บทที่ 42: สามปี
บทที่ 42: สามปี
ซูฟ่านมองไปที่การแสดงของหวังยู่หลุนและพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ระดับพลังเป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้ และขั้นตอนต่อไปก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หลังจากเล่นสนุกกับชุดเกราะอยู่สักพัก ในที่สุดหวังยู่หลุนก็เดินมาหาซูฟ่าน
“พี่ซู สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้น่าทึ่งมาก ตอนนี้แม้จะเจอผู้ฝึกตนขอบเขตก่อเกิดรากฐานขั้นสูงสุด แต่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวแล้ว” หวังยู่หลุนกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ไม่เลวเลยใช่ไหม? ชุดเกราะพลังวิญญาณนี้เป็นเพียงรุ่นทดลองเท่านั้น หากเจ้าเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานแล้ว ข้าก็จะสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่คล้ายกันนี้ให้กับเจ้าอีก”
“แบบนี้แล้วเจ้ายังเสียใจที่มอบก้อนเหล็กวิญญาณชิ้นนั้นให้กับข้าอยู่ไหม?” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ชอบการได้รับความโปรดปรานจากผู้คน
“ไม่เสียใจ ข้าไม่เสียใจเลย สิ่งประดิษฐ์นี้มีค่ามากจนข้าเกรงใจท่านแทนด้วยซ้ำ”
“ใช่แล้ว หากพี่ซูต้องการวัสดุใดๆ สำหรับสิ่งประดิษฐ์ในอนาคต ท่านเพียงแจ้งให้เราทราบก็พอ แล้วเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อออกค้นหาพวกมัน” มู่หรงเฉียนเอ๋อกล่าวขณะที่เธอดูชุดเกราะพลังวิญญาณของเธอเอง
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าพรสวรรค์ในการสร้างของซูฟ่านนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าพลังต่อสู้ของเขาเองซธอีก
“เอาล่ะ ข้าหมดธุระแล้ว พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว” ซูฟ่านกล่าวพลางคิดว่าเขาจะปรับแต่งชุดเกราะต่อไปยังไงดี
“ขอบพระคุณพี่ซู”
“เราเป็นเพื่อนกัน ไม่จำเป็นต้องมากพิธีการก็ได้” ซูฟ่านโบกมือแล้วพูด
...
ในช่วงบ่าย ซูฟ่านเฝ้าดูสองพี่น้องฝึกฝนอยู่ที่ลานบ้าน
“บางครั้งการฝึกวิชาก็ต้องใช้สมอง”
“หลังจากล้มเหลวครั้งแรกแล้ว จงหยุดและคิดว่าเหตุใดเจ้าจึงล้มเหลว”
“วิชาการร่ายเป็นวิธีพื้นฐานที่สุดสำหรับผู้ฝึกตน และยังเป็นจุดที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้ด้วย”
แทนที่จะชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของสองพี่น้อง ซูฟ่านเลือกที่จะปล่อยให้พวกเขาค่อยๆ เรียนรู้และทำความเข้าใจด้วยตนเองแทน
ซูกังซึ่งล้มเหลวในการร่ายวิชาหลายครั้งมีความสับสนเล็กน้อย เขามองไปที่ซูฟ่านด้วยความละอายเล็กน้อยและพูดว่า “ท่านอาจารย์ ข้าควรทำอย่างไรถ้าสมองของข้าทำงานได้ไม่ดี”
“มาแบบนี้ข้าก็ไปไม่ถูกเหมือนกันนะ” ซูฟ่านผงะไปเล็กน้อย
ในขณะนี้ เมฆน้ำที่สร้างจากพลังวิญญาณก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือลานบ้าน และมีฝนตกปรอยๆ ตกลงมาข้างใน
นี่คือวิชานทีวิญญาณของซูเยว่เซียน
“ท่านอาจารย์ ข้าทำสำเร็จแล้ว” ซูเยว่เซียนพูดอย่างมีความสุข แต่ไม่นานเธอก็เลิกแสดงสีหน้ายินดี นั่นเพราะพี่ชายของเธอยังทำไม่สำเร็จ
“ไม่เลว เจ้ามีความสามารถในด้านการร่ายวิชา” ซูฝ่านชื่นชมและให้คะแนนลูกศิษย์หญิงของเขาในระดับปานกลาง
ขณะเดียวกัน ซูกังซึ่งเดิมทีรู้สึกละอายใจก็ก้มหัวลงจนเกือบจะถึงพื้น
“ซูกังอย่าเพิ่งท้อแท้ เจ้าถามข้าก่อนหน้านี้ว่าจะทำอย่างไรถ้าสมองของเจ้าทำงานได้ไม่ดีใช่ไหม?”
“ตอนนี้ข้าจะตอบคำถามของเจ้าเอง”
“เมื่อเจ้าคิดไม่ออกจริงๆ เจ้าก็มาถามข้าสิ”
“หนทางสู่การเป็นเซียนนั้นยาวไกล พรสวรรค์และความสามารถเป็นเรื่องรอง เฉพาะผู้ที่มีความมุ่งมั่นอย่างมากเท่านั้นจึงจะสามารถบรรลุเซียนได้” ซูฟ่านพูดช้าๆ ในสายตาของเขา การฝึกตนก็เป็นเหมือนเกมวางกลยุทธ์ แม้จะมีทรัพยากรดีสักแค่ไหน แต่ปัจจัยชี้ขาดก็ยังคงเป็นกลยุทธ์
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“ท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน” ซูกังกล่าวอย่างหนักแน่น
เมื่อเห็นการแสดงออกของลูกศิษย์คนโตของเขา ซูฟ่านก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและคิดว่าเขาไม่สามารถหยุดให้กำลังใจเด็กพวกนี้ได้
...
เวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ และแล้วสามปีก็ผ่านพ้นไป
ในพื้นที่ด้านนอก ซูกังกำลังมุ่งหน้ากลับมาพร้อมกับน้องสาวของเขา
“พี่ชาย ทำไมท่านไม่ตอบคำถามที่หญิงนางนั้นเพิ่งถามท่านล่ะ?” ซูเยว่เซียนมองไปที่ซูกังด้วยอาการสงสัย เธออยากจะเห็นพี่ชายของเธอมีเพื่อนคนอื่นบ้าง
ในขณะเดียวกัน เมื่อใคร่ครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ซูกังก็พูดโดยไม่รู้ตัวว่า “ผู้หญิงมีแต่จะชะลอความเร็วในการฝึกตนของข้าเท่านั้น ดังนั้นมันจึงเป็นการดีกว่าที่จะทำการติดต่อให้น้อยลง”
“ท่านพูดว่าอะไรนะ!” ซูเยว่เซียนไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่เธอก็รู้ว่าการฝึกตนสำคัญต่อพวกเธอมากแค่ไหน
“ท่านอาจารย์เป็นคนพูดไว้เมื่อวานนี้ในตอนที่เขาคุยกับอาจารย์ลุงหวัง”
“เขาบอกว่าความเร็วในการฝึกตนของอาจารย์ลุงหวังนั้นช้ากว่าเมื่อก่อนมาก” ซูกังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และกล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดของซูกัง ซูเยว่เซียนก็หันหน้าไปทางด้านข้างเพื่อแสดงความโกรธของเธอ
“ข้าไม่สนใจท่านแล้ว”
กลางอากาศ ซูเยว่เซียนทำผนึกมือ และมีโล่อากาศปรากฏขึ้นรอบตัวเธอ
“ปัง!”
พร้อมกับเสียงระเบิด ร่างของซูเยว่เซียนก็หายลับไปในขอบฟ้า
“ข้าทำให้น้องสาวข้าโกรธอีกแล้วหรอ?” ซูกังสงสัย
“ข้าตามไปถามนางสักหน่อยก็ได้ว่ามันเป็นเพราะอะไร”
ซูกังเกาหัวของเขาอย่างโง่เขลา ชั้นโล่สีเหลืองปรากฏขึ้นรอบตัวเขา
“บู้มมมม!!”
พร้อมกับเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วภูเขา ซูกังพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
.....
ที่เชิงเขา ซูฟ่านกำลังดูกวางดอกเมฆาเล่นกับเด็กชายอายุสองขวบอยู่
“พี่ซู ข้าวางแผนที่จะก้าวไปสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานภายในหนึ่งปี และข้าก็ได้เตรียมวัตถุดิบกับยาทั้งหมดแล้ว” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ซูฟ่านกล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังยู่หลุน ซูฟ่านก็หันศีรษะและถามด้วยความสนใจ
“ยู่หลุน เจ้ามั่นใจในการบรรลุการสร้างรากฐานชั้นหนึ่งไหม?”
“การสร้างรากฐานชั้นหนึ่งนั้นยากเกินไป ข้าไม่มั่นใจเลย” หวังยู่หลุนส่ายหัวแล้วพูด
ผู้ที่ครอบครองรากฐานชั้นหนึ่งจะได้รับการปฏิบัติเหมือนดั่งลูกรักของสวรรค์ และด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของเขา เขาจึงสามารถสร้างรากฐานชั้นสองได้เท่านั้น
ในขณะนี้ กวางดอกเมฆาก็พาเด็กน้อยไปบนเมฆมงคลและบินตรงออกไปจากเนินเขาเล็กๆ
หวังยู่หลุนต้องการจะหยุดพวกเขา แต่ซูฟ่านก็หยุดเขาเอาไว้ก่อน
จากนั้น ซูฟ่านก็แตะเบาๆ ไปยังตำแหน่งของกวางดอกเมฆาและเด็กน้อย พลังวิญญาณรวมตัวกันอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า และหุ่นเชิดรูปร่างมนุษย์สองตัวที่สร้างขึ้นมาจากพลังวิญญาณและอักษรรูนก็ติดตามเด็กชายตัวน้อยกับกวางดอกเมฆาไปอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นหุ่นเชิดวิญญาณทั้งสอง หวังยู่หลุนก็รู้สึกตกใจ เขาเคยได้ลองใช้มันเมื่อเร็วๆ นี้ แค่หนึ่งในหุ่นเชิดเหล่านี้ก็สามารถทำลายเขาลงได้อย่างง่ายดายแล้ว แม้ว่าเขาจะสวมชุดเกราะพลังวิญญาณอยู่ก็ตามที
“เจ้ายังขาดอะไรในการสร้างรากฐานชั้นหนึ่ง?” ซูฟ่านถาม ในความเห็นของเขา มันก็ไม่มีสิ่งที่แน่นอนในโลกแห่งการฝึกตน
เมื่อได้ยินคำถามของซูฟ่าน หวังยู่หลุนก็ถอนหายใจ “ความรู้สึกนั้นไม่ชัดเจน ข้าอธิบายไม่ถูกเลย”
แล้วข้าจะช่วยเจ้าได้ยังไงถ้าแม้แต่เจ้าเองก็ยังไม่รู้?
“ยังไงก็ตาม ท่านวางแผนที่จะก่อตั้งรากฐานของท่านเมื่อไหร่กันพี่ซู?”
“ท่านอยู่ห่างจากข้าไปเพียงขั้นเดียวเท่านั้น ข้าเดาว่าพี่ซูคงจะสามารถบรรลุรากฐานชั้นหนึ่งได้อย่างแน่นอน และหากพี่ซูต้องการ การสร้างชื่อเสียงไปทั่วทั้งทวีปก็จะไม่ใช่ปัญหา” หวังยู่หลุนกล่าว ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา นิกายได้ผลิตผู้ฝึกตนที่มีรากฐานชั้นหนึ่งขึ้นมาเพียงคนเดียวเท่านั้น และชายคนนั้นก็คือ เย่เสี่ยวเหยา อัจฉริยะแห่งยอดเขาหมื่นกระบี่
“การมีชื่อเสียงมีดีอะไร? มันไม่มีประโยชน์แถมยังสร้างความเสี่ยงสูงอีก”
เมื่อพูดถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐาน ซูฟ่านก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง ในอีกหนึ่งร้อยปีหลังจากนี้ เมื่อเขาจะต้องก่อตั้งรากฐานของเขา เขาก็จะต้องการสถานที่อันเงียบสงบอย่างแน่นอน
ตอนนี้เขามีความรู้สึกว่าเขาสามารถเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานได้โดยทันที
เขาไม่จำเป็นต้องใช้ยาช่วยใดๆ ด้วยซ้ำ
ถึงอย่างนั้น มันก็น่าเสียดายที่ความรู้สึกนี้ดูเหมือนจะใกล้ แต่จริงๆ แล้วมันก็ห่างไกลราวกับช่องว่าง เหมือนกับแฟนสาวในโลกสมมุติที่ทำได้เพียงแค่มอง..