บทที่ 43: ศิษย์ผู้ขยันขันแข็ง
บทที่ 43: ศิษย์ผู้ขยันขันแข็ง
เสียเจาะทะลวงอากาศดังก้องขึ้นสองเสียง
แสงสองดวงปรากฎขึ้นบนขอบฟ้า หนึ่งดวงอยู่ข้างหน้าและอีกหนึ่งอยู่ข้างหลัง พวกมันทั้งสองกำลังบินมาทางซูฟ่านอย่างรวดเร็ว
ซูฟ่านและหวังยู่หลุนจ้องมองไปบนท้องฟ้าพร้อมกัน
เมื่อเห็นความเร็วของแสงทั้งสองดวง ดวงตาของหวังยู่หลุนก็ฉายแววประหลาดใจ
“พี่ซู เมื่อเห็นลูกศิษย์ทั้งสองของท่าน ข้าก็อยากจะเป็นลูกศิษย์ของท่านด้วยเหมือนกันเลย” หวังยู่หลนพูดอย่างอิจฉา ขณะที่เพื่อนตัวน้อยสองคนนี้มีความพิเศษมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้คำแนะนำของซูฟ่าน
แม้ว่าซูกังจะดูเรียบง่ายและซื่อสัตย์มาก แต่วิชาธาตุไฟของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ มันทำให้เขาดูเหมือนกับเทพแห่งไฟที่ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ซึ่งไม่มีใครเทียบได้
ซูเยว่เซียนเองก็มีวิชาการหลบหนีและวิชาการโจมตีที่ทรงพลัง แม้ว่าเธอจะอยู่ที่ขอบเขตฝึกปราณขั้นสี่เท่านั้น แต่เธอก็ยังสามารถต่อกรกับสัตว์อสูรระดับสูงได้อย่างง่ายดาย
นี่คือการประเมินที่หวังยู่หลุนได้หลังจากพาสองพี่น้องออกไปต่อสู้ ในระหว่างการต่อสู้ คางของหวังยู่หลุนก็เกือบจะตกพื้นด้วยความประหลาดใจ เขาเป็นเหมือนคนโง่เมื่อเทียบกับสองพี่น้อง
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังยู่หลุน ซูฟ่านก็เหลือบมองเขา
“ตอนนี้เจ้ายังอยากได้ตำแหน่งศิษย์อยู่อีกหรอ? ข้าก็สอนเจ้าทุกอย่างที่เจ้าต้องการจะเรียนรู้แล้วไม่ใช่หรอ? เพียงแต่พรสวรรค์ของเจ้ามาถึงขีดจำกัดแล้วก็เท่านั้นเอง”
“เรื่องนั้นเจ้าจะโทษใครได้?” ซูฟ่านล้อเลียนเขาอย่างไร้ความปราณี เขาสอนอีกฝ่ายมากมาย แต่ในท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็ยังไม่สามารถบรรลุรากฐานชั้นหนึ่งได้
หวังยู่หลุนพูดไม่ออก เขารู้สึกว่าคำพูดของซูฟานมีเหตุผล
“พี่ซู ข้าจะไปที่ดินแดนลับเพื่อทำภารกิจในเร็วๆ นี้ และอาจใช้เวลาประมาณครึ่งปี ดังนั้นข้าจึงมาเพื่อบอกลาพี่ซู”
“ภารกิจนี้ดูไม่ธรรมดาเลย ทางที่ดีเจ้าควรไปเร็วมาเร็วนะ แล้วก็ดูแลตัวเองให้ปลอดภัยด้วย”
ปราณวิญญาณจำนวนมหาศาลควบแน่นขึ้นอย่างรวดเร็ว มันก่อตัวเป็นแถวพิเศษสามแถวบนมือของหวังยู่หลุนและทำให้เกิดเครื่องหมายสีแดง ทอง และเขียว
“แถวสีแดงรวบรวมวิชาการโจมตีแบบกลุ่มเอาไว้ ดังนั้นเมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรกลุ่มใหญ่ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตแก่นแท้ทองคำและไม่สามารถวิ่งหนีได้ เจ้าก็จงเปิดใช้งานสิ่งนั้นซะ”
“แถวสีทองเป็นวิชาเป้าหมายเดี่ยวและสามารถเปิดใช้งานได้สามครั้ง ใช้มันเมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรขอบเขตแก่นแท้ทองคำ”
“แถวสีเขียวประกอบด้วยวิชาเพิ่มความเร็ว เมื่อเจ้าต้องการหลบหนีในสถานการณ์ร้ายแรง”
ตามที่ซูฟ่านอธิบาย ใบหน้าของหวังยู่หลุนก็เริ่มเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ เขามักจะมาบอกลาซูฟ่านก่อนที่จะไปปฏิบัติภารกิจ แต่ในทุกครั้ง เขาก็จะพบว่าสิ่งของที่ซูฟ่านมอบให้เขาก่อนจากไปนั้นมีประโยชน์เสมอในทุกภารกิจโดยไม่มีข้อยกเว้น
“พี่ซู ท่านรู้อะไรมารึเปล่า?”
จู่ๆ หวังยู่หลุนก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย วิชาทั้งสามที่ประทับอยู่บนมือของเขาดูเหมือนจะบ่งบอกถึงระดับความอันตรายของภารกิจนี้
ซูฟ่านไม่ได้พูด แต่เขาจ้องมองไปที่หวังยู่หลุนอย่างเคร่งขรึม
“พี่ซู คราวนี้ข้าจะไม่มีปัญหาจริงๆ ใช่ไหม?” หวังยู่หลุนเริ่มตื่นตระหนก เขาจะต้องกลับชาติมาเกิดใหม่หลังจากได้เป็นพ่อคนรึเปล่า?
“จำไว้ว่า เมื่อได้รับโอกาส เจ้าจงอย่าปฎิเสธมัน ที่เจ้าต้องทำนอกเหนือจากนั้นก็คือการกลับมายังนิกายให้ได้อย่างปลอดภัย”
ซูฟานกำลังจะพูดต่อ แต่แล้วความรู้สึกใจสั่นก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา ดังนั้นเขาจึงปิดปากเงียบลงในที่สุด
“พี่ซู ข้าเข้าใจแล้ว”
หลังจากแสดงความขอบคุณแล้ว หวังยู่หลุนก็ลาและจากไป
เมื่อเห็นหวังยู่หลุนจากไป ซูฟ่านก็รู้สึกค่อนข้างหดหู่และพูดว่า “ข้ารู้ ข้าไม่สามารถโกงชะตาชีวิตได้”
ในช่วงที่ผ่านมา ซูฟ่านหมกมุ่นอยู่กับการทำนาย และเขาก็สามารถมองเห็นภัยพิบัติและความโชคร้ายเล็กๆ น้อยๆ ได้
คราวนี้เมื่อซูฟ่านเห็นว่าหวังยู่หลุนมีความเสี่ยงจะเสียชีวิต เขาก็พยายามจะมองลึกเข้าไป แต่แล้วเขาก็ถูกหมอกกั้นไว้
เมื่อซูฟ่านรู้สึกถึงชั้นหมอกนี้ เขาก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมาโดยพลัน เขาสังเกตเห็นว่าการล่วงรู้ความลับสวรรค์ของคนอื่นนั้นจะต้องแลกมาด้วยอายุขัย
เช่นเดียวกับที่ซูฟ่านต้องการจะลองดูว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากระบบของเขาได้หรือไม่ แต่แล้วเขาก็ต้องปัดตกไป
“มันไม่ให้โอกาสใดๆ ข้าเลย” ซูฟ่านถอนหายใจและกล่าว
ในขณะนี้ สองพี่น้องก็กลับมาแล้วและยืนอยู่ข้างซูฟ่าน
“หลังจากเข้าเรียนบนยอดเขาไท่เสวี่ยมานานกว่าหนึ่งเดือน พวกเจ้าได้ตัดสินใจแล้วรึยังว่าจะไปยอดเขาไหนในอนาคต?” ซูฟ่านถาม
“ท่านอาจารย์ ข้าต้องการไปที่โถงยุทธ์”
“ท่านอาจารย์ ข้าต้องการไปที่ศาลาสมบัติ”
การเลือกของสองพี่น้องไม่ได้ทำให้ซูฟ่านประหลาดใจ แม้ว่าภายนอก ซูกังจะดูเป็นคนเรียบง่าย แต่จริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนคลั่งไคล้การต่อสู้และมีความสนใจในวิชาโจมตีอันทรงพลังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ หลังจากเรียนรู้ “ความลับห้าธาตุ” ที่แก้ไขมาจาก “บัญญัติห้าธาตุ” ของซูฟ่านแล้ว พลังวิญญาณของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ ในระดับเดียวกันมาก หากเขาเติบโตขึ้นในอนาคต เขาก็คงจะเป็นดั่งปืนใหญ่เคลื่อนที่อย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะเดียวกัน ซูเยว่เซียนน้องสาวคนเล็กก็มีความรู้สึกพิเศษต่อสมบัติต่างๆ นอกจากนี้ เธอก็ยังได้เรียนรู้วิชาเร้นลับของซูฟ่านมาแล้วครึ่งหนึ่ง ดังนั้นหากเธอมีโอกาส การเป็นเซียนก็จะไม่ใช่ปัญหา
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าได้เลือกแล้ว งั้นก็จงทำงานให้หนักซะ”
แผ่นหยกสองแผ่นปรากฏขึ้นในมือของซูฟ่าน หนึ่งแผ่นสำหรับพี่น้องแต่ละคน
“แผ่นหยกเหล่านี้มีวิชาพิเศษที่ข้าซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเจ้าได้พัฒนาขึ้นมาเอง ซูกัง เจ้าจะได้รับวิชาการโจมตี”
“ส่วนซูเยว่เซียน เจ้าจะได้รับวิชาการหลบหนี การซ่อน และการล่าสมบัติ”
“หลังจากนั้น ข้าจะสร้างชุดสิ่งประดิษฐ์ให้สำหรับพวกเจ้าแต่ละคน ข้าได้สอนทุกสิ่งที่พวกเจ้าจำเป็นต้องรู้ในขอบเขตฝึกปราณไปแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าเองแล้ว” ซูฟ่านพูดอย่างช้าๆ
ความก้าวหน้าของพวกเขาเกินความคาดหมายของซูฟ่านไปเล็กน้อย มันคงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับศิษย์ทั้งสองคนที่จะก้าวไปสู่ขอบเขตแก่นแท้ทองคำภายใน 80 ปี อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้น อาจารย์ของพวกเขาก็คงจะยังคงเป็นขยะตัวเล็กๆ ในขอบเขตฝึกปราณอยู่เลย
“ขอบพระคุณอาจารย์ที่ให้วิชาลับแก่พวกเรา” สองพี่น้องกล่าวขอบคุณ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ซูฟ่านสอนสั่งพวกเขา พวกเขาก็มองเขาในฐานะพ่อมาโดยตลอด
ทุกสิ่งในชีวิตประจำวันของพวกเขาได้รับการดูแลจัดการโดยซูฟ่านและเขาก็คอยดูแลรักษาตลอดเมื่อพวกเขาเจ็บไข้ได้ป่วย
“เอาล่ะ เมื่อพวกเจ้าทำการบ้านของวันนี้เสร็จแล้ว พวกเจ้าจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่พวกเจ้าต้องการ และจำไว้ว่าอย่ารังแกหยิงหยิง” ซูฟ่านลุกขึ้นและกล่าว เขายังมีงานจากหอการค้าต้องทำอยู่อีก
ในขณะนี้ สองพี่น้องก็ยังไม่จากไป
“ท่านอาจารย์ ท่านช่วยนำเราเข้าสู่โลกมายาเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่เรายังทำไม่เสร็จได้ไหม?” ซูกังเกาหัวแล้วพูด ในครั้งที่แล้ว เขาเกือบจะฆ่าสัตว์อสูรระดับสูงกลุ่มหนึ่งในโลกมายาได้แล้ว ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงยังคงอยากจะเอาชนะพวกมันให้ได้ในวันนี้
เมื่อมองดูลูกศิษย์ที่ขยันทั้งสองคน ซูฟ่านก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำให้พวกเขาผิดหวังได้
สมบัติวิญญาณกระดานหมากรุกปรากฏขึ้นในมือของซูฟ่าน จากนั้นมันก็ขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นเงากระดานหมากรุกขนาดใหญ่ที่ปกคลุมทั้งสองเอาไว้ นี่คือสิ่งที่ซูฟ่านได้สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อสร้างโลกมายา เมื่อรวมเข้ากับวิชามายาของเขา มันก็จะสามารถสร้างโลกมายาที่สมจริงแบบสุดๆ ขึ้นมาได้
“ข้ามีลูกศิษย์ที่ขยันจริงๆ”
ซูฟ่านไม่ได้สนใจศิษย์ทั้งสองคนอีกต่อไปและเดินเข้าไปในห้องหลอมสิ่งประดิษฐ์
ในห้องที่มีพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร มีสมบัติวิเศษรูปเตาหลอมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ โดยมีเพลิงวิญญาณสีเหลืองอ่อนกำลังลุกไหม้อยู่ข้างใน
นี่คือเพลิงวิญญาณทองที่ซูฟ่านซื้อมาในราคา 200,000 หินวิญญาณ
ในห้องหลอมสิ่งประดิษฐ์ ภายใต้การควบคุมของซูฟ่าน เพลิงวิญญาณก็ได้หลอมสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ
“กระบี่วิญญาณน้ำแข็ง, ขลุ่ยเสียงอสูร, กระบี่ขนนกเพลิง, เสื้อคลุมวิญญาณวายุ”
ซูฟ่านสร้างสิ่งประดิษฐ์ทั้งสี่ชิ้นและแจ้งให้ผางฟู่มารับพวกมัน...