Chapter 696 ยิ่งทรงพลัง ยิ่งท้าทาย
ถังเหรินที่พูดคุยกับจุนซ่างเซียวไม่นาน จากนั้นก็เร่งรีบจากไป.
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กลับไปมือเปล่า ได้นำเม็ดยารวมวิญญาณ 100,000 เม็ด เม็ดยาฟื้นฟู 10,000 และเม็ดยาถอนพิษ 10,000 กลับไปด้วย.
ส่วนกระบี่หานเฟิง ถังเหรินไม่คิดจะขายในเวลานี้.
เพราะกำลังลังเลอยู่ว่าจะนำไปประมูลหรือไม่?.
หากเป็นอาวุธระดับสูงทั่วไป นายน้องถังไม่ลังเลเลยที่จะนำไปขาย ทว่ากระบี่หานเฟิงนั้นกับเป็นผลงานที่สมบูรณ์.จำเป็นต้องครุ่นคิดสักนิด.
หลังจากที่ถังเหรินจากไปแล้ว จุนซ่างเซียวมอบเงินให้กับลี่ลั่วฉิว ให้นางกระจายไปยังสาขาต่าง ๆ ตลอดจนซื้อทรัพยากรฝึกฝนกลับมา.
“ไม่มีปัญหา.”
หลังจากมีเงินทุนแล้ว ลี่ลั่วฉิวที่นำไปจัดการทันที.
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องโถง เอ่ยออกมาว่า “นิกายมีทรัพยากรพอแล้ว ตอนนี้คงต้องมุ่งเน้นไปยังงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร.”
การแข่งขัน เหลือไม่ถึงสองเดือนแล้ว.
กล่าวตามตรง หลี่ชิงหยางและพวกที่ผ่านเขตแดนลับเป็นตาย ยกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ชั่วระยะเวลาที่เหลือต้องการจะตัดผ่านระดับก็นับว่ายาก.
“หรือว่าเดินทางก่อนเวลา ไปยังภูผาทมิฬดี.”จุนซ่างเซียวกล่าวเสียงเบา.
เดินทีเขาต้องการจะเดินทางก่อนเวลาหนึ่งเดือน ตอนนี้ศิษย์หลักได้ยกระดับแล้ว การจะออกเดินทางตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา.
อีกอย่าง.
เขาเองก็เพิ่งตัดผ่านระดับ.
เหลือเวลาฝึกไม่ถึงเดือน ถึงจะฝึกฝนอย่างหนัก ก็ไม่สามารถยกระดับได้อีก สู้ไปก่อนเวลาดูความคึกคักของผู้คนอีกว่า.
“ตัดสินใจแล้ว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “สามวันหลังจากนี้ออกเดินทาง.”
“เจ้านิกาย.”
ในเวลานั้น เสียงแหลมสูงที่ดังขึ้น หลิวหว่านซีที่ก้าวเข้ามา “คนงานของโรงอาหารไม่พอเป็นอย่างมาก เมื่อไหร่ท่านจะหาพ่อครัวเพิ่มล่ะ.”
แม้นว่าบิดานางโอวหยางจุนจะมาช่วยแล้ว แต่งานก็ยังมากจนเกินไปเพราะศิษย์ที่เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ เดือน.
ด้วยการทดสอบรับศิษย์ทุกเดือน ยิ่งนานไป งานของโรงอาหารก็มากขึ้นทุก ๆ วันเป็นธรรมดา.
“สาวน้อย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ทุกคนต่างก็ชื่นชอบในฝีมือของเจ้าและบิดาของเจ้า หากเปลี่ยนพ่อครัวคนอื่น ๆ รสชาติจะได้อย่างงั้นรึ?”
“ไม่มีปัญหา ข้าจะสอนพวกเขาเอง!”หลิวหว่านซีเอ่ย.
ลี่ลั่วฉิวที่ก้าวเข้ามาจากด้านนอก เผยยิ้มออกมา “เจ้านิกาย ข้าคิดว่าน่าจะก่อตั้งหออาหาร ให้สาวน้อยเป็นผู้บริหารก็น่าจะดี.”
“มีเหตุผล!”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“อ๋า?”
หลิวหว่านซีที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต “งั้นก็หมายความว่าข้าจะมีหอเป็นของตัวเองอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ดีใจอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลิวหว่านซีเร่งรีบเอ่ยกล่าวออกมา “ดีใจ ดีใจ!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “พรุ่งนี้ข้าจะประกาศ ก่อตั้งหออาหาร ให้เจ้าเป็นรองถางจู่ ส่วนถางจู่ให้บิดาเจ้ารับหน้าที่ก็แล้วกัน.”
