Chapter 673 พูดคุย
ไท่จางเหล่านิกายเฟิงซาและเฒ่าสวี แม้นว่าจะมีระดับจักรพรรดิขั้นที่หนึ่ง ทว่าทักษะยุทธ์ที่แสดงออกมานั้น ทรงพลังเป็นอย่างมาก.
แต่ทันใดนั้น ชายชุดขาวก็ปรากฏตัวออกมา พร้อมกับผลักพลังของพวกเขาตลอดจน สะบั้นทำลายอย่างง่ายดาย.
ใช่แล้ว.
คนผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ใหน เป็นเจ้านิกายนิรันดร จุนซ่างเซียวนั่นเอง.
เขาที่เร่งรีบมา ก่อนที่จะเห็นไท่จางเหล่านิกายเฟิงซาและเฒ่าสวีกำลังต่อสู้กันอยู่.
ขณะที่เห็นทั้งสองกำลังโต้เถียงกัน เขาก็กำลังวางแผนไกล่เกลี่ยทั้งสองอยู่แล้ว.
ทว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังใช้ทักษะยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาออกมา ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเอง.
เพียงแค่เครื่องทดสอบความแข็งแกร่งในนิกาย ไม่ทำให้จุนซ่างเซียวพอใจ ตอนนี้ทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก!
น่าเสียดาย.
ทักษะศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง ไม่ได้ทรงพลังอะไรนัก.
เฮ้อ.
น่าผิดหวังจริง ๆ!
“พรึด!”
“พรึด!”
เพราะวิชาของพวกเขาถูกทำลาย ทำให้ไท่จางเหล่าเฟิงซีและเฒ่าสวีพ่นโลหิตออกมา พร้อมกับเผยแววตาหวาดผวา!
ผู้เยาว์คนนี้ทำลายวิชาของพวกเขาง่าย ๆ มีความแข็งแกร่งขนาดไหน!
“ทั้งสอง”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “โปรดเห็นแก่หน้าจุนโหมว?”
แน่นอน หากว่าเข้าไปพูดก่อนหน้า มีเหรอที่พวกเขาจะใส่ใจ ทำไมข้าต้องไว้หน้าเจ้า?
ตอนนี้ต่างออกไป.
เจ้านิกายจุนเวลานี้ทำลายทักษะทั้งสองง่าย ๆ ย่อมสร้างความตื่นตะลึงให้กับพวกเขา.
เวลานี้ ย่อมต้องเห็นแก่หน้าแน่!
เฒ่าสวีที่ระงับการกระอั๊กโลหิต “ผู้ยอดเยี่ยมเป็นใคร?”
“เจ้านิกายนิรันดร.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
คำพูดดังกล่าว แม้นว่าจะไม่ได้ดังนัก ทว่าก็เปลี่ยนไปด้วยกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม แผ่ออกมากดทับคนจังหวัดเป่ยโม่.
นี่คือท่าทางที่สูงส่งอย่างเหลือร้าย.
เท่สุด ๆ ช่างเจิดจรัสยิ่งนัก.
เฒ่าสวีที่ตื่นตกใจ กล่าวออกมาว่า “เจ้านะรึ จุนซ่างเซียว?”
“ไม่ผิด.”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มที่เฉิดฉายออกมา.
การที่คนที่อยู่ไกลเพียงนี้ ได้ยินชื่อเสียงของเขา นับว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย.
“เป็นเจ้านิกายจุนนี่เอง!”
ไท่จางเหล่านิกายเฟิงซาที่ยกมือประสาน “เสียมารยาท เสียมารยาทแล้ว!”
จากท่าทางของเขา ดูเหมือนจะชื่นชมอยู่จริง ๆ.
“นิกายนิรันดร?”
“นิกายในจังหวัดซีเหนียนหยางที่เอาชนะนิกายไป่เหอเซิ่ง และได้รับการประเมิน 3A นะรึ?”
“แล้วเขามายังจังหวัดเป่ยโม่ทำไม!”
เรื่องการประลองของพวกเขากับนิกายไป่เหอเซิ่งและหลากหลายนิกายในจังหวัดตงเห่านั้น ได้กระจายไปทั่วแผ่นดิน แม้แต่จังหวัดเป่ยโม่ก็ยังได้ยินมาเช่นกัน.
“ทุกท่าน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “นี่ไม่ใช่ว่าคือเหมืองแร่ธรรมดาหรอกรึ? ไม่เห็นต้องต่อสู้เป็นตายกันเลย ทุกท่านโปรดนั่งพูดคุยกันโดยดีเถิด.”
กล่าวจบทุกคนที่ร่อนลงที่เนินทราย.
เขาที่ต้องการไกล่เกลี่ยอย่างสันติ.
ไท่จางเหล่าเฟิงซีและเฒ่าสวีที่เผยความเคารพ ร่อนลง ทว่าไม่ได้มองกันแม้แต่น้อย.
หากไม่เพราะว่าจุนซ่างเซียวปรากฏ ทั้งสองยังต้องตัดสินแพ้ชนะให้ได้อย่างแน่นอน.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “โลกใบนี้ไม่ได้มีวิธีเดียวในการแก้ปัญหา พวกเรามาพูดคุยดื่มสุราหารือไปดีกว่า.”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
บนเนินทราย ปรากฏโต๊ะและเก้าอี้ขึ้นมา ตลอดจนไหสุราและแก้วสุราอีกหลายแก้วเช่นกัน.
ภายในทะเลทรายที่คละคลุ้งด้วยฝุ่นถูกผลักออกไปรอบ ๆ ไม่ให้เข้ามาใกล้ได้.
“เชิญนั่ง.”
จุนซ่างเซียวที่ผายมือเชิญทั้งสอง.
ไท่จางเหล่าเฟิงซีและเฒ่าสวีที่มุมปากกระตุก ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้ทำได้แค่นั่งลงเท่านั้น.
“เจ้านิกายจุน.”
เฒ่าสวีเอ่ย “มีเรื่องอันใดถึงได้มายังจังหวัดเป่ยโม่อย่างงั้นรึ?”
เขาไม่เชื่อ ว่าอีกฝ่ายจะเดินทางมาจากจังหวัดซีเหนียนหยางเพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งเท่านั้น.
จุนซ่างเซียวที่ยกโถสุราขึ้นรินใส่แก้วให้กับพวกเขา “ก่อนอื่นก็ลองชิมสุราพิเศษจากจังหวัดซีเหนียนหยางก่อนเถอะ.”
“......”
กำลังวางแผนทำอะไรกัน!
ไท่จางเหล่าเฟิงซ่าและเฒ่าสวี แม้นว่าจะหดหู่ ทว่าก็หวั่นเกรงในความแข็งแกร่งของจุนซ่างเซียว ทำอะไรไม่ได้นอกจากยกแก้วสุราขึ้นดื่ม!
“ทั้งสอง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ความขัดแย้งของทั้งสองเรื่องเหมืองแร่ หากมอบให้กับเปิ่นจั้ว ปัญหาทั้งหมดก็จะแก้ไขได้โดยง่าย.”
ปู๊ด!
ปู๊ด!
ไท่จางเหล่าเฟิงซาและเฒ่าสวีถึงกับสำลักพ่นสุราออกมาทันที.
มอบเหมืองแร่ให้กับเขารึ?
นี่มันแก้ไขปัญหาแบบใดกัน!
“เจ้านิกายจุน.”
เฒ่าสวีที่มุมปากกระตุก “โปรดอย่าได้ล้อเล่นเช่นนี้.”
“อึก อึก.”
จุนซ่างเซียวดื่มสุราลงไป ก่อนที่จะเอ่ยกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “เปิ่นจั้วจริงจัง.”
เขาต้องการแร่.
หากแต่ไปร้านขายแล้วไม่มี ก็ต้องขุดจากเหมืองนี่ล่ะ!
“เจ้านิกายจุน.”
ไท่จางเหล่าเฟิงซาเอ่ยด้วยความเสียงเคร่งขรึม “ไม่เกินไปหน่อยรึ?!”
เหล่านิกายในจังหวัดเป่ยโม่ต่างก็มีต้องพึ่งพาเหมืองแร่ แม้แต่ไม่ลังเลที่จะสู้กันอย่างโหดร้าย แล้วจะยอมให้กับคนอื่นชุบมือเปิบไปอย่างงั้นรึ?!
“แน่นอน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วไม่เอาของคนอื่นไปฟรี ข้ายินดีที่จะชดเชยให้กับทั้งสองนิกาย.”
ไท่จางเหล่าและเฒ่าสวีที่ได้ยิน แววตาที่ผ่อนคลายลงทันที.
เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งมาก พวกเขาไม่กล้าที่จะท้าทายแน่ หากว่าได้การชดเชยก็ยังถือว่ารับได้.
“เจ้านิกายจุน.”
เฒ่าสวีเอ่ย“แล้วท่านคิดจะชดเชยอย่างไร?”
“แล้วเหมืองแร่นี้ ยังมีเหลืออยู่เท่าใด?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เฒ่าสวีเอ่ย “ตามที่ศิษย์ของข้าสำรวจก่อนหน้า เหมืองนี้เป็นเหมืองศิลาสลักทราย มีน้ำหนักราว ๆ 300,000 จิน.”
ศิลาสลักทราย?
ดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในส่วนผสมในการหลอมอุปกรณ์.
ทั้งกระบี่เจิ้นหยาง ดาบสะบั้นเมฆาและโล่เหล็กกล้าลึกล้ำนั้นต้องการวัตถุดิบจำนวนมาก ศิลาสลักทรายเป็นหนึ่งในส่วนผสมเช่นกัน.
วัตถุดิบเช่นนี้ถือว่าหายากในจังหวัดซีเหนียนหยาง เพราะหลัก ๆ แล้วมีอยู่เฉพาะจังหวัดเป่ยโม่เท่านั้น.
“ทั้งสอง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “แล้วราคาตลอดของศิลาสลักทรายมีราคาเท่าใด?”
“10,021 เหรียญต่อจิน.”
“หนึ่งหมื่นเหรียญอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.
หากซื้อด้วยราคาตลาด เขาจะต้องจ่ายสามพันล้าน!
“แน่นอน.”
ไท่จางเหล่าเฟิงซาเอ่ย “หากเจ้านิกายจุนต้องการซื้อเหมืองแร่ ไม่จำเป็นต้องจ่ายในราคาตลาด.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “แล้วทั้งสอง ต้องการราคาเท่าใด.”
“เรื่องนี้.....”
ไท่จางเหล่าเฟิงซาและเฒ่าสวีที่จ้องมองหน้ากันด้วยท่าทางอักอ่วน เห็นชัดเจนเกี่ยวกับเงินที่ต้องการ เพราะว่าทั้งสองนั้นขัดแย้งกันอยู่ หากว่าขายได้ก็จะเป็นการแก้ไขความขัดแย้งได้.
ทั้งสองนั้นต่างก็ไม่ยอมกันและกัน ไม่มีทางที่จะตกลงกันได้เลย เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วที่จะขายให้กับจุนซ่างเซียว.
“ในเมื่อเจ้านิกายจุนต้องการ ก็จ่ายหนึ่งพันล้านก็แล้วกัน.”เฒ่าสวีเอ่ย.
“ไม่เลว.”
ไท่จางเหล่าเฟิงซาเองก็เห็นด้วยเช่นกัน.
ศิลาสลักทราย 300,000 จิน ราคา 1 พันล้านก็ไม่ถือว่าแพง.
อีกอย่างต่อหน้าจุนซ่างเซียวที่แข็งแกร่ง หากขายให้เขาได้ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา.
“นับว่าแพง.”
แพงอย่างงั้นรึ?
ไท่จางเหล่าเฟิงซาและเฒ่าสวีที่มุมปากกระตุก.
เจ้านิกายจุน.
เหมืองแร่หนึ่งพันล้าน นี่ก็ถือว่าพวกเราไว้หน้าเจ้ามากแล้วนะ!
“ราคานั้น.”
จุนซ่างเซียวที่ยกนิ้วหนึ่งขึ้นมา “เปิ่นจั้วให้ได้ หนึ่งหมื่น.”
“ฟรุบ!”
ไท่จางเหล่าเฟิงซาอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมา เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้านิกายจุน เจ้าคิดว่าส่งมอบเศษอาหารให้กับพวกเรารึอย่างไง!”
เฒ่าสวีที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม.
หนึ่งหมื่นเหรียญซื้อเหมืองแร่สลักทราย แตกต่างอย่างใดกับการปล้น?
“เข้าใจผิดแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้นวางบนโต๊ะ เอ่ยออกมาว่า “หนึ่งหมื่นที่เปิ่นจั้วเอ่ย ไม่ใช่เงิน แต่เป็นหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณธรรมชาติ.”