ตอนที่แล้วตอนที่ 68 ราคาของความเย่อหยิ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 70 เพื่อนร่วมชั้นรับความเสียหาย 100,000 แต้ม

ตอนที่ 69 ความกังวลของเพื่อนร่วมชั้น เซี่ย


เมื่อเทียบกับเมนเทอร์ทั้งสามคน

อารมณ์ของหญิงสาวที่ตั้งร้อง และเต้น ในก่อนหน้านี้ แตกต่างกันมาก

เมื่อเห็นว่าความพยายามของตัวเองได้รับการยอมรับจาก ท่านประธาน และโดยไม่คาดคิดว่าจะผ่านจริงๆ

อารมณ์ของเธอเวลานี้เหมือนราวกับนั่งรถไฟเหาะ ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอรู้สึกตื่นเต้นแค่ไหนเลยในตอนจบ

ทั้งหมดนี้ใครจะไปคิด.. ว่ามันจะเกิดขึ้นกับเธอที่เพิ่งจะถูกประเมินให้ ‘ไม่ผ่าน’ กัน

เมื่อคิดว่าความพยายามทั้งหมดที่ทุ่มเทไปกลายเป็นภาพฝัน แต่เวลานี้ความหวังมันกลับถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

ในขณะนี้ เธอเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างล้นหลามต่อ ประธานซู

เดิมทีเธออยากจะเข้าไปขอบคุณ ..อีกฝ่าย

เพียงแต่เมื่อเธอกลับมาได้สติ อีกฝ่ายก็กลับหายตัวไปเสียแล้ว

อีกด้านหนึ่ง หลังจาก ซูเหวิน จัดการกับเมนเทอร์ทั้งสามคนเสร็จแล้ว ก็กลับไปที่ห้องประชุมที่ชั้นบนสุด

หลังจากเขาปรึกษากับรองประธานเผิง และผู้บริหารหลายคนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกลไกของแคมเปญในส่วนกิจกรรมต่างๆ แล้ว เขาก็ออกจากบริษัท…

พริบตาเดียว, เวลาก็ล่วงเลยมาถึงวันจันทร์อีกครั้ง

ซูเหวิน ได้ขับรถ Lamborghini Veneno กลับไปที่มหาวิทยาลัยเทียนเวย

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซูเหวิน ได้รับความนิยมอย่างมากในมหาลัย

โดยเฉพาะบน ‘ฟอรั่ม’ ที่แทบจะเรียกได้ว่ากลายเป็นสนามรบไปแล้ว

ในเวลาเพียงสองวัน ก็มียอดโพสต์สูงทะลุถึงหลักร้อย

ส่วนใหญ่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเสียงตะโกนโห่ร้องเพื่อท้าทาย ซูเหวิน

ดังนั้นเมื่อ ซูเหวิน กลับมาที่หอพัก และยังไม่ทันได้พักผ่อน เพื่อนร่วมห้องก็พากันดึงเขาไปที่โต๊ะทีละคน

จากนั้นเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และเข้าสู่ฟอรั่ม

เตรียมให้เขาเห็นว่าในฟอรั่มมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง

แต่เดิม ซูเหวิน ไม่สนใจเรื่องนี้

ท้ายที่สุด.. มันก็ไม่ใช่ว่าวันสองวันแล้วที่เขากลายมาเป็นคนดังในมหาลัย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปที่หน้าแรกของฟอรั่มมหาลัย เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ ..ไปจริงๆ

หน้าแรก สถานการณ์นี้.. มันคืออะไร?

โพสต์ท้าทาย : “ฉัน โจว มู่เฟิง ขอท้า ซูเหวิน วิดพื้น 100 ครั้ง ใครแพ้คือ ไอ้ลูกเต่า!”

โพสต์ท้าทาย : “ฉันขอท้า ซูเหวิน ให้วิ่ง 100 เมตร ใครแพ้ไม่ใช่ คน”

โพสต์ท้าทาย : “ขอท้าให้ ซูเหวิน ทำสควอท 200 ครั้ง ใครแพ้ให้เรียกอีกฝ่ายว่า ปู่”

โพสต์ท้าทาย : “ขอท้า ซูเหวิน แข่งบาสเก็ตบอลใครแพ้…”

ยอดเยี่ยมมาก!

เมื่อมองดูปราดเดียวก็เห็นว่ามีโพสต์กว่าสิบโพสต์ แล้วเก้าในสิบมันก็เกี่ยวข้องกับการท้าทายเขา

“ตั้งแต่ไม่กี่วันก่อนที่สนามกีฬา ครั้ง เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ที่เธอได้มาชวนนายให้ไปเป็นแขกที่บ้าน ทุกคนแทบเสียสติ ไม่สิ..เรียกได้ว่าบ้าไปแล้วก็ได้”

“ใช่! โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นายทำลายสถิติโลกจากการวิ่งระยะไกลนั้นแล้ว คนที่ชื่นชอบ ดอกไม้งาม เซี่ย คือ..เรียกได้ว่าแทบรอไม่ไหวที่จะอยากจะเอาชนะนายทีละคน”

“แต่ดูไอ้คนพวกนี้ฉลาดจริงๆ ไม่เลือกวิ่งระยะไกล แต่กลับเลือกทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองถนัดที่สุดมาแข่งกับนาย!”

เพื่อนร่วมห้องหลายคนพูดด้วยสีหน้าไร้คำจะพูด

“ฮ่าฮ่า ก็ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันไปเองเถอะ!”

ซูเหวิน รู้สึกเหงื่อตก

มีคนมากมายท้าทายเขา แต่เขาไม่ได้มีเวลาว่างจะจัดการกับพวกเขาทีละคน

ไม่เช่นนั้น เกรงว่าเขาจะได้เหนื่อยตายเข้าจริงๆ

และในขณะที่ ซูเหวิน รู้สึกพูดไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้

ขณะเดียวกันที่ภาควิชาภาษาต่างประเทศ ภายในห้องเรียน..

เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ได้กอดแขน และนอนฟุบตัวอยู่บนโต๊ะ ด้วยท่าทางเหมือนกับกำลังกังวลอะไรบางอย่าง

“เป็นอะไรไป? ฉันเห็นเธอมีสีหน้าหงอยเหงาเซาซึมแบบนี้มาตั้งแต่ตอนเช้าแล้วนะ”

วัง ซิ่วซิ่ว ที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอทําสีหน้าสงสัย

“เปล่า... ไม่มีอะไร ก็คือแค่ ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับ เพื่อนร่วมชั้น ซูอย่างไรก็เท่านั้น”

เสียงอู้อี้ของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ดังขึ้นมา

“เพื่อนร่วมชั้น ซู?”

“เฮ้ๆ เหยาเหยา เกิดอะไรขึ้น? เธอกับ เพื่อนร่วมชั้น ซู ทะเลาะกันเหรอ?”

วัง ซิ่วซิ่ว ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น

“ไม่ใช่…”

“โธ่เอ๋ย.. เลิกถามซะทีได้ไหม”

เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย รู้สึกเขินอายมาก

นับตั้งแต่ ซูเหวิน ไปที่บ้านของเธอเมื่อวันก่อน และเธอก็จูบ ..ซูเหวิน

ต้องบอกเลยว่าในเวลานั้นใจเธอรู้สึกแฮปปี้ มีความสุขมากเป็นพิเศษ แต่ว่ามัน ..น่าอาย และเธอเองเวลานั้นก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

เพียงแต่หลังจากตัวเองสงบลง.. พอเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็กลับรู้สึกสับสน มึนงงกับตัวเองเล็กน้อยแล้ว

ที่ว่า.. ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่าง เธอ กับเพื่อนร่วมชั้น ซู เราเป็นเพียงแค่ ‘เพื่อนร่วมชั้น’ กันใช่ไหม?

แต่ตอนนั้นที่ฉันจูบเขาไป เขาคิดยังไงกับมัน?

และที่สำคัญหลังจากจูบเขาไปในวันนั้น

เนื่องจากเธอเองรู้สึกประหม่า และเขินอายมากจึงเลือกที่จะวิ่งหนีไป

มันจึงทำให้เธอไม่รู้เลยว่า เพื่อนร่วมชั้น ซู เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แบบเขาชอบ หรือว่าไม่ชอบ?

แล้ว..ถ้าเธอได้พบกับ เพื่อนร่วมชั้น ซู อีกครั้ง พวกเราทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กันแบบไหน?

เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นเท่านั้น

และทั้งหมดก็แบบนี้…

คิดไปคิดมา เวลาก็มาถึงเที่ยงวัน

เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย จึงพักความคิดนี้ของเธอไว้ชั่วคราว และออกไปกินข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อนสาวคนสนิทของเธอ

แต่สิ่งที่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย คาดไม่ถึงก็คือ…

ทันทีที่เธอมาถึงทางเข้าโรงอาหาร เธอก็ชนเข้ากับ เพื่อนร่วมชั้น ซู พอดี

อีกทั้ง.. มันยังอยู่ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้

ทันใดนั้น เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย อยากร้องไห้แต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมา

คือ.. แบบว่า อย่าบังเอิญอย่างนี้ได้ไหม?

เธอกําลังกังวลอยู่ว่าจะเผชิญหน้ากับ เพื่อนร่วมชั้น ซู อย่างไร แล้ว จู่ๆ ทําไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้?

ทันใดนั้น หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอก็อดไม่ได้ที่จะเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ ขึ้นมา

“ซู...เพื่อนร่วมชั้น ซู”

เซี่ย ซินเหยา เม้มริมฝีปากของเธอ และกล่าวทักทายอีกฝ่ายอย่างอายๆ

“เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย พวกคุณก็มาที่นี่ด้วย”

ซูเหวิน ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อเทียบกับอีกฝ่ายแล้ว เขากลับดูสงบกว่ามาก

“ว้าวว ซู สุดหล่อ เป็นอย่างไรบ้าง คุณได้ไปที่บ้านของ เสี่ยวเหยา เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว และนี่ๆ พ่อแม่ของ เสี่ยวเหยา ปฏิบัติต่อคุณดีหรือเปล่า?”