หลิวหว่านซีทีเดิมทีตื่นเต้นดีใจ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ยิ้มค้างไปในทันที.
นางไม่ได้สนใจตำแหน่งอะไรนัก ทว่าไม่ค่อยชอบนัก ไม่ค่อยต้องการให้บิดาของนางเหนือกว่า.
หลังจากที่งานประลองอาหารจบลง แม้นว่าจุนซ่างเซียวจะให้บิดาและบุตรสาวปรับความเข้าใจกัน ทว่าทั้งสองก็ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากันได้ดีเท่าใด โดยเฉพาะหลิวหว่านซีที่เผยความเย็นชาออกมาตลอดเวลา ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย.
นอกจากนี้ด้วยการเตรียมอาหาร ทำให้โอหยางจุนได้มีโอกาสใกล้ชิดกับบุตรสาว ทว่าก็ยังไม่ค่อยคืบหน้าอะไรมากมายนัก.
“มีความเห็นอะไรอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“ข้า...”หลิวหว่านซีที่หยุดและเอ่ยออกมาว่า “ไม่มีความเห็นอะไร!”
“ให้เป็นไปตามนี้.”
จุนซ่างเซียวที่กังวลว่าหลิวหว่านซียังเด็กเกินไป ไม่สามารถที่จะให้นางรับหน้าที่ถางจู่ได้ ดังนั้นจึงให้โอวหยางจุนเป็นถางจูหออาหารแทน.
สิ่งสำคัญที่สุด คือให้บิดาและบุตรสาวได้มีโอกาสร่วมมือกันมากขึ้น.
......
เช้าวันถัดมา.
หลังจากทำกายบริหารเสร็จ จุนซ่างเซียวก็ทำการประกาศก่อตั้งหออาหารขึ้น.
โดยมีโอหวยางจุนเป็นถางจู่ รองถางจูก็คือหลิวหว่านซี สมาชิกมีหม่าหยงหนิง ดำหนึ่งดำสองเป็นการชั่วคราว.
จุนซ่างเซียวที่ได้แจ้งสองพี่น้องหนิงเป็นการเฉพาะ การทดสอบขึ้นเขาครั้งหน้า ให้หาคนที่มีความสามารถในการทำอาหาร โดยจะได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ.
เมื่อทำเช่นนี้แล้ว.
สมาชิกหออาหารก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย.
“ศิษย์น้องหลิว ยินดีด้วยที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองถางจู่!”
“ใช่แล้ว ๆ น่าอิจฉาจังเลย.”
“เมื่อไหร่ ข้าจะได้เป็นถางจู่บ้าง?”
ในโรงอาหาร ลี่เฟย เถียนซีและศิษย์อีกหลายคนที่มาล้อมรอบหลิวหว่านซีแสดงความยินดี.
“หากเจ้าไม่ถูกไล่ออก.”
ซูเซียวโม่ที่ก้าวเข้ามา “พวกเจ้าก็จะมีโอกาสได้เป็นอาวุโส!”
“มีเหตุผล!”
แววตาของลี่เฟยและเถียนซีที่เป็นประกายทันที.
สำหรับนิกายนิรันดรแล้วยังมีหลายอย่างที่ยังขาดอยู่ อย่างเช่นอาวุโส ที่ตอนนี้มีเพียงแค่สี่คนเท่านั้น.
กล่าวตามหลักแล้ว.
สถานะของอาวุโสย่อมสูงกว่าถางจู่อย่างแน่นอน.
“ว่าแต่.”
ลี่เฟยเอ่ย “ศิษย์พี่ แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะได้เป็นอาวุโสล่ะ?”
“ไม่ต้องรีบ.”
จุนซ่างเซียวก้าวเข้ามา พร้อมกับเผยยิ้ม “รอให้นิกายทรงพลังก่อน ทุกคนย่อมมีโอกาสเป็นอาวุโส.”
“ฟิ้ว!”
ทุกคนที่เร่งรีบยืนขึ้นมา “คารวะเจ้านิกาย!”
“นั่งลงได้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“เจ้านิกาย.”
ซูเซียวโม่ที่เผยท่าทางตื่นเต้นกล่าวออกมาว่า “หลังจากนี้พวกเรามีโอกาสได้เป็นอาวุโสอย่างงั้นรึ?”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “แต่ว่า ต้องดูผลงานของพวกเจ้าก่อน.”
ที่จริงหลี่ชิงหยางและอีกหลายคนด้วยพลังบ่มเพาะเวลานี้ สามารถให้รับตำแหน่งอาวุโสอย่างไม่มีปัญหา ทว่าเขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าการเป็นศิษย์หน้าที่หลักของพวกเขาก็คือบ่มเพาะนั่นเอง การต้องรับหน้าที่การงานด้วยอาจทำให้การบ่มเพาะล่าช้าได้.
......
คืนวันนั้น.
ลู่เชียนเชียนที่ยืนอยู่คนเดียวบนยอดเขา ชุดสีขาวที่ลมโกรกพัด ดูราวกับนางเซียนที่กำลังมาเยือนพื้นโลก.
“กำลังคิดอะไร?”
จุนซ่างเซียวไม่รู้ว่าปรากฏขึ้นมาด้านหลังเมื่อไหร่.
ลู่เชียนเชียนไม่ได้หันหลังกลับไป นางเอ่ยออกมาว่า “เจ้านิกายต้องการเข้าร่วมงานประลองพยัคฆ์มังกรจริง ๆ รึ?”
“ในเมื่อรับปากเจ้าสมาคมอี้แล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถกลับคำพูดได้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ลู่เชียนเชียนเอ่ย “งานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรนั้นถือเป็นการแข่งขันระดับสูงที่สุดของทวีป มีนิกายที่แข็งแกร่งมากมายเข้าร่วม.”
“ยิ่งแข็งแกร่ง ก็ยิ่งท้าทาย.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ตอนแรกที่รับปากปรมาจารย์อี้เพราะว่าเห็นแก่ศิลาวิญญาณ จึงคิดจะนำศิษย์เข้าร่วม หลังจากรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ทำให้เขาตระหนักได้ว่านี่คืองานประลองที่มีชื่อเสียงมาก ทำให้เขาต้องเข้าร่วมจริง ๆ!
ต้องไม่ลืมว่ามีคนไม่น้อยที่จ้องมองหาเรื่องเขาอยู่ ไม่พอใจเจ้านิกายจุนอย่างมากมาย เวลานี้เขาจึงต้องการใช้การแข่งขันครั้งนี้แสดงพลังให้กับทุกคนได้เห็น!
งานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร.
เหมาะที่จะใช้ประกาศศักดาเป็นอย่างมาก!
และเพราะเป็นงานใหญ่ ทำให้ระบบกระตุ้นภารกิจขึ้นเช่นกัน หากว่าชนะเลิศก็จะได้รับคะแนนมากมาย!
ลู่เชียนเชียนเอ่ย “มีนิกายระดับหนึ่งมากมายเข้าร่วม.”
“เช่นนั้นก็ยิ่งดี.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
การประลองกับนิกายไป่เหอเซิ่ง เขาได้รับประสบการณ์แล้ว ตอนนี้การประลองกับนิกายระดับหนึ่ง ก็จะได้รับรู้ว่าพวกเขาอยู่ใกล้หรือห่างกับอีกฝ่ายเท่าใด.
ลู่เชียนเชียนเอ่ย “นิกายระดับหนึ่งนั้นมีประวัติความเป็นมายาวนาน หากนิกายของเราต้องรบด้วย อาจจะย่ำแย่ก็ได้.”
จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมา“เจ้าเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ ไม่ควรถอดใจก่อนที่จะเริ่ม ไม่งั้นอาจะทำให้คนอื่น ๆ หมดกำลังใจไปด้วย.”
“.....”
ลู่เชียนเชียนที่กลายเป็นเงียบ.
นางเคยเป็นศิษย์นิกายไท่เสวียนเซิ่ง ย่อมเข้าใจเรื่องราวของนิกายระดับหนึ่งดี ความจริงคำพูดของนาง ต้องการสื่อว่า ไม่สามารถที่จะประมาทความแข็งแกร่งอีกฝ่ายได้.
“ในเมื่อเจ้านิกายต้องการเข้าร่วม งานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร ศิษย์จะทำให้เต็มที่.”ลู่เชียนเชียนเอ่ย.
นางกล่าวจบและก้าวจากไป.
เห็นร่างที่งามงดจากไปในความมืดแล้ว จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “สตรีผู้นี้รับรู้เกี่ยวกับนิกายระดับหนึ่งมากทีเดียว.”
ระบบเอ่ย “ดังนั้น ศิษย์ของโฮสน์ ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนปรกติ.”
......
เช้าวันถัดมา.
หลิวหว่านซีที่เตรียมอาหารแต่เช้า เพราะว่าวันนี้เจ้านิกายจะนำศิษย์พี่ไปยังจังหวัดจงจุน!