บทที่ 41: เกราะพลังวิญญาณ
บทที่ 41: เกราะพลังวิญญาณ
เมื่อการร่ายรำอันน่าหลงใหลสิ้นสุดลง หวังยู่หลุนก็ฟื้นคืนสติ และทุกสิ่งรอบตัวเขาก็กลับมาเป็นปกติ
หวังยู่หลุนเหลือบมองสิ่งประดิษฐ์บนพื้นและตระหนักได้ว่าเขาพ่ายแพ้ลงอีกครั้งแล้ว
“พี่ซู ท่านไม่แสดงความเมตตาใดๆ ต่อข้าเลยแม้แต่นิดเดียว” หวังยู่หลุนกล่าวอย่างหดหู่
เมื่อมาถึงจุดนี้ หวังยู่หลุนก็สังเกตเห็นมู่หรงเฉียนเอ๋อซึ่งยังคงประหลาดใจกับการร่ายรำอันน่าอัศจรรย์ของสามีเธอ เธอไม่สามารถเอามันออกไปจากใจของเธอได้
“เกิดอะไรขึ้น?” หวังยู่หลุนถามด้วยความสับสน
“ไม่มีอะไร”
“ถ้าพวกเจ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว พวกเจ้าก็กลับไปได้แล้ว ข้ายังต้องสอนลูกศิษย์ทั้งสองของข้าอีก” ซูฟ่านกล่าวพร้อมกลั้นหัวเราะ
“ข้าเข้าใจแล้ว”
แม้ว่าหวังยู่หลุนจะอยากพูดอะไรบางอย่างมากกว่านี้ แต่เขาก็ตัดสินใจหักห้ามมันหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ที่ขอบยอดเขา ซูฟ่านกล่าวคำอำลากับสองคู่รัก
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของทั้งคู่ ซูฟ่านก็พึมพำกับตัวเองว่า “บางทีข้าอาจจะควรเรียนรู้วิชาป้องกันวิญญาณบางซะแล้ว”
“ท้ายที่สุดแล้ว จุดอ่อนและจุดตายของคนเราก็มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องวิญญาณ”
...
ซูฟ่านพาซูกังและซูเยว่เซียนไปยังที่ห้องที่มีลักษณะคล้ายห้องเรียน
ทั้งสามคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นสะอาด
“พวกเจ้าคงจะได้เรียนเรื่องการอ่านเขียนและเรื่องเส้นลมปราณกันมาบ้างแล้วสินะ ตอนนี้ข้าจะสอนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโลกแห่งการฝึกตนให้แก่พวกเจ้า”
“ขอบเขตฝึกปราณ ขอบเขตก่อเกิดรากฐาน ขอบเขตแก่นแท้ทองคำ ขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณ ขอบเขตวิญญาณสวรรค์ ขอบเขตกลั่นสูญ ขอบเขตบูรณาการ ขอบเขตเหนือความทุกข์ยาก และขอบเขตมหายาน ทั้งหมดเก้าขอบเขต”
“หลังจากไปถึงขอบเขตมหายานแล้ว คนผู้นั้นก็จะสามารถขึ้นสู่โลกเซียนได้ แต่เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องนั้นกันในตอนนี้”
“เพื่อจะฝึกตนเป็นเซียน เราก็ต้องการรากวิญญาณและวิชาการฝึกตนที่เหมาะสม”
“ซูกัง รากวิญญาณของเจ้าคือไม้ ไฟ ดินและน้ำ”
“ซูเยว่เซียน รากวิญญาณของเจ้าคือไม้ น้ำและโลหะ”
สองพี่น้องหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาและบันทึกประเด็นสำคัญที่ซูฟ่านสอนโดยใช้ดินสออย่างรวดเร็ว
ดีมาก พวกเขารู้จักจดบันทึกในชั้นเรียน นี่เป็นสัญลักษณ์ของนักเรียนชั้นนำ
ขณะที่ซูฟ่านเจาะลึกลงไปในบทเรียน โลกแห่งการฝึกตนอันกว้างใหญ่ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในจิตใจของสองพี่น้อง
...
สามเดือนต่อมา ที่ขอบเนินเขา ซูฟ่านและสองสามีภรรยากำลังนั่งดื่มชาขณะเฝ้าดูสองพี่น้องฝึกฝนวิชาของพวกเขาอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
“พี่ซู ศิษย์ทั้งสองของท่านก้าวหน้าเร็วจนไม่น่าเชื่อเลย ในเวลาเพียงสามเดือน พวกเขาก็ได้มาถึงขอบเขตฝึกปราณขั้นหนึ่งแล้ว นี่ท่านยัดยากรอกปากพวกเขารึเปล่าเนี่ย?” หวังยู่หลุนกล่าว
“ ข้าทำแบบนั้นได้ที่ไหนเล่า สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับภรรยาของเจ้าซะมากกว่า”
“พวกเจ้าสองคนชอบมาชวนข้าทานอาหารเย็นเป็นครั้งคราว และพวกเขาก็พลอยได้รับประโยชน์ร่วมไปด้วย อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารวิญญาณที่มีมูลค่าหลายร้อยหินวิญญาณ”
“และด้วยการบริโภคบ่อยครั้งเข้า ความก้าวหน้าในการฝึกตนของพวกเขาก็จะย่อมเร็วขึ้นโดยธรรมชาติ”
ซูฟ่านยื่นขวดยาให้กับหวังยู่หลุน
“นี่คือยาครรภ์วิญญาณซึ่งได้รับการปรับปรุงนิดหน่อยโดยข้า”
“ยานี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้การตั้งครรภ์มีเสถียรภาพและยกระดับพรสวรรค์ของเด็กทารกในครรภ์ได้” ซูฟ่านกล่าว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปรับปรุงสูตรยานี้
ดวงตาของหวังยู่หลุนและมู่หรงเฉียนเอ๋อสว่างขึ้น เนื่องจากยาที่สามารถทำให้การตั้งครรภ์คงที่ได้นั้นหายากมากในโลกแห่งการฝึกตน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คาดหวังว่าซูฟ่านจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้
“สำหรับยาครรภ์วิญญาณของนิกาย พวกเจ้าก็ไม่ต้องไปแลกมันอีกต่อไปแล้ว สิ่งนี้ขัดกับสามัญสำนึก ถ้าพวกเจ้าใช้มันมากๆ เข้า มันก็อาจส่งผลเสียต่อเด็กในครรภ์ได้” ซูฟ่านเตือนหวังยู่หลุนอย่างจริงจัง
ในฐานะปรมาจารย์นักปรุงยา ซูฟ่านก็สามารถเข้าใจผลข้างเคียงจากยาครรภ์วิญญาณได้อย่างไม่ยากเย็น ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงตัดสินใจลงมือปรับปรุงสูตรยาเพื่อแก้ปัญหานั้น
“จริงหรอ?”
ใบหน้าของคู่รักเปลี่ยนไปเล็กน้อย และพวกเขาก็รู้สึกโชคดีที่ได้บอกซูฟ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้
“อย่างน้อยความรู้ของข้ามันก็บอกข้าอย่างนั้น”
“ขอบพระคุณสำหรับความเมตตาของท่าน พี่ซู”
มู่หรงเฉียนเอ๋อพยายามดึงหวังยู่หลุนเข้ามาเพื่อโค้งคำนับ แต่กระนั้นเธอก็ถูกซูฟ่านหยุดเอาไว้ซะก่อน”
“พี่ซู ท่านเคยไปงานชุมนุมแลกเปลี่ยนของนิกายไหม? ข้าต้องบอกเลยว่ามันเป็นการเปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง”
“วิชาการฝึกตนของนิกายต่างๆ ได้ขยายโลกทัศน์ของพวกเราในฐานะผู้ฝึกตนให้กว้างมากขึ้น” หวังยู่หลุนพูดอย่างตื่นเต้น
“ข้าเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรน่าสนใจ ดังนั้นข้าจึงกลับมา”
ซูฟ่านเคยไปงานชุมนุมแลกเปลี่ยนของนิกายมาแล้ว แต่เขาก็พบว่ามันน่าเบื่อและจึงกลับมา
“ข้าได้ต่อสู้กับศิษย์จากนิกายฝึกอสูรบนเวทีประลองด้วย โชคดีที่ข้ามีกระบี่พันคมของพี่ซู ไม่อย่างนั้นข้าก็คงจะพ่ายแพ้ลงไปแล้ว”
“สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งไปกว่านั้นคือวิชาของนิกายประตูเพลิง วิชาธาตุไฟของพวกเขาทรงพลังจนเกือบจะเทียบได้กับวิชาขอบเขตก่อเกิดรากฐาน”
“นั่นฟังดูน่าสนใจ” ซูฟ่านพยักหน้า วิชาการต่อสู้เหล่านี้ไม่ได้อยู่เหนือจินตนาการของเขาไปสักเท่าไหร่
“ข้าสามารถบอกได้เลยว่าท่านไม่ได้สนใจสิ่งที่เรากำลังพูดถึงด้วยซ้ำเมื่อดูจากสีหน้าของท่าน” มู่หรงเฉียนเอ๋อหัวเราะ
“แท้จริงแล้ว สำหรับพี่ซู วิชาเหล่านี้ก็เป็นเพียงของเด็กเล่น” หวังยู่หลุนพูดอย่างค่อนข้างผิดหวัง
“อย่าผิดหวังไปเลย เจ้าคิดว่าวันนี้เจ้าได้รับเชิญมาที่นี่เพื่อดื่มชาและรับยาเท่านั้นหรอ?”
ทันใดนั้นชุดเกราะสองชุดก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะในศาลา “นี่คือผลงานชิ้นล่าสุดของข้า เกราะพลังวิญญาณ!”
“ในอนาคต แม้ว่าศัตรูของพวกเจ้าจะอยู่ในขอบเขตแก่นแท้ทองคำ แต่มันก็จะไม่เป็นปัญหาใดๆ ทั้งนั้น” ซูฟ่านกล่าวในขณะที่ดูผลงานชิ้นเอกของเขาอย่างตั้งใจ
“เกราะพลังวิญญาณ สมบัติชิ้นนี้สามารถป้องกันวิญญาณได้ไหม?” หวังยู่หลุนถามอย่างสงสัย โดยจ้องมองไปที่ชุดเกราะบนโต๊ะ เมื่อมันปรากฏขึ้น สายตาของเขาก็ถูกดึงดูดไปที่มันโดยทันที
“บางครั้งข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าโง่หรืออะไร ชื่อมันก็บอกอยู่ แน่นอน มันมีคุณสมบัติในการป้องกัน เกราะพลังวิญญาณประกอบด้วยสิ่งประดิษฐ์พิเศษ 16 ชิ้น มันมาพร้อมกับวงเวทย์ภายในที่จะช่วยขยายพลังวิญญาณของเจ้า”
“เมื่อเจ้าปล่อยพลังวิญญาณออกมา ชุดเกราะนี้ก็จะช่วยขยายพลังวิญญาณของเจ้าให้สูงขึ้นสองถึงสามเท่าได้”
“แน่นอนว่าพลังป้องกันกายภาพและพลังป้องกันวิญญาณเองก็เป็นสิ่งที่อยู่ในอันดับต้นๆ”
“นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย...”
ตามที่ซูฟ่านอธิบาย หวังยู่หลุนและมู่หรงเฉียนเอ๋อก็รู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเกราะพลังวิญญาณนี้ พวกเขาก็จะสามารถสังหารสัตว์อสูรขอบเขตก่อเกิดรากฐานลงได้อย่างง่ายดายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“พี่ซู ท่านไม่ต้องอธิบายอะไรอีกต่อไปแล้ว ข้าขอลองดูได้ไหม?” หวังยู่หลุนกล่าวอย่างโหยหา
“ทำไมจะไม่ล่ะ?” ซูฟ่านยิ้ม นี่เป็นเพียงรุ่นทดลองเท่านั้น และเมื่อมีเหล็กวิญญาณมากกว่านี้เท่านั้น ซูฟ่านถึงจะคิดสร้างของจริง
ส่วนที่ท้าทายที่สุดของเกราะพลังวิญญาณคือการรวมชิ้นส่วนสิ่งประดิษฐ์ทั้ง 16 ชิ้นเข้าด้วยกัน และเพื่อจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ เหล็กวิญญาณก็เป็นสิ่งที่เขาขาดไม่ได้
หวังยู่หลุนสวมชุดเกราะพลังวิญญาณ เขารู้สึกราวกับว่าได้เปิดประตูสู่โลกใหม่ มันเป็นประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ พลังวิญญาณของเขาได้รับการขยายเพิ่มขึ้นสามเท่าโดยทันที
เมื่อกระบี่พันคมถูกเปิดใช้งาน มันก็จะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยทันทีด้วยความเร็วเหนือเสียง
วิชาที่หวังยู่หลุนเคยใช้ด้วยความระมัดระวังก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาสามารถใช้มันได้อย่างง่ายดาย
กระบี่ขนาดยักษ์ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วน 360 ชิ้นพุ่งบินโฉบไปมากลางอากาศ มันโดดเด่นสะดุดตาจนดึงดูดความสนใจของสองพี่น้องที่กำลังฝึกฝนอยู่ใกล้ๆ ...