“ใช่ ใช่ พวกเขาได้ถามไหมว่า คุณ กับเสี่ยวเหยา ก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วมีการพูดคุยถึงเรื่องการหมั้นไหม หรือเรื่องจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ มีพวกเรื่องอย่างนี้ไหม?”

วัง ซิ่วซิ่ว และจี้หยวี่ มองไปที่ ซูเหวิน และยิ่งคำถามกับอีกฝ่ายรัวๆ อย่างตื่นเต้น และแอบพากันซุบซิบทันที

“อะแฮ่ม!”

“ถ้าพวกเธอไม่พูด ก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะ”

เซี่ย ซินเหยา เวลานี้เธอทั้งโกรธ ทั้งอับอาย

เดิมที..ความสัมพันธ์ระหว่าง เธอ กับเพื่อนร่วมชั้น ซู นั้นก็ค่อนข้างบอบบางอยู่แล้ว

เธอยังไม่ทันคิดเลยว่าจะจัดการความสัมพันธ์กับคนตรงข้ามนี้อย่างไรด้วยซ้ำ

มาตอนนี้ เพื่อนสาวทั้งสองคนของเธอก็กลับทำให้สถานการณ์มันยิ่งดูแย่ลงอีก..

ซูเหวิน ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนจะเห็นความลําบากใจของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย จึงกล่าวว่า : “พ่อแม่ของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ใจดี และกระตือรือร้นกับฉันมาก”

“ส่วนอย่างอื่นยังไม่ได้คุยกัน พวกคุณก็อย่าเพิ่งไปคิดมากเลย”

พูดพลางทุกคนก็เดินเข้าไปในโรงอาหารด้วยกัน

ซูเหวิน และเพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ต่างเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในมหาลัย

เมื่อพวกเขาทั้งคู่ปรากฏตัวในโรงอาหาร แน่นอนว่าใครๆ ก็สามารถจินตนาการถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้

ทันใดนั้น ก็มีสายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้องมองมาราวกับจะมองทั้งสองคนให้ทะลุ

แต่เอาเถอะ สำหรับเรื่องนี้

ทั้งคู่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับมันแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดอะไรมาก

พวกเขาซื้อข้าวตามปกติ ราวกับไม่เห็นสายตาของทุกคน

ไม่นานหลังจากนั้น ซูเหวิน และเพื่อนก็ซื้อข้าวเสร็จ เตรียมจะไปหาที่นั่งทาน

ในทันทีหลังจากที่ เซี่ย ซินเหยา และเพื่อนสาวของเธอซื้อข้าวเสร็จ คาดไม่ถึงว่าจะมาหยุดยืนอยู่ข้างพวกเขา

จากนั้นพวกเธอก็นั่งลงตรงข้าม ซูเหวิน และคนอื่นๆ ทันที

“เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย?” ซูเหวิน ตกตะลึงเล็กน้อย

เมื่อครู่นี้ที่เขาเห็น เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ดูเขินอาย ก็เลยจงใจจากมา

แต่โดยไม่คาดคิดว่า พวกเธอจะมาที่นี่ในเวลานี้

“พวกเธอยืนกรานจะมานั่งทานตรงนี้ให้ได้ ฉันเองก็จนปัญญาเหมือนกัน คงรบกวนพวกคุณแล้ว”

เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย พูดออกมาอย่างดูจะออกเขินอายเล็กน้อย

“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร พวกคุณนั่งตรงนี้แหละ!”

ซูเหวิน ยิ้ม และพูดออกไปโดยไม่รังเกียจแม้แต่น้อย

ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยนั่งกินข้าวด้วยกัน

เพียงแต่การกระทําของพวกเขานั้น กลับดึงดูดความสนใจของเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ไปอีกครั้งหนึ่ง

พวกเขาพากันมองไปที่ ดอกไม้งาม เซี่ย ที่คาดไม่ถึงว่าจะนั่งกินข้าวกับ ซูเหวิน แบบเห็นหน้ากันจริงๆ

ทันใดนั้นดวงตาที่อิจฉาของพวกเขาก็แทบจะหลุดออกมา

และด้วยความอิจฉานี้ เวลามันก็ได้ล่วงเลยผ่านไปนาทีต่อนาที

ในเวลานี้ ทุกคนกินข้าวมาได้ครึ่งทางแล้ว

ทันใดนั้น ซูเหวิน ก็รู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย

เขาจึงหันไปมอง จูเหยี่ยน และคนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าพวกเขาดื่มน้ำแร่ที่พวกเขาเพิ่งซื้อมาหมดแล้ว จึงเตรียมจะลุกขึ้นเพื่อไปซื้อน้ำ

“ดื่มของฉัน!”

“นี่..ฉันมีน้ำ”

ในเวลานี้ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ดูเหมือนจะค้นพบความตั้งใจของเขา เธอจึงพูด

และหลังจากพูดไปอย่างนั้น เธอก็ได้ยื่นแก้วน้ำที่เธอนำมา ..ให้กับ ซูเหวิน

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด