ตอนที่แล้วตอนที่ 37 : วันแห่งความสุขของแรนช์ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 : มุมมองทางศิลปะของแรนช์ (1)

ตอนที่ 38 : แรนช์มาที่มหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์เพียงลำพัง


ตอนเช้าตรู่ในเมืองหลวงของราชอาณาจักรฮัตตัน แรนช์ตื่นแต่เช้าและมาที่มหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์เพียงลำพัง

เขาเดินผ่านประตูหน้ามหาวิทยาลัยพร้อมกับมองเห็นแสงสีทองส่องขึ้นมาจากทางทิศตะวันออก แผ่ประกายเรืองรองไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา

ผ่านไปสามวันแล้วนับตั้งแต่การสอบเข้าสิ้นสุดลง

วันนี้แรนช์จะเริ่มต้นการเที่ยวชมวิทยาเขตของเขา

ตามคำแนะนำของอาจารย์เทเรซา ก่อนอื่นให้ไปที่สถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์เพื่อรับกำไรนักศึกษา จากนั้นก็สามารถย้ายเข้าไปอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยได้

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งแรนช์และทาเลียอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ทาเลียเองก็อยู่ใกล้ๆ เขาทุกวัน เวลาที่แรนช์ไปไหนมาไหนทาเลียก็จะคอยติดตามเขาอยู่เสมอ

แรนช์ได้บอกทาเลียแล้วว่าเมื่อเขาสามารถย้ายเข้าไปอยู่ในมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์ที่ปลอดภัยมากได้ ทาเลียก็ไม่ต้องปกป้องเขาแบบนี้อีกต่อไป

แต่เธอจะได้รับค่าจ้างเท่าเดิม

แรนช์จะรบกวนเธอเฉพาะเมื่อเขามีคำถามที่จะถามเธอเท่านั้น

ตอนนี้ทาเลียเกือบจะได้ชีวิตใหม่แห่งอิสรภาพกลับคืนมาแล้ว

ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้คุ้มกันของแรนช์ทุกวันอีกต่อไป

นอกจากนี้ยังมีตัวตนปลอมของตระกูลวิลฟอร์ดด้วย

ตราบใดที่เธอไม่ออกหน้าออกตาหรือลงทะเบียนเข้าร่วมสมาคมใหญ่ๆ มากเกินไป ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะถูกจับได้

ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ทาเลียได้กล่าวอำลากับชีวิตเร่ร่อนของเธอ แถมยังสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตยามว่างพร้อมเงินบำนาญที่เอื้อเฟื้อได้ทุกวันในเมืองหลวงอย่างไอเซอร์ไรต์

ตอนที่แรนช์และทาเลียทานอาหารเช้าด้วยกันเมื่อเช้านี้ ทาเลียก็ยังคงตกอยู่ในอาการสับสน

เหมือนกับว่าเธอจะเกษียณแล้ว

แต่แรนช์เองก็โล่งใจเช่นกันที่เห็นว่าชีวิตของทาเลียดีขึ้น

การสนับสนุนปรมาจารย์และช่างฝีมือสูงอายุถือเป็นความกตัญญูของเขา

“พูดถึงเรื่องนี้...ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงอายุของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะมองมาที่ฉัน…หรือว่าฉันจะคิดไปเอง?…”

แรนช์พึมพำกับตัวเองขณะเดินบนถนนสายหลักของมหาวิทยาลัย

แม้ว่าความสามารถในการตรวจจับคำโกหกจะสามารถพัฒนาเพิ่มเติมและปรับเปลี่ยนทิศทางของการอ่านใจได้

แต่ทาเลียยังคงห่างไกลจากการเข้าถึงขีดจำกัดของเวทมนตร์ที่มีความสามารถในการอ่านใจ

จากในโครงเรื่องเดิมที่แรนช์คุ้นเคย ทาเลียยังไม่เชี่ยวชาญความสามารถในการอ่านใจใดๆ แม้แต่ในเส้นเวลาหลักในอีกสองปีต่อจากนี้

“ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องกังวล อายุไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะงั้นเธออาจจะไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก”

แรนช์ยิ้มด้วยความโล่งใจพร้อมกับก้าวเดินต่อไปยังอาคารศิลปศาสตร์เก่าของสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์

ต้นไม้สองข้างทางอาบไล้ด้วยไอหมอกและแสงแดดยามเช้า ส่งกลิ่นหอมสดชื่นออกมา ริมถนนมีดอกไม้มากมายที่แรนช์ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ บางดอกก็สดใส สง่างาม หรือไม่ก็มีรูปร่างแปลกตา

พร้อมกับเสียงนกร้อง เสียงผึ้งบิน และเสียงน้ำไหล เขาค่อยๆ เดินจากปลายถนนไปสู่สนามหญ้านุ่มๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ตามป้ายบอกทาง อาคารหลังที่ว่าถูกสร้างขึ้นกลางสวน

หลังจากเดินไปได้ไม่กี่นาที

ในที่สุดแรนช์ก็พบอาคารทรงสถาปัตยกรรมฟื้นฟูโกธิคทั่วไปตั้งอยู่ที่ริมขอบของสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์ ผนังอิฐสีแดงโบราณถูกฝังด้วยรูปปั้นและภาพจิตรกรรมแบบนูน นี่เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของวิทยาเขต — อาคารศิลปศาสตร์เก่าของสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์

อาคารเก่าแก่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องทำงานที่ช่างฝีมือเวทมนตร์ใช้ ได้รับการบำรุงรักษาและปรับปรุงใหม่เมื่อหลายสิบปีก่อน จากนั้นจึงเริ่มใช้เพื่อให้บริการทางด้านเทคนิคแก่นักศึกษาจากแผนกอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ

แรนช์มองไปรอบๆ และเห็นว่าที่นี่มีนักศึกษาอยู่ไม่มากนัก

ดูเหมือนว่าคนเดียวที่จะมาที่นี่ในวันนี้ก็คือนักศึกษาปีหนึ่งคนใหม่

ตอนนี้ยังเช้ามาก แม้แต่ประตูอาคารศิลปศาสตร์เก่าก็ยังไม่เปิด

“โอ้ ฉันมาเช้าเกินไป... ฉันลืมไปว่าคนที่นี่ไปทำงานตอนเก้าโมงและเลิกงานตอนห้าโมงเย็น ไม่สำคัญว่าจะเร็วขึ้นหนึ่งนาทีหรือช้าลงหนึ่งวินาที”

แรนช์กล่าวอย่างเสียใจ

เขาจำได้ว่านิสัยการทำงานแบบชาวพุทธของชาวไอเซอร์ไรต์นั้นแตกต่างจากเขามาก

ร้านค้าหลายแห่งปิดร้านตั้งแต่ตอนห้าโมงเย็น และคุณต้องเลิกงานแม้ว่าคุณจะไม่มีรายได้เลยก็ตาม ซึ่งไม่ต้องพูดถึงแผนกบริการของมหาวิทยาลัยเลย

ดังนั้นแรนช์จึงทำได้เพียงยืนรออยู่ในสวน กอดอกด้วยความเบื่อหน่าย รอให้เจ้าหน้าที่ของสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์มาทำงาน

แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นการผ่อนคลายที่คนยุคใหม่สมควรได้รับ บางครั้งการเสียเวลาก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี

“อันที่จริง ถ้าเอามาเป็นของสะสมได้ก็คงไม่เลวเลย…”

แรนช์เงยหน้าขึ้นมองพลางชื่นชมอาคารโบราณตรงหน้าแห่งนี้ที่ราวกับงานศิลปะ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของดอกไม้ ต้นหญ้า ผืนดิน และอากาศเปียกชื้นภายในสวน ดูเหมือนพวกมันจะล้อมอยู่รอบๆ ตัวเขา ทำให้รู้สึกถึงความผ่อนคลาย

ที่ด้านบนสุดของอาคารศิลปศาสตร์เก่ามีหอคอยสูงตระหง่านซึ่งมีสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์ถูกแกะสลักไว้

ด้านล่างของตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยเป็นโล่เงินซึ่งแสดงถึงความหนักแน่นและความเชื่อมั่นของราชอาณาจักรฮัตตัน ตรงกลางของโล่มีรูปปั้นเทพีแห่งโชคชะตา เธอถือพวงหรีดลอเรล ล้อมรอบด้วยไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ พื้นหลังคือกลุ่มดาวกางเขนใต้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์ในทวีปทางใต้

ป้ายสีขาวที่ด้านบนของตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยสลักด้วยตัวอักษรเวทมนตร์อันทรงพลัง ซึ่งมีความหมายว่า “เราจะเติบโตด้วยการเคารพคนรุ่นต่อๆ ไป”

เพียงแค่มองไปที่มันแรนช์ก็รู้สึกได้ถึงหัวใจของเขาที่เต้นรัว ราวกับว่าความง่วงซึมครั้งสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่หลังจากตื่นนอนในตอนเช้าได้ถูกปัดเป่าไปจนหมด

เขาถูกมันดึงดูดโดยไม่รู้ตัว กระทั่งไม่รู้ว่าผ่านไปแล้วกี่วินาที

“งานแกะสลักชิ้นนี้น่าจะเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกของช่างแกะสลักระดับปรมาจารย์ท่านหนึ่ง…”

แรนช์ยืนนิ่งอยู่บนสนามหญ้า จ้องมองไปยังตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยพลางพึมพำ

“ที่จริงแล้วมันถูกสร้างขึ้นโดยนักเวทย์เกรา เซลต์ ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์เมื่อสองร้อยปีก่อน หากสังเกตดีๆ จะได้พบผลงานของเขามากมายภายในมหาวิทยาลัย”

เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังไม่ไกล ขัดจังหวะความคิดของแรนช์

แรนช์ตื่นจากภวังค์ เขาหันกลับมาและได้พบกับหญิงสาวผมสีบลอนด์อ่อนยาวสลวยยืนอยู่ในสวน

แรนช์รู้สึกประทับใจกับรูปร่างหน้าตาของเธอ ซึ่งเขาเคยพบเธอมาก่อนตอนอยู่ในห้องสอบ ปรากฎว่าเธอคือองค์หญิงวิเวียนผู้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเพื่อนร่วมทีมของเขาไฮพีเรียน

แรนช์ไม่คาดคิดว่าองค์หญิงจะมาเร็วขนาดนี้ แต่เมื่อลองสังเกตอย่างละเอียด แรนช์ก็ค้นพบว่าเมื่อเธอมาถึง เหล่าเจ้าหน้าที่ของสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์ก็รีบมาเปิดอาคารศิลปศาสตร์เก่าแห่งนี้ทันที

แน่นอนว่าสิ่งต่างๆ อย่างมนุษยสัมพันธ์และความซับซ้อนของมนุษย์สามารถพบได้ทุกที่

“องค์หญิงวิเวียน ขออภัยที่ผมหมกมุ่นอยู่กับการมองดูมันจนไม่สังเกตว่าท่านมาที่นี่”

แรนช์แสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลางกล่าวทักทายองค์หญิงที่มารออยู่ตรงนี้แล้วครู่หนึ่ง

“...”

วิเวียนครุ่นคิดเล็กน้อย

อันที่จริงแล้วตอนแรกเธอไม่ได้ต้องการจะพูดคุยกับแรนช์

เพราะหลังจากเจอกันครั้งล่าสุด เธอพบว่านิสัยของแรนช์นั้นค่อนข้างยากที่จะรับมือ

เขามีอัธยาศัยดีเกินไปแถมยังซื่อบื้อนิดหน่อย แต่เขาก็ฉลาดมากเช่นกัน

“คุณคิดว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยอันนี้กับสิ่งประดิษฐ์”

วิเวียนไม่ได้แลกเปลี่ยนคำทักทาย เธอเพียงถามแรนช์ขณะที่มองไปยังตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยที่ถูกแกะสลักไว้บนยอดอาคารศิลปศาสตร์เก่า

หลังจากการพบกันสองครั้ง วิเวียนมั่นใจว่าชายหนุ่มสามัญชนนามว่าแรนช์ วิลฟอร์ดผู้นี้ไม่มีความรู้สึกถึงระยะห่างและความหวาดกลัวอย่างที่คนธรรมดาพึงมีต่อขุนนาง เขาเป็นคนที่ราวกับว่าเพิ่งเดินทางมาจากอาณาจักรที่ไม่เคยมีวัฒนธรรมของชนชั้นสูง

แต่วิเวียนก็ไม่ได้สนใจ

แรนช์เป็นผู้มีความสามารถที่เต็มไปด้วยศักยภาพในอาณาจักรของเธออย่างแท้จริง ภูมิหลังของเขาเองก็สะอาดมากเช่นกัน

เธอแค่อยากสนทนากับแรนช์เกี่ยวกับผลงานชิ้นเอกอันเก่าแก่บนยอดหอคอย

แรนช์มีลักษณะนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์มาโดยตลอดในฐานะกวี จิตรกร และช่างฝีมือ ซึ่งดูเป็นธรรมชาติและไม่สามารถเลียนแบบได้

เป็นเรื่องยากที่จะพบคนในวัยเดียวกับเธอที่อาจสามารถพูดคุยเรื่องศิลปะกับเธอได้

วิเวียนจึงใช้โอกาสนี้สำรวจตัวตนที่แท้จริงของเขา

(จบตอน)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด