ตอนที่แล้วบทที่ 44: ที่นั่งในเรือเหาะลอยล่อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 46: เมา

บทที่ 45: พบกับเย่เสี่ยวเหยาอีกครั้ง


บทที่ 45: พบกับเย่เสี่ยวเหยาอีกครั้ง

เมื่อมองไปยังผางฟู่ที่กำลังจากไป ซูฟ่านก็เริ่มไตร่ตรองว่าเขาควรเตรียมตัวอย่างไรดีก่อนจะขึ้นเรือเหาะลอยล่อง

“ในอีกครึ่งเดือน ข้าจะออกเดินทางพร้อมกับเรือเหาะลอยล่อง มันจะเป็นการเดินทางยาวสามถึงสี่เดือน เพราะงั้นแล้วข้าก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้ก่อน” ซูฟ่านกล่าวพร้อมกับลูบคางของเขา แผนการอันสมบูรณ์ได้ก่อตัวขึ้นในใจของเขาแล้ว

“ก่อนจะจากไป ข้าควรจะทำสิ่งประดิษฐ์ให้ลูกศิษย์ทั้งสองของข้าให้เสร็จก่อน ไม่เช่นนั้นมันก็อาจจะเป็นปัญหาเอาทีหลังได้”

ในตอนเย็น เวลาอาหารเย็นเริ่มต้นขึ้นเมื่อซูเยว่เซียนเสิร์ฟอาหารจานสุดท้าย

“ซูกัง ซูเยว่เซียน อีกครึ่งเดือนข้าจะออกเดินทางไกล คาดว่ามันจะใช้เวลาสี่เดือน”

“หากพวกเจ้าต้องการอะไร พวกเจ้าก็รีบแจ้งให้ข้าทราบก่อน” ซูฟ่านพูดกับสองพี่น้อง

“ท่านอาจารย์ เราไปด้วยได้ไหม?” ใบหน้าที่น่ารักของซูเยว่เซียนบูดบึ้งด้วยความไม่เต็มใจ

“ใช่แล้ว ด้วยวิธีนี้ เราจะได้ตามไปรับใช้ท่านได้ด้วย” ซูกังกล่าวอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน

นับตั้งแต่สองพี่น้องสามารถควบคุมพลังวิญญาณได้เมื่อสองปีก่อน พวกเขาก็เข้ามาทำงานบ้านเกือบทั้งหมด

เสิร์ฟชา ทำอาหาร ซักผ้า นวดไหล่

ซูฟ่านเริ่มมีความสุขกับการเกษียณล่วงหน้า โดยมีเด็กๆ อยู่เคียงข้างเขา

“ข้าไม่มีทางเลือกมากนัก คราวนี้ข้าไปคนเดียวได้เท่านั้น” ซูฟ่านยักไหล่ ถ้าเขามีโควต้ามากกว่านี้ เขาก็คงจะอยากพาพี่น้องร่วมเดินทางไปด้วยเช่นกัน

เมื่อเห็นความไม่เต็มใจบนใบหน้าของสองพี่น้อง ซูฟ่านก็ลูบหัวพวกเขา “พวกเจ้าทั้งคู่โตแล้ว พวกเจ้าดูแลตัวเองได้แล้ว”

“นอกจากนี้ ข้าก็จะไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น มันจะผ่านไปในพริบตา แล้วข้าจะนำของขวัญกลับมาให้พวกเจ้าด้วย” ซูฟ่านปลอบใจพวกเขา

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็อยากให้ท่านรีบกลับมาเร็วๆ” ซูเยว่เซียนพูดทั้งน้ำตา

“ได้อยู่แล้ว”

ห้าวันต่อมา ซูฟ่านมอบสิ่งประดิษฐ์สองชิ้นให้กับสองพี่น้อง

“ซูกัง ชุดเกราะพลังวิญญาณของเจ้าอยู่ในศาลาสมบัติหมายเลข 234 อย่าลืมนำติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่เจ้าออกจากนิกายล่ะ”

“ซูเยว่เซียน ของเจ้าเองก็เหมือนกัน หมายเลขของมันคือ 235” จากนั้น ซูฟ่านก็มอบไข่มุกวิญญาณให้กับพวกเขาทั้งสองคน

“สิ่งประดิษฐ์นี้เรียกว่าลูกแก้วคลังวิญญาณ มันเป็นสมบัติที่จะช่วยเติมพลังวิญญาณให้กับพวกเจ้า”

“ลูกแก้วคลังวิญญาณนี้สามารถรับพลังวิญญาณได้ประมาณสิบเท่าของพวกเจ้า ดังนั้นเพียงจำไว้ว่าจงป้อนพลังวิญญาณเข้าไปในทุกๆ วันเพื่อให้มันมีพลังวิญญาณเต็มอยู่เสมอ”

หลังจากที่เขาทำเสร็จแล้ว ซูฟ่านก็ส่งมีดสั้นไปให้ซูเยว่เซียน

“เยว่เซียน นี่คือมีดทองทลายเกราะ มันสามารถทำลายเกราะของใครก็ตามที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณได้ ตราบใดที่เจ้าเข้าใกล้อีกฝ่ายมากพอ”

เมื่อเปรียบเทียบกับลูกแก้วคลังวิญญาณแล้ว  มีดทองทลายเกราะนี้ก็ต้องใช้ความพยายามและทรัพยากรเยอะกว่ามาก บางครั้งเขาพบว่าสิ่งที่เรียบง่ายนั้นยากจะสร้างให้ดีเยี่ยม

“ขอบคุณท่านอาจารย์” ซูเยว่เซียนกล่าวพร้อมกับรับมีดทองทลายเกราะด้วยความขอบคุณ ในฐานะผู้ฝึกตนขอบเขตฝึกปราณขั้นสี่ เธอก็เข้าใจว่าอาวุธชิ้นนี้เป็นตัวแทนของอะไร

“ขอบคุณเรื่องอะไรกัน? เจ้าแค่ต้องดูแลข้าในอนาคตก็พอแล้ว” ซูฟ่านกล่าวพร้อมยิ้ม

สองพี่น้องโค้งคำนับขอบคุณซูฟ่าน

...

สิบห้าวันต่อมา ถึงเวลาที่ซูฟ่านจะขึ้นเรือแล้ว

เมื่อเห็นลูกศิษย์ของเขาร้องไห้ ซูฟ่านก็รู้สึกเหมือนเป็นพ่อที่ต้องออกจากบ้าน

“เอาล่ะ พวกเจ้าโตแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้ว อย่าปล่อยให้คนอื่นหัวเราะเยาะพวกเจ้าเอาได้” ซูฟ่านพูดและยืนข้างๆ ผางฟู่ที่มารับเขา

“เราทนไม่ได้ที่จะต้องจากท่านไป ท่านอาจารย์” สองพี่น้องไม่อยากให้ซูฟ่านไปจริงๆ

“มันไม่ใช่การจากลาครั้งสุดท้าย ข้าจะกลับมาในอีกสี่เดือนข้างหน้า อย่าเพิ่งเศร้าไป”

เวลากำลังจะหมด ดังนั้นซูฟ่านจึงบินไปยังนิกายชั้นในบนท้องฟ้าโดยไม่รอช้า

“พี่ผาง ข้าฝากลูกศิษย์ทั้งสองของข้าไว้ให้ท่านช่วยดูแลด้วย”

“วางใจได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกศิษย์ของอาจารย์ซู ท่านสามารถโทษข้าได้เลย” ผางฟูตอบกลับ

ซูฟ่านมองดูเหล่าศิษย์ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

เดิมที มู่หรงเฉียนเอ๋อต้องการจะพาลูกของเธอไปบอกลาด้วย แต่ซูฟ่านก็หยุดเธอโดยบอกว่าเธอควรให้ความสำคัญกับการดูแลทารกที่บ้านจะดีกว่า

บนท้องฟ้า ซูฟ่านได้เข้าร่วมกับกลุ่มศิษย์ในนิกายชั้นใน ขณะที่พวกเขาบินขึ้นไปยังเมฆที่ใหญ่ที่สุด

เมื่อเข้าไปในชั้นเมฆ ซูฟ่านก็เห็นประตูสูงตระหง่านและมังกรขนาดยักษ์กำลังพูดคุยกับผู้โดยสารที่ทางเข้า

“8000 หินวิญญาณสำหรับการขี่มังกร และพวกเจ้าจะได้รับหินความทรงจำเป็นของขวัญ”

“โอกาสหายาก โอกาสหายาก! !”

พร้อมกับเสียงร้องของมังกร เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้น

“เจ้าศิษย์หนุ่ม นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเข้ามาในนิกายชั้นในใช่ไหม? เขาว่ากันว่าการขี่มังกรจะนำพาโชคลาภมาให้นะ”

มังกรยืนขวางทางซูฟ่านที่กำลังจะเข้าประตูยักษ์

ซูฟ่านมองไปที่หางขนาดใหญ่ที่ขัดขวางเขาไว้และพูดด้วยความสับสนกับมังกรว่า “ผู้อาวุโส แม้ว่าข้าจะต้องการ แต่ข้าก็ไม่มีหินวิญญาณมากมายขนาดนั้น”

ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นทั้งความปรารถนาและความลำบากใจ ซึ่งเป็นการแสดงออกที่ซูฟ่านแสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะใช้หินวิญญาณ 8,000 ก้อนเพื่อขี่เจ้า เมื่อถูกควบคุมมานานจนเกินไป มังกรพวกนี้ก็ได้สูญเสียเกียรติและคุณธรรมไปจนหมดแล้ว

มังกรดูผิดหวังและปล่อยให้ซูฟ่านไป เพราะช่วงนี้ธุรกิจกำลังเข้มข้น  ดังนั้นพวกมันจึงเริ่มมองหาลูกค้ารายอื่นต่อ

เมื่อแสดงตราเรียบร้อยแล้ว ซูฟ่านก็เข้าไปในนิกายชั้นในอย่างปลอดภัย เมื่อมองขึ้นไป เขาก็เห็นเรือเหาะลอยฟ้าขนาดมหึมาลอยอยู่กลางอากาศ

“วันหนึ่ง ข้าจะสร้างเรือเหาะขนาดยักษ์แบบนี้!” ซูฟ่านประกาศอย่างกระตือรือร้น เป้าหมายสูงสุดของเขาคือการสร้างยานพาหนะที่สามารถออกจากพันโลกอันยิ่งใหญ่ได้

ด้วยหัวใจที่ตื่นเต้น ซูฟ่านขึ้นเรือเหาะลอยล่องอันเป็นที่หมายตามาอย่างยาวนาน

ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยและเป็นเอกลักษณ์ก็ดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ซูฟ่านก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขาได้ตกลงมาจากสวรรค์สู่ขุมนรก

“ศิษย์น้องซู ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เจ้าย้ายบ้านไม่บอกข้าเลย” เย่เสี่ยวเหยาพูดอย่างร่าเริงเมื่อเห็นซูฟ่าน เขารู้สึกผิดกับซูฟ่านเล็กน้อยในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ดังนั้นเมื่อได้เห็นซูฟ่านอีกครั้ง เขาจึงรู้สึกเหมือนได้พบกับญาติที่ห่างหายไปนาน

“ตอนนี้ข้าควรจะเรียกท่านว่าผู้อาวุโสเย่แล้วสินะ ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าผู้อาวุโสเย่จะก้าวขึ้นสู่ขอบเขตแก่นแท้ทองคำได้เร็วขนาดนี้”

ในขณะนี้ ซูฟ่านก็รู้สึกราวกับว่ามีม้าป่านับหมื่นตัวกำลังกระทืบหัวใจของเขาอยู่ การได้พบกับผู้ชายคนนี้คงมีแต่ปัญหาเท่านั้น

เย่เสี่ยวเหยาโอบแขนของเขาไว้รอบไหล่ของซูฟ่านแล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “อะไรกัน ไม่ต้องมาผู้อาวุโสหรือศิษย์พี่อะไรหรอก พวกเราเป็นพี่น้องกัน อย่าเป็นทางการขนาดนั้นเลย”

ในตอนนี้ ซูฟ่านก็มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น หาโอกาสลงจากเรือ เขาต้องหาโอกาสลงจากเรือ!

เย่เสี่ยวเหยานำซูฟ่านลัดคิวไปหาหัวหน้าสายตรวจโดยตรง

“พี่ใหญ่ นี่คือน้องชายของข้าเอง เขามีบัตรผ่าน แล้วก็ขอห้องดีๆ ให้เขาหน่อยได้ไหม?” เย่เสี่ยวเหยาพูดกับผู้ฝึกตนที่สวมชุดเกราะสีแดงเข้ม

ซูฟ่านมอบตราให้กับหัวหน้าสายตรวจตามปกติ

“ได้อยู่แล้ว มีห้องว่างอยู่ข้างๆ ห้องของเจ้า ให้น้องชายของเจ้าอยู่ที่นั่นก็ได้”

หลังจากตรวจสอบตราของซูฟ่านแล้ว หัวหน้าสายตรวจก็ได้จารึกรูนไว้ข้างในตราและส่งคืนให้กับซูฟ่าน

“ขอบคุณพี่ใหญ่” เย่เสี่ยวเหยากล่าวอย่างพึงพอใจ

จากนั้นเขาก็พาซูฟ่านเดินลัดเข้าไป

“ศิษย์น้องซู ข้าจะพาเจ้าเดินชมรอบๆ เอง”

“ในตอนเย็น เรือเหาะลอยล่องถึงจะออกเดินทาง และจะมีอาหารวิญญาณบนเรือด้วย เพราะงั้นเรากินดื่มกันได้เต็มที่เลย”

“ให้ตายเถอะ ตอนนี้ข้าหนีไม่พ้นแล้ว!” ซูฟ่านสาปแช่งภายในใจ...

5 1 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด