป เขาสวมสิ่งประดิษฐ์ที่มีลักษณะคล้ายแว่นตาและเริ่มตรวจสอบอักษรรูนบนปืนใหญ่ยักษ์
ขณะที่ซูฟ่านสังเกตอักษรรูน เขาก็พูดคุยกับอีกฝ่ายไปด้วย
“น้องชาย เจ้าค้นพบอะไรบ้างไหม?” ชายหนุ่มถามซูฟ่านซึ่งมีท่าทางประหลาดใจ
“ไม่มีอะไรสำคัญ ข้าแค่ชื่นชมงานฝีมือบนเรือรบลำนี้ก็เท่านั้น โดยเฉพาะอักษรรูนบนปืนใหญ่เพลิงอัสนียักษ์นี้ พวกมันพิเศษมาก มันมี…”
ในเวลานี้ ซูฟ่านก็รู้สึกเหมือนกับเป็นคนป่าที่ไม่รู้จักเทคโนโลยี เขารู้สึกตื่นเต้นกับการทำงานของมันมาก
" จริงหรอ? ข้าเคยตรวจสอบอักษรรูนเหล่านี้แล้ว พวกมันดูธรรมดาสำหรับข้า หากข้าค้นหานักสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เหมาะสมได้ เราก็จะสามารถผลิตสิ่งที่เหมือนๆ กันออกมาได้” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ใส่ใจ โดยคิดว่าถ้าเขาศึกษามาหลายสิบปีแล้ว และเขาก็สามารถสร้างเรือรบเช่นนี้ได้เช่นกัน
ซูฟ่านกำลังจะเยาะเย้ย แต่เมื่อเขานึกถึงระดับพลังของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็กลืนคำพูดของเขากลับไป
อยู่ต่ำๆ ไว้จะดีกว่า คนที่โต้เถียงมากเกินไปจะอยู่ได้ไม่นาน
“ท่านพูดถูก”
ซูฟ่านไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากสังเกตรูนได้สักพัก เขาก็กลับมาที่เรือเหาะลอยล่อง
เมื่อเขามาถึง เขาก็ถูกซาตี้จับตัวไป
“ศิษย์น้องซู ข้าขอโทษด้วย แต่ข้าได้บอกความคิดของเจ้ากับอาจารย์ของข้าไป และเขาก็สนใจมาก ดังนั้นเขาจึงต้องการจะคุยกับเจ้า” ซาตี้กล่าวอย่างขอโทษ
ให้ตายเถอะ ข้าคิดว่าท่านเป็นเพื่อนของข้า แต่ท่านกลับหันหลังให้ข้าและขายข้าทิ้ง!
ด้วยความรู้สึกหมดหนทาง ซูฟ่านจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดตามซาตี้ไปยังแผนกสิ่งประดิษฐ์
เมื่อเข้ามา ซูฟ่านก็ประหลาดใจอีกครั้ง เพียงแค่เทคนิคการขยายพื้นที่เพียงอย่างเดียวโดยใช้วงเวทย์ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาโง่ไปร้อยปี
ภายนอกมันดูเหมือนห้องธรรมดา แต่ภายในนั้นก็ใหญ่พอๆ กับหมู่บ้านด้วยซ้ำ
ซาตี้พาซูฟ่านไปหาชายชราที่ดูใจดี
“เจ้าคือสหายที่ซาตี้กล่าวถึงใช่ไหม?” ชายชราถามอย่างอ่อนโยน
“ใช่แล้ว นั่นคือผู้น้อยเอง” ซูฟ่านตอบพร้อมกับโค้งคำนับ
“ความคิดของเจ้าค่อนข้างสร้างสรรค์ ข้าลองคิดเกี่ยวกับมันดูแล้ว หากเราสร้างสิ่งประดิษฐ์กระจายสัญญาณขนาดใหญ่ 36,000 ชิ้นและกระจายพวกมันไปทั่วเซียงโจว บวกกับวงเวทย์รูนของเจ้า อุปกรณ์สื่อสารของเราก็จะสามารถครอบคลุมทั่วเซียงโจวได้”
“เราจะสามารถปรับปรุงวิธีการสื่อสารเพิ่มเติมเพื่อทำให้เราสามารถดำเนินการสนทนาด้วยภาพทางไกลได้” ชายชรากล่าวอย่างตื่นเต้น
ในขณะนี้ ซูฟ่านก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรประมาทสติปัญญาของใครก็ตาม การสนทนาด้วยภาพ แม้กระทั่งการฉายภาพเสมือนจริง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นไปได้!