Chapter 699 สภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ย่อมหล่อเลี้ยงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ต่างกัน
一方水土养一方人
เส้นทางของจังหวัดจงจุนนั้นมีมากมาย.
ขณะที่จุนซ่างเซียวนำศิษย์ไปยังมนทลจิงหลิง.
ตระกูลเฉาตระกูลใหญ่ในมนทลจิงหลิง พวกเขาที่อหังการไม่สนใจผู้ร่วมทางเป็นเรื่องปรกติ.
เหล่าคนพื้นที่รับรู้นิสัยของคนตระกูลนี้ดี ดังนั้นจึงเลือกที่จะหลบหลีก.
อย่างไรก็ตาม.
ในวันนี้กับมีคนที่ไม่ยินยอมพวกเขา.
เพราะว่าพวกเขามาพบกับจุนซ่างเซียว พบกับนิกายนิรันดรนั่นเอง
พวกเขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครมาจากใหน ขอเพียงแค่ล้ำเส้นก็จะตอกกลับคืนกลับไปเช่นเดิม.
แม้แต่ต่อหน้าความเป็นความตาย พวกเขาก็ไม่เคยหวาดหวั่น.
พร้อมที่จะยืดอกอย่างอหังการในยุทธภพ.
“พวกเจ้า....เป็นใคร!”
คนเหล่านี้ขวางทางพวกเขาอย่างง่ายดาย แม้แต่เตะเขาลอยกระเด็นออกมา เหล่าตระกูลเฉาที่โอหัง เวลานี้เริ่มตระหนักได้ว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!
“เซียวโม่.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “บอกพวกเขา.”
“ครับ!”
ซูเซียวโม่ที่ยืดอก กล่าวอย่างภาคภูมิ “ฟังให้ดี พวกเราคือศิษย์นิกายนิรันดร และคนผู้นี้ก็คือเจ้านิกายที่ทรงพลังของพวกเรา!”
“นิกายนิรันดร?”
เหล่าคนผ่านไปมาถึงกับใบหน้าเปลี่ยนสี.
เห็นชัดเจนว่าเขาได้ยินนิกายของจังหวัดซีเหนียนหยางแห่งนี้เช่นกัน.
“นิกายนิรันดรที่เป็นกองกำลังผู้มีอิทธิพลลำดับที่100 ที่เพิ่มเข้ามาล่าสุด ไม่สงสัยเลยว่าแข็งแกร่งขนาดนี้!”
“ตระกูลเฉาเจอปัญหาแล้ว!”
เสียงของผู้คนที่เอ่ยกล่าวเสียงเบา.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จังหวัดจงจินที่ได้ยินเรื่องของนิกายนิรันดร รู้ด้วยว่าเป็นนิกายที่มุทะลุเป็นอย่างมาก เข้าจู่โจมสำนักนิกายอื่น ๆ แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน.
ยกตัวอย่างสำนักปิศาจ
หรือแม้แต่วังจื่อหานเป็นต้น.
นอกจากนี้ยังได้ยินมาว่า เจ้านิกายนิรันดรนั้นอายุยังน้อยมาก ไร้ซึ่งความหวาดกลัว หาเรื่องและสร้างปัญหาไปทั่ว!
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลเฉาที่โอหังก่อนหน้านี้เริ่มหลั่งเหงื่อที่เย็นยะเยือบออกมา.
พวกเขาได้ยินเช่นกัน นิกายนิรันดร มีเจ้านิกายที่มุทะลุ แม้แต่กล้าท้าทายนิกายไป่เหอเซิ่ง.
“เจ้านิกายจุน!”
ความโกรธเกรี้ยวที่สลายหายไป ก่อนยกมือประสานออกไปด้านหน้า “ล่วงเกินแล้ว ขออภัยด้วย!”
ถึงจะรู้ว่ากลุ่มคนด้านหน้าแข็งแกร่งขวางทางอยู่ พวกเขาก็ยังวางท่าโกรธเกรี้ยว ทว่าเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของนิกายนิรันดร พวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที!
ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้.
หากการกระทำครั้งนี้ ทำให้อีกฝ่ายนำกองกำลังใหญ่ไปท้าทายตระกูล เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาในทันที.
แม้นว่าตระกูลเฉาจะมีพลังเทียบได้กับนิกายระดับสามหรือสี่ ทว่าตระกูลก็คือตระกูล ยังมีความแตกต่างกัน กับนิกายระดับสามและสี่อยู่นั่นเอง.
นิกายไป่เหอเซิ่งยังไม่สามารถต้านได้.
ตระกูลหนึ่ง ๆ จะต้าน พวกเขาได้อย่างไร!
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “การเร่งรีบไป เป็นเรื่องอันตราย อาจจะทำร้ายคนอื่นได้ไม่ใช่รึ? ถึงแม้นว่าจะไม่ทำร้ายคนอื่น ๆ ก็ยังทำลายต้นไม้ใบหญ้าด้วย.”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลเฉาที่มุมปากกระตุก เร่งรีบพยักหน้ารับและเอ่ยออกมาว่า “เจ้านิกายจุนกล่าวสมเหตุสมผล ต่อไปพวกเราจะไปมาอย่างระมัดระวัง!”
จุนซ่างเซียวเห็นอีกฝ่ายยอมรับผิดจึงไม่ได้เอาความ ก่อนที่จะโบกมือ.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆ ที่เก็บกระบี่เข้าฝัก.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลเฉาที่พ่นลมหายใจยาว.
“พวกเราไป.”
จุนซ่างเซียวก็นำศิษย์ของเขาจากไป.
หลังจากเขาจากไปแล้ว เหล่าคนสัญจรผ่านไปมา เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง.
“เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลเฉา ล้วนแต่มีพลังระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลาย น่าจะสามารถกำราบศิษย์นิกายนิรันดรได้ไม่ใช่รึ?”
“เหลวไหล เจ้าไม่รู้ว่าพวกเขาท้าทายนิกายไป่เหอเซิ่งของจังหวัดตงเห่า เพียงระดับบรรพชนยุทธ์ ระดับกษัตริย์ยุทธ์จังหวัดตงเห่ายังไม่สามารถชนะได้เลย.”
“ดูเหมือนว่ากองกำลังผู้มีอิทธิพลลำดับหนึ่งร้อย จะไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
“ในความเห็นของข้า งานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร นิกายนิรันดรจะต้องเป็นม้ามืดเป็นแน่.”
เหล่าตระกูลเฉาที่ไปช่วยอาชาของตัวเอง ก่อนที่จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวเดินทางไปยังมนทลจิงหลิงต่อไป.
ความผิดพลาดครั้งนี้ พวกเขาที่ทำได้แค่ต้องกลืนลงคอไปเท่านั้น.
แน่นอนว่ายังสามารถอธิบายได้ว่า ชื่อเสียงของนิกายนิรันดร แม้แต่จังหวัดจงจุน ก็ยังไม่มีใครกล้าท้าทายโดยง่าย.
......
ภูผาทมิฬตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดจงจุน.
จุนซ่างเซียวเดินทางมาเข้าร่วมงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร แน่นอนว่าที่นี่ไม่ใช่เส้นทาง ทว่าเขาเดินทางมาก่อนเวลา ดังนั้นจึงได้นำศิษย์มายังสถานที่ดังกล่าวนี้เป็นการเฉพาะ.
การมีอยู่ของนิกายทมิฬ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจนัก ขอเพียงแค่มีร่องรอยอะไร น่าจะสามารถสืบต่อได้.
“ตูมมม!”
“ตูมมม!”
อย่างไรก็ตาม ขณะเดินทางมา เขาที่ได้ยินเสียงต่อสู้ดังขึ้นเบา ๆ.
คนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กัน พวกเขาที่มีพลังอยู่ระดับบรรพชนยุทธ์.
จุนซ่างเซียวคร้านจะสนใจ จึงนำศิษย์อ้อมผ่านไป.
อย่างไรก็ตามในป่าเองก็มีการต่อสู้กันเช่นกัน.
เหตุผลนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นการแย่งชิงสมบัติ แม้แต่แกนผลึก หรือต่อสู้แย่งผู้หญิงกันก็มี.
“ผู้ฝึกยุทธ์จังหวัดจงจุนดูเหมือนว่าจะอารมณ์ร้อนไม่น้อย.”จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา.
ขอเพียงไม่มีคนมาหาเรื่องเขา จุนซ่างเซียวก็หาได้สนใจการต่อสู้ของคนเหล่านั้น เขาที่ยังต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข.
“โฮกกกกก --”
ขณะเดินทางผ่านป่าแห่งหนึ่ง สัตว์วิญญาณร่างใหญ่ยักษ์ตนหนึ่งที่พุ่งเข้ามา เห็นเพียงริ้วแสงที่ดำมืดเท่านั้น.
“แส่หาความตาย.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เงาร่างสองสามร่างปรากฏขึ้น ก่อนใช้ทักษะต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ สังหารสัตว์วิญญาณที่มีพลังกษัตริย์ยุทธ์ไป.
“ทุกท่าน.”
ชายในชุดสีขาวที่เก็บกระบี่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พวกท่านปลอดภัยแล้ว.”
ศิษย์นิกายนิรันดร “......”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ขอบคุณที่ช่วยเหลือ.”
ชายชุดขายที่เผยยิ้ม “ในป่านี้มีสัตว์วิญญาณมากมาย หากว่าต้องการเดินทาง ควรใช้เส้นทางถนนหลักดีกว่า จะปลอดภัย.”
“ขอบคุณ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“พวกเราไป!”
ชายชุดขาวที่โบกมือ ก่อนนำคนของเขาหายเข้าไปในป่า.
“เจ้านิกาย.”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “พวกเขามีความแข็งแกร่งไม่เลวเลย.”
“พวกเขามีระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นปลาย หลายคนร่วมมือกัน สามารถสังหารสัตว์วิญญาณที่เทียบเท่าระดับกษัตริย์ยุทธ์ได้โดยง่าย ดูเหมือนว่าจะเป็นศิษย์ของนิกายบางแห่ง.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ซูเซียวโม่ที่เอ่ยในใจ “การประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรดูน่าสนใจมากขึ้นแล้ว!”
“ไป.”
จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์ตรงไปยังด้านหน้าต่อ.
พวกเขาที่มุ่งตรงเข้ามาในป่าลึก.
ดูเหมือนว่าจะพบสัตว์ร้ายมากมาย และเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกมาหาประสบการณ์ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาได้ตรวจสอบความแข็งแกร่งโดยรวมของผู้ฝึกยุทธ์จังหวัดจงจุนไปด้วย..
และไม่ได้ทำให้เจ้านิกายจุนผิดหวัง.
เขาที่มุ่งหน้าไปยังภูผาทมิฬ ได้พบกับผู้ฝึกยุทธ์จังหวัดจงจุนมากมาย และยังมีผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัด แม้แต่ศิษย์นิกายต่าง ๆ.
ความแข็งแกร่งพวกเขาไม่ได้สูงกว่าศิษย์นิกายนิรันดร ทักษะยุทธ์ใช้ได้ นอกจากนี้ยังร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย.
สัตว์ร้ายระดับสูงที่คนนอกจังหวัดต้องร่วมมือกันหลายสิบคน ทว่าต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์จงหวัดจงจุนเพียงสองสามคนก็สามารถจัดการได้โดยง่าย.
กล่าวสรุป.
ผู้ฝึกยุทธ์จังหวัดจงจุน ทั้งพรสวรรค์และความแข็งแกร่งนั้นเหนือกว่าคนต่างจังหวัดมาก.
ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมจะส่งผลต่อความแข็งแกร่งไม่น้อย.
ด้วยการอาศัยในพื้นที่มีพลังวิญญาณมากกว่าปรกติ ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าคนด้านนอก.
เห็นความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์จังหวัดจงจุนแล้ว หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกจิตวิญญาณแห่งการต่อลุกโชน!
“เจ้านิกาย.”
ซูเซียวโม่เอ่ย “ข้ารู้สึกโลหิตพลุ้งพล่านแล้ว!”
“ใช่แล้ว!”
ลี่เฟยที่กำหมัดแน่น เอ่ยออกมาว่า ข้าอยากสู้กับคนจังหวัดจงจุนตอนนี้เลย!”
“ไม่ต้องรีบ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “รอให้งานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรเริ่ม เจ้าได้แสดงความสามารถแน่.”
“ตึ้ง!”
“ตึ้ง!”
ในเวลานั้น เสียงแผ่นดินที่สั่นไหวไปมา.
สายตาของทุกคนที่จดจ้องมองไปยังป่าลึก พบบุรุษที่ร่างกายใหญ่ยักษ์กำลังแบกสัตว์วิญญาณก้าวออกมา ทุก ๆ ก้าวของเขาทำให้พื้นดินสั่นไหว.
“ทุกท่าน.”
ชายคนดังกล่าวที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางอักอ่วน “สถานที่จัดประลองงานพยัคฆ์มังกรอยู่ทิศทางใหนอย่างงั้นรึ?”
ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะหลงทาง.
จุนซ่างเซียวที่ชี้ไปยังทิศตะวันตก เอ่ยออกมาว่า “ไปยังทิศทางนี้ ก็จะไปถึงเมืองพยัคฆ์มังกร.”
“ขอบคุณ.”
ชายกล้ามใหญ่ที่แบกสัตว์วิญญาณก็ก้าวต่อไป.
อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาที่จะจ้องไปยังเซียวจุ้ยจื่อ ครู่หนึ่งก่อนไป.
“ศิษย์น้องเซียว.”
หลี่ชิงหยางส่งเสียงผ่านวิญญาณ “คน ๆ นี้มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งมาก.”
“อืม.”
เซียวจุ้ยจื่อจ้องมองไปยังชายกล้ามใหญ่ที่แบกสัตว์วิญญาณ กล่าวในใจ “เขาน่าจะเข้าร่วมงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร.”