ตอนที่ 39 : มุมมองทางศิลปะของแรนช์ (1)
สวนอันกว้างใหญ่ของสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์เต็มไปด้วยแมกไม้เขียวขจี กิ่งก้านและใบของพืชถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างส่องประกายราวกับแสงคริสตัล
ในขณะนี้ ด้วยการมาถึงของพนักงานของสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์ ระบบรดน้ำอัตโนมัติในสวนก็เริ่มทำงานเช่นกัน
แต่แรนช์และวิเวียนยังคงอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าอาคารศิลปศาสตร์เก่า
ทั้งหมดเป็นเพราะคำถามอย่างกะทันหันของวิเวียน
ตอนที่เขาอยู่เมืองชายแดนใต้วันตินา แรนช์ไม่เคยพบใครที่จะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับหัวข้อประเภทนี้
แม้ว่าพ่อบ้านฮานส์และสาวใช้แฟรนซีนต่างก็ชื่นชมภาพวาดของเขาเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่เคยพูดคุยถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศิลปะทางวิชาชีพกับแรนช์เลย
แรนช์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม:
“ถ้าถามว่ามันแตกต่างกันยังไง… รูปปั้นเทพีถูกแกะสลักไว้อย่างเด่นชัด ดวงตาของเธอทั้งอ่อนโยนและเต็มเปี่ยมด้วยความรัก รายล้อมด้วยกลุ่มดาวอันขรุขระ บางครั้งก็ดูกว้างใหญ่และบางครั้งก็กลับไปสู่ความสงบ ในอ้อมกอดแห่งความเงียบสงบนั้น มันราวกับจมลึกลงเรื่อยๆ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันกำลังโผล่ขึ้นมาและทะยานขึ้นไป”
“แน่นอน”
วิเวียนพยักหน้าเห็นด้วยหลังจากได้ยินคำตอบของแรนช์
แม้ว่าเธอจะเห็นด้วยกับคำกล่าวของแรนช์
แต่ความคิดเห็นประเภทนี้มันแตกต่างจากผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงมาก ทำให้เธอรู้สึกว่ามันค่อนข้างธรรมดาหลังจากที่ได้ยิน
แต่ทันใดนั้น.
เธอได้ยินคำพูดของแรนช์อีกครั้ง
“แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่ทำให้ผลงานชิ้นนี้ดูมีมิติมาก ผมคิดว่าเราต้องเริ่มต้นด้วยกลุ่มดาวกางเขนใต้ที่เป็นพื้นหลังของรูปปั้นเทพี”
“ทำไม?”
วิเวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถาม
บ่อยครั้งที่ความคิดเห็นของผู้คนเกี่ยวกับผลงานชิ้นนี้เป็นการยกย่องรูปปั้นเทพี แม้ว่าการแกะสลักในส่วนพื้นหลังจะทำได้ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ใช่ส่วนหลักของผลงาน เป็นสิ่งที่ใช้ขับเน้นตัวรูปปั้นเทพีมากกว่า
“ดวงดาวที่แกะสลักโดยมิสเตอร์เกรานั้น อันที่จริงแล้วแตกต่างจากตราสัญลักษณ์ของมหาวิยาลัยอย่างเป็นทางการเล็กน้อย แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความผิดพลาด มันเป็นเพียงความแตกต่างในมุมการสังเกต…”
แรนช์มองดูผลงานแกะสลักบนยอดหอคอยอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวมรกตที่คมชัดและกระจ่างแจ้งของเขาดูเหมือนจะสามารถเจาะตำแหน่งของดาวแต่ละดวงได้อย่างแม่นยำ เขาถอนหายใจอย่างมึนเมา
“ให้ผมเดานะ… เป็นไปได้ไหมที่ช่างแกะสลักหรือมิสเตอร์เกราได้รังสรรค์ผลงานชิ้นนี้โดยอิงจากดวงดาวในค่ำคืนนั้น? ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในคืนนั้นอาจเป็นเหมือนคำตอบของผู้สร้าง มิสเตอร์เกราจึงมีแรงจูงใจที่จะสร้างผลงานชิ้นนี้ให้เป็นไปตามธรรมชาติและจิตวิญญาณ ภายใต้การตระหนักรู้นี้ เขาเฝ้ามองดวงดาวและทุ่มเทหัวใจลงไป สุดท้ายก็ยากที่จะบอกว่าเขากำลังแกะสลักลาพิสลาซูลี[1]หรือว่ากำลังแกะสลักแสงดาว มันเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวด้านหลังเทพีที่ทำให้ผลงานทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มันทำให้รูปปั้นของเทพีดูสูงส่งโดยไม่ทำให้ออร่าของเธอขาดหายไป”
“!”
