Chapter 698 มาถึงจังหวังจงจุน ก็สร้างปัญหาเลย
การเข้าร่วมของนิกายจังหวัดซีเหนียนหยางในงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรนั้นแทบจะตกรอบแรกทุกครั้งไป ดังนั้นอี้เทียนเจียนที่หวังที่จะให้นิกายนิรันดรผ่านรอบแรกเข้าสู่รอบสองสักครั้งก็ยังดี.
“เจ้าสมาคมอี้.”
จุนซ่างเซียวถึงกับหมดคำพูด “ตั้งความหวังไว้ต่ำขนาดนั้นเลยรึ?”
ในเมื่อเข้านำศิษย์เข้าร่วมงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร ก็หวังในตำแหน่งชนะเลิศเท่านั้น การเข้ารอบสองนี่มัน ช่างเล็กน้อยเหลือเกิน!
“แน่นอน.”
อี้เทียนเจียนเอ่ย “หากเจ้านิกายจุนสามารถประสบความสำเร็จมากกว่านี้ ก็ยิ่งดี!”
ที่จริงเขานั้นคาดหวังไว้กับนิกายนิรันดรมาก ทว่านิกายใหญ่ในจังหวัดจงจุนนั้นมีมากจริง ๆ การจะผ่านรอบสองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย ทุกนิกายล้วนแต่เหนือกว่าเจ้านิกายจุนทั้งนั้น.
หากพบกับนิกายของจังหวัดจงจุน ก็แทบจะไม่มีความหวังอะไรเลย.
ดังนั้นอี้เทียนเจียน จึงคิดว่าหากว่าไม่พบกับนิกายของจังหวัดจงจุน ผ่านรอบแรกได้ก็ถือว่าดีแล้ว.
ซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่เขา ทว่านิกายของจังหวัดอื่น ๆ เองก็คิดเหมือน ๆ กัน.
ไม่มีใครยินดีที่จะพบกับนิกายของจังหวัดจงจุนในรอบแรกเลย ไม่เช่นนั้นจะต้องกลับบ้านก่อนกำหนดอย่างไม่ต้องสงสัย.
“นิกายนอกจังหวัดระดับสามสี ไม่เห็นมีอะไรน่าท้าทายเลย.”
ขณะเดินทาง จุนซ่างเซียวที่กวาดตามองอย่างระมัดระวัง กล่าวเสียงเบา “ต้องพบกับนิกายหลักจังหวัดจงจุนสิ ถึงจะน่าสนใจ!”
คนอื่น ๆ ต้องการหนีให้พ้น ทว่าจุนซ่างเซียวกับต้องการจะเจอนิกายเหล่านั้น.
แน่นอน.
สิ่งที่เจ้านิกายจุนคิด ไม่เพียงแค่นิกายจังหวัดจงจุน จะให้ดีควรเป็นนิกายระดับสองด้วย.
ไม่มีอะไรน่ากลัว.
ยิ่งพบกับนิกายที่มีระดับสูง ก็ยิ่งรู้สึกน่าสนใจ.
ระบบที่สาดน้ำใส “คู่ต่อสู้ของการประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรนั้นเป็นการสุ่ม บางทีโฮสน์อาจโชคดี พบกับนิกายระดับหนึ่งก็ได้.”
“แล้วอย่างไร.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ในเมื่อหวังชนะเลิศ จะช้าจะเร็วก็ต้องเจออยู่ดี.”
“งั้นหวังว่า โฮสน์จะไม่ตกรอบแรกนะ.”ระบบเอ่ย.
“เงียบไปเลย.”
......
ระยะทางระหว่างจังหวัดซีเหนียนหนางและจังหวังจงจุนนั้นค่อนข้างไกล เพราะออกเดินทางก่อนเวลา จุนซ่างเซียวจึงไม่ได้รีบ คอยชมทิวทัศน์ข้างทางที่งดงามด้วย.
หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อ ตลอดจนศิษย์คนอื่น ๆ ที่รู้สึกโลหิตพลุ้งพล่านเป็นอย่างมาก.
งานประลองใหญ่ระดับทวีปชิงหยุนนี้ ย่อมเต็มไปด้วยเหล่าพรสวรรค์มากมาย พวกเขาย่อมได้แสดงฝีมือเต็มที่อย่างแน่นอน.
เมื่อครั้งประลองที่นิกายไป่เหอเซิ่ง ถึงแม้นว่าอีกฝ่ายจะส่งศิษย์ระดับสูงออกมาแล้ว ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ใช้พลังสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงคาดหวังกับการประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรนั่นเอง.
เย่ซิงเฉินที่กระหายในการต่อสู้ ตัวเขาเวลานี้ยังคาดหวังเช่นกัน.
เหออู๋ตี้ที่ยังคงสุขุม เพราะว่าเขามาจากพิภพเบื้องบน ไม่ได้สนใจงานประลองของพิภพด้านล่างแต่อย่างใด.
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น.
พวกเขาก็เข้าเขตจังหวังจงจุน.
“ฟู่!”
บนเนินแห่งหนึ่ง ซูเซียวโม่ที่สูดหายใจลึก อุทานออกมาเสียงดัง “เจ้านิกาย พลังฟ้าดินที่นี่หนาแน่นเป็นอย่างมาก!”
“ดูเหมือนว่าจังหวัดแห่งนี้จะเป็นสถานที่วิญญาณฟื้นคืนจนหมดแล้ว จึงมีพลังวิญญาณหนาแน่นยิ่งกว่าต่างจังหวัดอื่น ๆ เป็นอย่างมาก.”หลี่ชิงหยางเอ่ย.
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา ลอบคิดในใจ “หากว่านำนิกายมาตั้งที่จังหวัดจงจุน พลังวิญญาณจะหนาแน่นมากมายขึ้นขนาดใหน ศิษย์ของข้าจะเติบโตรวดเร็วเพียงใด.”
ระบบเอ่ย “โฮสน์วางแผนจะย้ายนิกายอย่างงั้นรึ?”
“ไม่.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เทือกเขาไท่กู่ที่เพิ่งพลังวิญญาณฟื้นคืน อีกไม่นานก็มีระดับเทียบเท่ากับพื้นที่ในจังหวัดจงจุนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการอพยพ.
ผู้คนมุ่งสู่ที่สูง น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ.
เจ้านิกายจุนที่หลงรักมนทลชิงหยางไปแล้ว และหวังที่จะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลานานแล้ว.
หนำซ้ำ.
เขาที่มีความทะเยอทะยานที่สูงมาก!
นิกายที่อยู่ในพื้นที่ใจกลาง ตั้งอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จะมีอะไรท้าทายกัน.
ในอดีตเมื่อครั้งที่อยู่ในค่ายวายุทมิฬ จุนซ่างเซียวเอ่ย ไม่ใช่ว่าเขาต้องปรับตัวให้เข้าคนอื่น แต่เป็นทวีปชิงหยุนต่างหากที่ต้องปรับตัวเข้ากับข้า.
ในวันข้างหน้าดินแดนจงจุนที่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะถูกนิยามใหม่ ว่าเทือกเขาไท่กู่จังหวัดซีเหนียนหยางต่างหากที่จะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง!
......
ยิ่งเคลื่อนที่เข้าใจกลางจังหวัดจงจุน ความหนาแน่นพลังวิญญาณยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทำให้หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆ เปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้.
กับดินแดนที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นถึงเพียงนี้ จะต้องบ่มเพาะสร้างยอดฝีมือมากพรสวรรค์ขึ้นมามากมายแน่นอน!
หากได้ต่อสู้กับคนเก่งเช่นนั้น จะยอดเยี่ยมขนาดใหน.
จากนั้น ระหว่างทางพวกเขาเริ่มเห็นผู้คนเป็นหย่อม ๆ.
จากชุดแล้ว น่าจะเป็นคนพื้นที่ของจังหวัดจงจุน กลิ่นอายของพวกเขาที่ส่งออกมานั้น ทุกคนแทบจะมีระดับอาจารย์ยุทธ์กันทั้งนั้น!
“เอ๊ะ?”
ใครคนหนึ่งที่เห็นกลุ่มของจุนซ่างเซียวก็กล่าวเสียงเบา “คนเหล่านี้สวมชุดที่ดูฉูดฉาด ไม่น่าจะใช่คนในจังหวัดจงจุน.”
“งานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรกำลังจะเริ่มแล้ว บางทีคงเป็นคนจากนิกายจังหวัดอื่นละมั้ง.”
“จากท่าทางแล้ว ก็คงเป็นพวกตัวประกอบสินะ.”
เหล่าชาวยุทธ์จังหวัดจงจุนย่อมรู้สึกตัวเองเหนือกว่าคนนอกจังหวัดเป็นธรรมดา หนำซ้ำงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรที่ผ่าน ๆ มา ก็มีเพียงแค่นิกายภายในจังหวัดที่ชิงชัยกันเอง เป็นเรื่องทั่วไปที่พวกเขารู้สึกเหนือกว่า.
จุนซ่างเซียวหาได้สนใจคนเหล่านี้ เขาที่นำแผนที่ออกมา กล่าวเสียงเบา “เดินทางอีกวันหนึ่ง น่าจะถึงเป้าหมาย.”
“กุบ กุบ กุบ!”
เสียงควบม้าที่ดังกึกก้อง.
“คนด้านหน้าหลบไปให้พ้น!”เสียงที่ดังกึกก้องดังผ่านเข้ามา.
คนกลุ่มใหญ่หลายสิบคนที่ขี่ม้าเป็นฝูง เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ท่าทางที่แผ่ความอหังการยิ่งใหญ่ออกมา!
จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้ว.
ถนนที่ใหญ่ขนาดนี้ ยังต้องให้หลีกทางด้วยรึ?
อีกอย่างคนกลุ่มนี้ยังไม่ควบม้าเป็นแถว มุ่งตรงดาหน้าเต็มถนนเป็นฝูงใหญ่.
กับการกระทำเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเพื่อที่จะแสดงความยิ่งใหญ่ของตัวเองออกมาหรือไม่?
หรือว่านี่เป็นการกระทำปรกติของพวกเขาอยู่แล้ว!
“จุ้ยจื่อ.”จุนซ่างเซียวทีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
ระบบแทบทรุด “มาถึงจังหวังจงจุน ก็สร้างปัญหาเลยรึ?!”
“กึก!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวออกไป พลังวิญญาณธาตุปฐพีที่ปะทุขึ้นมา ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดขวาออกไป!
ฟู่ ฟู่ ----
พลังธาตุปฐพีพวยพุ่งเป็นทาง กลายเป็นพลังที่ใหญ่ยักษ์เข้าขวางกั้นคนเหล่านั้น.
“แย่แล้ว!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่ควบม้ามุ่งตรงมาใบหน้าเปลี่ยนสี!
โครม!
โครม!
คนหลายสิบคนที่ควบม้ามาด้วยความเร็ว เสียหลัก กระเด็นลอยละล่องล่วงหล่นไปกองบนพื้นทันที.
เหล่าชาวยุทธ์ที่เห็นเซียวจุ้ยจื่อใช้พลังออกมา กวาดกลุ่มของฝูงม้า ลอยกระเด็น ถึงกับดวงตาเบิกกว้างกลมโตทันที!
คน ๆ นี้อายุยังไม่เยอะ ความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา!
“นั่นมันคนตระกูลเฉามนทลจิงหลิง!”
“ดูเหมือนจะมีการแสดงดี ๆ เกิดขึ้นแล้ว!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่ผ่านไปมาพูดคุยกันเสียงดัง.
มนทลจิงหลิงเป็นหนึ่งในดินแดนของจังหวัดจงจิน ตระกูลเฉาเองถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในมนทลนั้น ความแข็งแกร่งเทียบกับนิกายระดับสามหรือสี่ได้เลย.
คาดไม่ถึงเลยว่านิกายต่างจังหวัดจะกล้าล่วงเกินพวกเขา.
“บัดซบ!”
บุรุษคนหนึ่งที่คำรามลั่น แววตาที่เปี่ยมล้นด้วยความโกร “ไปกินดีหมีจากใหนมา กล้าขวางตระกูลเฉา!”
“ฟิ้ว!”
ซูเซียวโม่ที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา เท้าขวาของเขาที่ตะบันถีบไปยังใบหน้าของชายคนดังกล่าว ลอยกระเด้นออกไปสิบจั้ง.
หลังจากเตะชายคนดังกล่าวลอยออกไป เสี่ยวโม่เอ่ยออกมาว่า “ล้างปากของเจ้าด้วย.”
“แส่หาความตาย!”
เค้ง! เคร้ง!เคร้ง!
ผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนของตระกูลเฉาที่ชักกระบี่ คำรามออกมาด้วยความโกรธ.
ทว่ายังไม่ได้ขยับอะไรเลยด้วยซ้ำ.
เพราว่า หลี่ชิงหยาง ลี่เฟยและคนอื่น ๆ นำกระบี่มาวางบนคอของพวกเขาแล้ว.
ไม่ต้องบอกเลยว่า.
เพียงขยับศีรษะต้องกระเด็นอย่างแน่นอน.
ชายคนที่อหังการที่ถูกซูเซียวโม่ถีบ ลุกขึ้นยืนด้วยความเจ็บ กุมใบหน้าด้วยความโกรธ “พวกเจ้า...เป็นใคร!”