บทที่ 46: เมา
บทที่ 46: เมา
ในตอนเย็น ซูฟ่านกำลังเฝ้าดูเย่เสี่ยวเหยาเสิร์ฟอาหารวิญญาณรอบที่สี่ลงบนโต๊ะ ซูฟ่านครุ่นคิดว่าเขาควรจะหนีออกไปทันทีเลยหรือยังอยู่ต่อดี นี่เป็นเพราะสิ่งต่างๆ อาจเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นได้ทุกเมื่อเมื่อเขาอยู่บนเรือลำเดียวกันกับเย่เสี่ยวเหยา
ในขณะนี้ เย่เสี่ยวเหยาก็เดินเข้ามาพร้อมกับจานอาหารอีกสองจาน
“น้องซู อาหารวิญญาณบนเรือเหาะนี้อร่อยมาก แม้แต่เจ้านิกายก็ยังชื่นชอบมันเลย”
“ มีจานอาหารเจ็ดจานวางอยู่บนโต๊ะ สามจานเย็น สามจานร้อนและอีกหนึ่งจานซุป
“น้องซูลองดูสิ อาหารเรียกน้ำย่อยทั้งหมดบนโต๊ะนี้ทำมาจากสมุนไพรวิญญาณอายุหลายร้อยปี เนื้อเหล่านี้เองก็ล้วนมาจากสัตว์อสูรระดับแก่นแท้ทองคำ” เย่เสี่ยวเหยาแนะนำซูฟ่านอย่างกระตือรือร้น ในขณะที่ลึกลงไปในตัวเขา มีเสียงหนึ่งดังก้องกังวาน
“เจ้าหนู จงหาวิธีสร้างสัมพันธ์กับเขาให้จงได้ ถ้าเจ้าทำสำเร็จ เจ้าก็จะไร้เทียมทาน เชื่อมั่นในคำพูดของจักรพรรดิเซียนผู้นี้สิ มันถูกต้องแล้ว”
เย่เสี่ยวเหยาผู้เป็นมิตรในตอนแรกดูกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
เมื่อมองดูการแสดงออกอันเร่าร้อนของเย่เสี่ยวเหยา ซูฟ่านก็ไม่อยากจะตอบโต้อย่างเย็นชา ดังนั้นเขาจึงยิ้มและพูดว่า “พี่เย่คงใช้เงินไปเป็นจำนวนมากกับอาหารบนโต๊ะนี้”
เย่เซียวเหยาหัวเราะและพูดว่า “ฮ่าฮ่า ไม่เลยๆ ทั้งหมดนี้เป็นอาหารฟรี บนเรือลำนี้มีอาหารเตรียมไว้ให้เราฟรีอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินว่าอาหารฟรี ความสนใจของซูฟ่านก็เพิ่มขึ้น ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะใช้วิชาอิ่มเอมแล้วใช่ไหม?
จากนั้น เย่เสี่ยวเหยาก็หยิบขวดเหล้าออกมากระซิบกับซูฟ่านว่า “นี่คือเหล้าวิญญาณที่ผลิตขึ้นมาโดยทีมลาดตระเวนของเราโดยใช้โสมหมื่นปีเป็นวัตถุดิบ”
เมื่อเห็นอาหารและเหล้าราคาแพงวางกองอยู่บนโต๊ะ ซูฟ่านก็วางอคติลงและเริ่มดื่มกินกับอีกฝ่าย
ขณะที่ทั้งสองดื่มเหล้าไปครึ่งไห ซูฟ่านก็เริ่มพูดจามากขึ้น
“พี่เย่ อาการป่วยแปลกๆ ของท่านหายขาดตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูฟ่านถามโดยสังเกตแหวนบนมือของเย่เสี่ยวเหยา
“ฮ่าฮ่า ต้องขอบคุณโชคของข้า อาการป่วยของข้าได้หายไปหลังจากข้ากลับมาจากดินแดนลับ” เย่เสี่ยวเหยาตอบอย่างมึนเมาเล็กน้อย
“ศิษย์น้องซู เจ้ารู้ไหมว่าหลังจากออกมาจากดินแดนลับ ข้าก็ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานโดยทันที”
“หลังจากก้าวไปสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐาน สิ่งแรกที่ข้าทำก็คือไปหาครอบครัวที่เคยยุติการหมั้นหมายกับข้า และข้าก็ทำให้ศิษย์รุ่นเยาว์ทุกคนที่นั่นอับอาย”
เมื่อพูดจบ เย่เสี่ยวเหยาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นเพื่อแสดงความยินดีกับซูฟ่าน
เมื่อมองไปที่เย่เสี่ยวเหยาผู้ดูขี้เมาเล็กน้อย ซูฟ่านก็ตกใจมาก ตัวเอกถูกทิ้ง!
ความเคารพของเขาต่อเย่เสี่ยวเหยาเพิ่มขึ้น
เดิมทีเขาสันนิษฐานว่าต่อไปนี้จะเป็นฉากการโอ้อวดและรักษาหน้า แต่เย่เสี่ยวเหยากลับเปลี่ยนน้ำเสียงโดยไม่คาดคิด โดยพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ในตอนแรก ข้าคิดว่าข้าจะสามารถชดเชยความอับอายที่ถูกทิ้งได้ แต่ข้าไม่เคยคิดเลย…”
“หญิงสาวที่ทิ้งข้าไปได้ถูกผู้มีใจรักสันโดษรับไปเป็นลูกศิษย์ และนางเองก็อยู่ในขอบเขตก่อเกิดรากฐานแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง ข้าจึงเป็นฝ่ายถูกนางทุบตีจนต้องหนีกลับมา”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ซูฟ่านก็กลอกตาของเขา แม้แต่จักรพรรดิเซียวก็ยังรู้ว่าจะต้องรออวดปู่ของเขาหลังจากผ่านไปสามปี ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะถูกทุบตีหลังจากฟื้นความแข็งแกร่งเล็กๆ น้อยๆ ได้เท่านั้น
“อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ยิ่งทำให้ข้ามีแรงผลักดันมากขึ้น ถ้านางมีอาจารย์ขอบเขตมหายานแล้วยังไงล่ะ? ตราบใดที่ข้ามีเวลาสักสามปี ข้าก็จะตอบแทนความอัปยศอดสูที่ข้าได้รับมาถึงสองครั้งสองคราวกลับไปอย่างแน่นอน!” เย่เสี่ยวเหยากล่าวอย่างมั่นคง
ซูฟ่านยกแก้วเหล้าของเขาขึ้น
“ข้าขอให้ท่านประสบความสำเร็จในการบรรลุความฝันของท่านนะ ศิษย์พี่เย่”
“ขอบคุณน้องซู จากนี้ไปเรียกข้าว่าพี่เย่เฉยๆ ก็ได้”
“พี่เย่ เอาล่ะ ข้าขอดื่มให้ท่านอีกแก้ว”
และแล้ว ซูฟ่านก็มีพี่ใหญ่คนใหม่...
เมื่อเย่เสี่ยวเหยานำเหล้าวิญญาณออกมาอีกไห ซูฟ่านก็ตระหนักได้ว่าเขาลืมใช้วิชาอิ่มเอมของเขาไปเลย พวกเขาทั้งสองดื่มกันจนดึกดื่น หลังจากที่ซูฟ่านหมดสติไปแล้ว เย่เสี่ยวเหยาจึงอุ้มเขากลับไปที่ห้องพัก
เมื่อซูฟ่านลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เรือเหาะลอยล่องก็ได้ลอยอยู่สูงเหนือพื้นดินแล้ว
“ให้ตายเถอะ การดื่มทำให้ข้ามึนจริงๆ” ซูฟ่านพูดพร้อมกับลูบหัวของเขา เมื่อซูฟ่านก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้า เขาก็ตะลึงกับภาพตรงหน้าเขา
งูยักษ์ตัวหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าเรือเหาะลอยล่องหลายเท่ากำลังเลื้อยไปมารอบๆ เรือ และถูร่างใหญ่ของมันกับเรือเป็นครั้งคราว
ทันใดนั้นเย่เสี่ยวเหยาที่สวมชุดเกราะลาดตระเวนมาตรฐานก็เดินเข้ามา
“น้องซู เจ้าตื่นแล้วหรอ? เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” เย่เสี่ยวเหยาถามอย่างเป็นห่วง เขาเสียใจเล็กน้อยในตอนเช้า เหล้าวิญญาณนั้นแรงเกินไปสำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตฝึกปราณ ถ้าพวกเขายังคงดื่มไปมากกว่านี้ ร่างของซูฟ่านก็อาจระเบิดเพราะความผันผวนของปราณได้
“ไม่เป็นไร ข้าแค่ปวดหัวนิดหน่อย” ขณะที่ซูฟานกำลังพูดสิ่งนี้ เขาก็ได้ตรวจสภาพร่างกายของเขาภายในและก็ตกใจในทันที
ข้ามาถึงขอบเขตฝึกปราณขั้น 12 แล้ว!
“ดีแล้ว เจ้าเอานี่ไป” เย่เสี่ยวเหยามอบขวดยาวิญญาณให้กับซูฟ่านที่ยังคงสับสนอยู่
“ข้าเห็นว่าเจ้าได้เข้าสู่ขอบเขตฝึกปราณขั้นสิบสองแล้ว และข้าก็บังเอิญมียารากฐานบางส่วนที่ข้าไม่ต้องการแล้ว ดังนั้นข้าจึงจะมอบมันให้กับเจ้าแทน” เย่เสี่ยวเหยายิ้ม เขาได้สิ่งเหล่านี้มาจากโชคช่วย ดังนั้นการแจกมันให้ซูฟ่านจึงไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจเลย
เมื่อซูฟ่านเปิดขวด เขาก็เห็นยารากฐานระดับกลางสี่เม็ด
ยารากฐานแต่ละเม็ดมีมูลค่า 20,000 หินวิญญาณ
ซูฟ่านมอบยาคืนให้กับเย่เสี่ยวเหยาโดยทันที มันเป็นเรื่องตลกจริงๆ ที่มอบยาให้กับนักปรุงยา เขากำลังคิดจะตบหน้าฉันอยู่หรอ?
“ข้าซาบซึ้งในความมีน้ำใจของท่านนะพี่เย่ แต่ข้าสามารถสร้างยานี้ได้ด้วยตัวเอง และไม่จำเป็นต้องรบกวนท่าน” ซูฟ่านตอบทันที
“ฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าน้องซูจะเป็นนักปรุงยาด้วย ช่างน่าประหลาดใจอะไรเช่นนี้” เย่เสี่ยวเหยาเก็บยากลับไปและหัวเราะ การให้ยาแก่นักปรุงยาก็เหมือนกับการตบหน้าพวกเขา
“น้องซู ข้าจะพาเจ้าเดินเล่นรอบๆ เอง หากเจ้าสงสัยอะไร เจ้าก็สามารถถามข้าได้เลย”
“เราจะไปถึงทะเลอนันต์ภายในสามวัน หลังจากนั้นเรือเหาะลอยล่องทั้งหมดก็จะเปลี่ยนกลายเป็นฐานที่มั่น”
“เพราะฉะนั้น หากเจ้าต้องการจะสังเกตส่วนใดส่วนหนึ่งของเรือ เจ้าก็ควรรีบทำซะตั้งแต่ตอนนี้”
“เจ้าสามารถเยี่ยมชมได้ทุกที่บนเรือ ยกเว้นห้องกัปตัน ห้องสะพานเรือ และห้องส่วนตัว”
“ถ้าเจ้าว่าง เจ้าจะไปทำงานที่แผนกนักปรุงยาบนเรือก็ได้ รางวัลที่นั่นเองก็มีมากมาย”
เมื่อได้รับคำแนะนำโดยละเอียดจากเย่เสี่ยวเหยาแล้ว ซูฟ่านก็คิดตาม
มันก็ไม่ได้แย่ที่จะเป็นเพื่อนกับเย่เสี่ยวเหยา ถ้าไม่นับเรื่องปัจจัยความเสี่ยงสูงล่ะก็นะ
ทันใดนั้น เย่เสี่ยวเหยาก็ตบไหล่ซูฟ่านแล้วพูดว่า “ข้าได้พูดในสิ่งที่จำเป็นต้องพูดแล้ว ข้ายังมีหน้าที่ลาดตระเวนต้องทำอีก ดังนั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ”
ซูฟานกำลังจะถามเกี่ยวกับงูยักษ์ที่อยู่ด้านข้างของเรือ แต่เย่เสี่ยวเหยาก็ชิงบอกเขาก่อน “งูกลืนเมฆตัวนั้นคือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณของเรือเหาะลอยล่อง”
หลังจากพูดสิ่งนี้แล้ว เย่เสี่ยวเหยาก็เดินออกไปในระยะไกล
หลังจากที่เย่เสี่ยวเหยาจากไปแล้ว ซูฟานก็สวมสิ่งประดิษฐ์ที่มีลักษณะคล้ายแว่นตาและเริ่มสังเกตโครงสร้างอักษรรูนอย่างใกล้ชิดในพื้นที่ด้านนอกสุดของเรือเหาะ
ตามระดับของมัน เรือเหาะลำนี้ก็ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์เต๋าระดับกลาง ตัวเรือทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูน สำหรับตอนนี้ ซูฟ่านก็สังเกตได้เพียงวงเวทย์รูนที่ง่ายที่สุดเท่านั้น
“น่าอัศจรรย์ ในตอนที่ข้าซ่อมแซมรูนก่อนหน้านี้ ข้าก็ไม่ได้มองมันอย่างใกล้ชิด” ซูฟ่านชื่นชม
“น่าแปลกจริงๆ ที่ศิษย์ขอบเขตฝึกปราณตัวน้อยเช่นเจ้าจะมีสายตาที่ใส่ใจในรายละเอียดเช่นนี้ เจ้าสนใจมาเป็นลูกศิษย์ของข้าไหม?” ทันใดนั้นเอง มือสีเข้มที่แข็งแกร่งคู่หนึ่งก็ตบลงบนไหล่ของซูฟ่าน...