คำพูดที่ไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นของแรนช์ทำให้วิเวียนตกใจอย่างเห็นได้ชัด
สายตาที่เพ่งพินิจและความเข้าใจในการแกะสลักของเขาช่างมีเอกลักษณ์และลึกซึ้ง
วิเวียนจำได้ว่าตามบันทึกของมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์ ช่างฝีมือเวทมนตร์เกราได้รังสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นในตอนกลางคืน
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบสภาพจิตใจของปรมาจารย์เกรา เซลต์ผู้ล่วงลับไปแล้วเมื่อตอนที่เขาสร้างมันขึ้นมา แต่ก็สอดคล้องกับสิ่งที่แรนช์กล่าว
วิเวียนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังผลงานแกะสลักอีกครั้ง รู้สึกว่าสิ่งที่แรนช์พูดนั้นฟังดูสมเหตุสมผลมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณ…”
จากนั้นเธอก็มองไปยังใบหน้าด้านข้างของแรนช์อีกครั้ง
ดูเหมือนจะมีข้อสงสัยว่านี่เป็นครั้งแรกที่แรนช์ได้เห็นผลงานแกะสลักชิ้นนี้จริงๆ หรือเปล่า
“ทำให้องค์หญิงวิเวียนต้องหัวเราะแล้ว บางทีการคาดเดาของผมอาจไม่ถูกต้อง หากทำให้ท่านปรมาจารย์เกราต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง โปรดยกโทษให้ผมด้วย”
แรนช์สัมผัสได้ถึงการจ้องมองของวิเวียน เขาจึงหันศีรษะและยิ้มอย่างนอบน้อม
“ฉันได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของคุณล้วนเป็นนักธุรกิจ แต่คุณเชี่ยวชาญเรื่องเหล่านี้ด้วยงั้นเหรอ”
วิเวียนกลับมาตั้งสติได้ เธอพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับถามขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่าแรนช์จะมีความสามารถในด้านสุนทรียศาสต์ที่ดี แต่วิเวียนไม่รู้ว่าแรนช์เชี่ยวชาญประเภทไหน และระดับความคิดสร้างสรรค์ของเขาเองคืออะไร
“ผมรู้เรื่องพวกนี้แค่นิดหน่อย เป็นเพียงความสนใจเล็กๆ น้อยๆ”
แรนช์ตอบอย่างนอบน้อม
วิเวียนรู้ว่าแรนช์มักจะถ่อมตัวอยู่เสมอเวลาที่พูด แต่เอาเข้าจริงถ้าแรนช์มีความสามารถทางศิลปะสูงมาก มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จนถึงตอนนี้เขาจะยังไม่เป็นที่รู้จักในสาขานี้
“พูดตามตรง ที่คลังพระราชวังยังมีผลงานของช่างฝีมือเวทมนตร์เกราเก็บไว้อยู่ แต่ละชิ้นเรียกได้ว่าเป็นสมบัติของชาติเลย”
น้ำเสียงของวิเวียนไม่ได้ตั้งใจอวดอะไร แต่หายากที่จะพบใครสักคนในวัยเดียวกันที่สามารถพูดคุยด้วยได้ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะแนะนำเขา
“ถ้าพี่ชายของฉัน ไอนอล ได้พบกับคุณ เขาอาจชวนคุณไปชมมัน… ช่างมันเถอะ คุณไม่ควรรู้จักเขาดีกว่า หากในอนาคตคุณได้พบกับนักศึกษาปีสามจากสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์นามว่าไอนอล คุณต้องหลีกเลี่ยงเขาไว้”
วิเวียนรีบหยุดคำพูดกลางประโยค จากนั้นก็เปลี่ยนน้ำเสียงด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างไม่ดี
“องค์หญิง องค์ชายไอนอลเขาเข้าถึงได้ไม่ต่างจากองค์หญิงวิเวียนงั้นเหรอ?”
แรนช์ถามอย่างสงสัย
เขาเกลียดคนที่พูดเพียงครึ่งเดียวและทำตัวเหมือนกับริดเลอร์[2]
แต่ด้วยความสุภาพ เขายังคงถามคำถามด้วยคำพูดที่ฟังดูเหมาะสมกว่า
“ฉันเป็นคนเข้าถึงได้ง่ายงั้นเหรอ? เอ่อ… พี่ชายของฉันเข้าถึงได้ง่ายจริงๆ แต่ปัญหาคือเขาเข้าถึงได้ง่ายเกินไป”
วิเวียนพยักหน้าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงอธิบาย
พี่ชายของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าชายองค์ที่สองของราชอาณาจักรฮัตตัน เป็นผู้ชายที่มีลักษณะเฉพาะตัวมาก
ในฐานะคนของราชวงศ์ เขาดูหมิ่นอำนาจและสถานะ แต่ชื่มชมเพียงความสง่างามและศิลปะเท่านั้น
แถมเขาชอบที่จะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะ
หากไอนอลค้นพบว่าแรนช์มีระดับสุนทรียศาสตร์ที่สูงมาก เขาจะเชิญแรนช์ไปเยี่ยมชมพระราชวังกับเขาอย่างแน่นอน พร้อมทั้งพาไปชื่นชมและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับของสะสมมากมายของเขา ทำให้แรนช์ได้รู้ว่าการอวดมันเป็นยังไง
“เข้าใจแล้ว องค์ชายไอนอลเองก็เป็นคนดีมากเช่นกัน ผมจะระวังเพื่อหลีกเลี่ยงและไม่ทำให้เขาเดือดร้อน”
แรนช์ยังคงเข้าใจ
เพียงแต่ว่าเจ้าชายคนนี้กระตือรือร้นเกินไปและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อพบกับคนที่เขาสามารถสนทนาด้วยได้
“เอาล่ะ ไม่ต้องกังวลมากเกินไป”
วิเวียนมั่นใจว่าถึงแม้พี่ชายงี่เง่าของเธอจะได้พบกับแรนช์ในอนาคตและรู้สึกเป็นมิตรกับแรนช์ทันทีตั้งแต่แรกเห็น แต่หลังจากนั้นเขาคงจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับแรนช์มากนัก
เห็นได้ชัดว่าเมื่อพิจารณาจากอายุของแรนช์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเชี่ยวชาญด้านศิลปะอย่างแท้จริง
เมื่อถึงตอนนั้นท่านพี่จะทำได้เพียงอวดแรนช์เท่านั้น และไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
(จบตอน)
[1] ลาพิสลาซูลี หรือที่เรียกกันย่อๆว่า “ลาพิส” เป็นหินแปรสีน้ำเงินเข้มที่ถูกใช้เป็นอัญมณี หินแกะสลัก และเครื่องประดับ
[2] ริดเลอร์ เป็นตัวละครตัวร้ายในหนังสือการ์ตูนชุดของสำนักพิมพ์ดีซีคอมิกส์ ชำนาญในการทำเกมทายปัญหาและปริศนา เขามักจะชอบทิ้งปริศนาสุดหิน พร้อมคำใบ้ที่ช่วยได้บ้างนิดหน่อย