Chapter 671 ตอนนี้เจ้าจะได้รับหายนะแน่
ฟิ้ว!
จุนซ่างเซียวที่นำเสี่ยวจินบินพุ่งแหวกท้องฟ้า มุ่งตรงไปยังจังหวัดเป่ยโม่.
จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปยังทิศเหนือ ค่อยข้างไกลเหมือนกัน หากไม่สามารถบินได้แล้วล่ะก็ การเดินทางทางบก เกรงว่าจะต้องใช้เวลาหลายปีเป็นแน่.
ระบบเอ่ย “โฮสน์ เย่ซิงเฉินนั้นไม่ธรรมดา.”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เขาจะต้องซ่อนความลับที่เรายังไม่รู้อยู่.”
หลายวันมานี้เขาได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องของเย่ซิงเฉิน ดูเหมือนว่าเรื่องดังกล่าวมันไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้น.
อย่างแรก หากเขาคือเป่ยอาหนิวหมู่บ้านถัว ทำไมถึงได้เรียกตัวเองว่าเย่ซิงเฉินล่ะ?
หากเขาสูญเสียความทรงจำ ก็ไม่ควรรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ควรจะเอ่ยออกมาครั้งแรกว่า ข้าเป็นใคร? อยู่ที่ใหน? แล้วจะเตรียมชื่อตัวเองไว้แต่เนิ่น ๆ ได้อย่างไรกัน.
หนำซ้ำ.
จุนซ่างเซียวที่เคยคาดเดา เย่ซิงเฉินน่าจะมีวิชาบ่มเพาะระดับเหนือเทวะอยู่ด้วย ทำให้เขาสามารถพัฒนาก้าวไปได้ไกลกว่ากลุ่มหลี่ชิงหยาง.
เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ชาวบ้านทั่วไปจะทำได้แน่!
หลายอย่างที่มีจุดขัดแย้ง มีข้อบกพร่องหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของเย่ซิงเฉินนั้น มีพิรุธมากมาย.
“หากเขาไม่ได้เสียความทรงจำ ทำไมถึงทำเป็นไม่รู้จักฮุยเอ๋อและชาวบ้านถัวกัน?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ระบบเอ่ย “หรือว่าจะผิดคน?”
“เป็นไปไม่ได้.”
จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะเอ่ย “คนมากมายไม่ได้ตาบอด จะจำผิดได้อย่างไร.”
ระบบเอ่ย “มีความเป็นไปได้ว่า ความทรงจำไม่ได้หายไป ทว่าถูกลบออก ด้วยพลังจากภายนอก.”
“กล่าวต่อ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ระบบ “ข้าเดาว่า อาจจะมียอดฝีมือพบกับเย่ซิงเฉิน และสอนวิชาบ่มเพาะเหนือเทวะให้เขา ก่อนลบความทรงจำของเขาออกไปจนเกลี้ยง.”
“แล้วจะอธิบายชื่อเย่ซิงเฉินของเขาอย่างไรล่ะ?”จุนซ่างเซียวกล่าว.
“......”
ระบบเงียบ.
หากสูญเสียความทรงจำ แล้วจะมอบชื่ออย่างไร ถึงแม้นว่าจะปกปิดตัว ก็ไม่ควรจะมีการเตรียมการเอาไว้ขนาดนี้!
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เป็นไปได้ว่าร่างเดิมจากไป แล้วเข้ามาแทนที่เหมือนกับข้าหรือไม่?”
“โฮสน์ช่างจินตนาการจริง ๆ!”ระบบเอ่ย.
จุนซ่างเซียวกล่าว “ในเมื่อข้ายังข้ามโลกมาได้ บางทีคนอื่นก็อาจจะทำสำเร็จเช่นกัน.”
“หากเย่ซิงเฉินยึดครองร่าง ไม่มีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม การที่เขาไม่รู้จักฮุยเอ๋อและคนหมู่บ้านถัวก็ถือว่าสมเหตุสมผล.”
“ด้วยเหตุผลนี้ น่าจะอธิบายได้ดีที่สุด ว่าทำไมเขามีวิชาบ่มเพาะเหนือเทวะ นั่นเพราะว่าไม่มีใครสอนเขา ทว่าเขามีมันอยู่แล้ว!”
ระบบเอ่ย “ดูจะจริงเล็กน้อย.”
จุนซ่างเซียวกล่าวต่อ “เห็นชัดเจนว่าเย่ซิงเฉินนั้นเปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์ ในความเห็นของข้า ไม่ใช่แค่การยึดครองร่าง แต่ว่า....”
ระบบเอ่ย “ยอดฝีมือจุติ!”
“ไม่ผิด.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ระบบเอ่ย “บางทีอาจเป็นยอดฝีมือจุติจากพิภพระดับสูงก็เป็นได้.”
ในเวลานี้จุนซ่างเซียวที่สงสัยในตัวเย่ซิงเฉิน เหมือนกับเหออู๋ตี้ เพราะว่าทั้งคู่นั้นมีประสบการณ์และพรสวรรค์ที่สูง ทำให้การบ่มเพาะของพวกเขานั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก!
“หากเย่ซิงเฉินเป็นยอดฝีมือจุติ เขาและเป่ยอาหนิวก็เป็นสองคน เหมือนว่าความหวังของฮุ่ยเอ๋อก็หายไปแล้ว.”ระบบเอ่ย.
“ตอนนี้ข้าไม่สามารถยืนยันได้.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ดังนั้นหวังว่าฮุ่ยเอ๋อจะเป็นคนถอดใจ และไม่ทำให้อีกฝ่ายกระทำอะไรไม่ดี.”
ระบบที่กลายเป็นเงียบ.
ในเวลานั้น ก็พอจะคาดเดาได้ในที่สุด.
การคืนดีระหว่างเย่ซิงเฉิน และฮุ่ยเอ๋อ ถูกวางแผนเพื่อที่จะใช้อธิบายความสงสัยในใจของจุนซ่างเซียวนั่นเอง.
หลายวันมานี้.
เย่ซิงเฉินที่ปั่นป่วนเป็นอย่างมาก แม้แต่ไม่ต้องการให้เขาเอ่ยกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวนี้อีก.
“ไม่ไช่ว่าเจ้าหาข้อมูลทั่วทวีปชิงหยุนอยู่หรอกรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย “แล้วได้ยินชื่อของยอดฝีมือที่เกี่ยวกับเย่ซิงเฉินหรือไม่?”
“ไม่.”
ระบบเอ่ย “ในทวีปชิงหยุนคนที่มีแซ่เย่นั้นมีน้อยมาก แม้แต่ในประวัติศาสตร์เองก็ไม่มีคนที่ชื่อเย่ซิงเฉินอีกด้วย.”
“หรือว่าจะเป็นชื่อปลอม?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ยอดฝีมือที่จุติได้ ต้องมีพลังบ่มเพาะระดับใด?”
“ไม่สามารถระบุได้.”
ระบบเอ่ย “บางคนไม่ต้องมีพลังบ่มเพาะสูง บางทีอาจจะบังเอิญถูกฟ้าผ่าและคืนกลับไปจุติได้.”
จุนซ่างเซียวแทบทรุดลงไปกอง “เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ไม่ได้ยินรึไง.”
ระบบเอ่ย “ถูกฟ้าผ่าไง.”
“!”
“ใช่แล้ว.”
ระบบเอ่ย “ข้าได้ตรวจสอบชื่อของเก้าราชันย์มีหนึ่งคนที่มีนามว่า เย่ตี้(ราชันย์รัตติกาล.)”
“เย่ตี้?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ดูจะไม่ธรรมดาแล้ว.”
ในความคิดของเขา เย่ตี้(ราชันย์รันติกาล) หมิงตี้(ราชันย์แห่งแสง) ชิงตี้(ราชันย์พงไพร) ซีตี้(ราชันย์เพลิง) นามทั้งสี่นี้เป็นสุดยอดฝีมือในนิยายแนวเซียนที่เขาเคยอ่านเลย.
“ก็ใช่.”
ระบบเอ่ย “ทว่าเย่ตี้นั้นได้ร่วงหล่นจากสวรรค์ไปแล้ว.”
“โอ้ว?”
จุนซ่างเซียวที่สนใจและสงสัย “แล้วตายอย่างไร เมื่อไหร่รึ?”
“ตายมาหลายพันปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าตายอย่างไร.”ระบบเอ่ย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ตายนานแล้ว หากสามารถจุติ ก็คงจุตินานแล้วสินะ.”
“ที่น่าสนใจ.”
ระบบเอ่ย “เย่ตี้นั้นมีเพื่อนสาวคนสนิทนาม หลิงหยา เพียงไม่นานที่เขาตกตาย นางก็โบยบินขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบน.”
จุนซ่างเซีวที่ไม่ได้สนใจประวัติศาตรเกี่ยวกับเหล่าราชันย์ยุทธ์แต่อย่างใด จึงเอ่ยออกมาว่า “หาข้อมูลของเจ้าต่อ หากมีอะไรเกี่ยวกับเย่ซิงเฉิน ค่อยเล่าออกมาก็แล้วกัน.”
ฟิ้ว!
ริ้วแสงที่แหวกท้องฟ้า เพียงลมหายใจเดียวก็ผ่านมาหมื่นลี้แล้ว.
......
จังหวัดเป่ยโม่.
พื้นที่แห่งนี้มีพื้นที่เจ็ดแห่งที่เป็นทะเลทราย.
เพียงแค่วันเดียว จุนซ่างเซียวก็พาเสี่ยวหลงบินมาถึง ก่อนร่อนลงที่ทะเลทรายสีเหลือง.
พื้นที่แห่งนี้มีอากาศแห้งเป็นอย่างมาก ดวงตะวันที่ส่องแสงแรงกล้า ราวกับอยู่ในเตาเผา.
“ไม่มีใครเลย.”
ตลอดเส้นทาง เขาไม่พบผู้ฝึกยุทธ์แม้แต่คนเดียว.
“ไปทางเหนือหมื่นลี้ น่าจะพบเมืองที่มีชื่อว่า เมืองหวงซา หากโฮสน์ต้องการซื้อแร่น่าจะไปดู”ระบบเอ่ย.
ระบบที่อัพเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.0 ทำให้มันสามารถรวบรวมข้อมูลทั่วทวีปชิงหยุนได้มากขึ้น.
“คงเป็นอย่างงั้น.”
จุนซ่างเซียวที่ทะยานขึ้นฟ้า มุ่งไปยังทิศเหนือก่อนจะมองเห็นสิ่งก่อสร้างลิบ ๆ ที่ไกลออกไป.
แม้นว่าเมืองหวงซานั้นจะมีกำแพงเมืองที่สร้างด้วยศิลา ทว่าด้วยการที่มีทรายสาดซัดอยู่นานนับปีตอนนี้ถูกทรายจับแน่นบนกำแพงจนกลายเป็นสีเหลืองส่องประกายระยิบระยับ.
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่ร่อนลงที่ด้านนอกเมืองไกลออกมา ก่อนที่จะเลือกก้าวเดินเข้าไป.
เมืองหวงซานั้นใหญ่มาก เพราะว่าสภาพแวดล้อมเป็นหลัก ผู้อยู่อาศัยไม่มากนัก ทำให้เมืองแทบจะดูว่างเปล่า.
“เฮ้.”
ขณะที่จะเข้าไปในเมือง ชายวัยกลางคนที่โบกผ้า บังแดดอยู่ที่มุมเฝ้าประตูเอ่ยออกมาว่า“ไม่คุ้นหน้าเลย มาซื้อแร่รึ?”
“อืม.”
“เจ้ามาไม่ถูกเวลา เพราะว่ามีนิกายใหญ่หลายแห่งกำลังแย่งชิงยึดครองเหมืองแร่กันอยู่ กว่าครึ่งปีมานี้ในเมืองร้านขายแร่แทบจะปิดกันหมดแล้ว.”
ฟิ้ว ----
จิตสัมผัสของเขาที่แผ่ออกไป กวาดทั่วเมือง ร้านค้าขายแร่มากมายที่ปิดกันหมด.
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.
อุตส่าห์เดินทางมาซื้อแร่ด้วยตัวเอง แต่กับไม่มีสินค้าขายซะงั้น!
“สหาย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “แล้วเมืองอื่นมีขายหรือไม่?”
“เมืองหวงซาเป็นจุดขายส่งแร่ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดเป่ยโม่แล้ว ที่นี่ไม่มี ที่อื่นยิ่งไม่มี”ชายวัยกลางคนเอ่ย “รอให้นิกายใหญ่สองสามแห่งตัดสินแพ้ชนะกันได้แล้ว ธุรกิจแร่ก็จะค่อย ๆ กลับมาเอง.”
“พวกเขาจะสู้กันนานเท่าใด?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ชายวัยกลางคนเอ่ย “เหล่านิกายใหญ่ดูเหมือนว่าจะมีพลังเท่า ๆ กัน จากการต่อสู้ในอดีต น่าจะใช้เวลา 2-3ปี.”
2-3ปี?
บิดาเถอะ!
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เป็นนิกายอะไร?”
ชายวัยกลางคนที่เผยเจตนาดี “สหาย ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้ถามอะไร ไม่เช่นนั้นจะได้รับหายนะอย่างคาดไม่ถึง.”
“ฟู่ ฟู่!”
ในเวลานั้น กลิ่นอายที่หนักหน่วงแผ่ออกมา จุนซ่างเซียวที่จดจ้องมองไปยังอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นชา “หากเจ้าไม่บอกข้า ตอนนี้เจ้าจะได้รับหายนะแน่.”