Chapter 670 ทุกคนต่างก็กังวลต่ออาหนิว
จะมีใครเข้าใจความทุกข์ของเขา ในเวลานี่เย่ซิงเฉินที่เศร้าใจสุด ๆ เพราะว่าสตรีที่เขาไม่รู้จัก ถือข้าวต้มมาอยู่ด้านหน้าเขา.
“พี่อาหนิว.”
ฮุ่ยเอ๋อเอ่ย “ข้าป้อนท่านนะ.”
เย่ซิงเฉินที่กำหมัดแน่น เอ่ย “เจ้าไปได้แล้ว พวกเราไม่ควรใกล้ชิดกัน”
เพราะว่าเจ้านิกายสั่งว่าห้ามเสียมารยาทกระทำอะไรรุนแรงกับสตรีผู้นี้ ทำให้เขาทำได้แค่ต้องอดกลืนฝืนทน.
“พี่อาหนิว.”
ฮุ่ยเอ๋อกัดริมฝีปากเอ่ยออกมาเบา ๆ “ท่านเปลี่ยนไป กลายเป็นคนแปลก....”
“อย่ามาเรียกข้าว่าพี่อาหนิว.”
เย่ซิงเฉินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เขาตายไปแล้ว!”
“ข้ารู้.”
ฮุยเอ๋อเอ่ย “ตอนนี้ควรเรียกเย่ซิงเฉิน ท่านเป็นศิษย์นิกายนิรันดร เป็นคนใหม่ที่มีอนาคตยาวไกล.”
เย่ซิงเฉินพูดไม่ออก.
เห็นชัดเจนว่าเขาพูดความจริง แต่ผู้หญิงโง่คนนี้กับเข้าใจไปอีกแบบ!”
“พี่...พี่ซิงเฉิน.”ฮุยเอ๋อที่กล่าวน้ำตานองหน้า “แต่ก่อน ท่านชอบให้ข้าเรียกชื่อท่าน ตอนนี้ท่านมีอนาคตที่ก้าวไกล จึงไม่ต้องการให้ข้าเรียกแล้วอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
เย่ซิงเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าไม่สามารถควงคู่กับข้าได้!”
สตรีผู้นี้น่ารำคาญจริง ๆ เขายอมเป็นเป่ยอาหนิวที่น่ารังเกียจ เป็นบุรุษที่ไร้หัวใจที่น่าชิงชัง ให้นางจากไปดีกว่า!
อีกอย่าง ร่างนี้คือราชันย์รัตติกาล!
ที่ไร้หัวใจอยู่แล้ว!
ไม่อำมหิตไม่สามารถเป็นผู้แข็งแกร่ง ไม่วางยาพิษไม่สามารถเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้!
“ติ๊ง-ติ๋ง ติ๊ง-ติ๋ง!”
ฮุ่ยเหอที่ถือถ้วยข้าวต้ม ยืนอยู่ข้างเตียง น้ำตาที่ไหลรินหยดใส่ข้าวต้ม.
นางที่เชื่อมั่นมาตลอด ว่าพี่อาหนิวไม่เคยลืมตน รอคอยไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดสามปี จนกระทั่งมาพบเขาตอนนี้ ก็ตระหนักได้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว.
เขาตอนนี้คือศิษย์นิกายนิรันดร อนาคตสดใส ใยต้องสนใจนางที่เป็นเพียงแค่ปุถุชนธรรมดาที่ยากจนกัน.
ฮุยเอ๋อที่วางถ้วยข้าวต้มบนโต๊ะ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ “พี่อาหนิว ข้าไปล่ะ.”
“ไปซะ.”
เย่ซิงเฉินเอ่ย “หลังจากนี้อย่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับข้าอีก!”
เขารู้ดี สตรีผู้นี้ชอบเป่ยอาหนิว ทว่าในเวลานี้ร่างนี้ก็คือเขาที่ยึดครอง คนรักแท้จริงของนางนั้นได้ไปอยู่อีกภพแล้ว.
จะให้กล่าว เขาที่เข้ามายึดครองร่างคนทั่วไปอย่างไร้เหตุผล อดีตราชันย์รัตติกาลไม่รู้สึกผิดเลยอย่างงั้นรึ?
เป็นความคิดที่น่าขัน.
ในชาติที่แล้วเขาสังหารผู้คนมากมาย ศพที่สามารถกองรวมกันเป็นเทือกเขาได้ ใยต้องสนใจแค่คนธรรมดาคนเดียว.
......
“แม่นางฮุ่ยเอ๋อ.”
จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่ลานด้านใน จ้องมองไปยังฮุยเอ๋อกำลังก้มหน้าเศร้าโศกอย่างมาก พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “มีเรื่องที่เปิ่นจั้วต้องการบอกเจ้า ที่จริงสมองของเป่ยอาหนิวนั้นถูกกระแทกอย่างหนัก ได้ลืมความทรงจำส่วนมากไปแล้ว ลืมแม้กระทั่งคนที่สำคัญสำหรับเขา.”
“อา?”
เดิมทีเศร้าสลด ฮุยเอ๋อที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
“ดังนั้น.”จุนซ่างเซียวจึงกล่าวปลอบใจนาง “เขาที่เฉยชา ไม่ใช่ว่า เพราะรังเกียจเจ้า แต่เป็นเพราะว่าเขาจำเจ้าไม่ได้จริง ๆ.”
“เป็นแบบนี้ เป็นเช่นนี้นะเอง.”
ในเวลานั้นฮุ่ยเอ๋อที่ตระหนักได้ในทันที ความเจ็บปวดในใจที่ค่อย ๆ หายไป.
ไม่ใช่ว่าพี่อาหนิวรังเกียจนาง หากแต่เขาลืมทุกอย่าง ข้าควรจะเข้าใจเขา!
จุนซ่างเซียวเอ่ย “จากที่เจ้าเห็นและเปิ่นจั้วเห็น เจ้าและอาหนิวนั้นรักกันเป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่สวรรค์เล่นตลก.”
“ท่านเจ้านิกาย.”
ฮุ่ยเอ๋อเอ่ยออกมาทันที “แล้วข้าควรจะทำอย่างไรดี?”
“ง่าย ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่ยืนขัดหลังเอ่ยออกมาว่า “ให้เขาที่สูญเสียความทรงจำตกหลุมรักเจ้าอีกครั้ง.”
ระบบ“......”
ไม่ใช่ว่า เจ้าก็แค่หมาโสดไร้ประสบการณ์ ยังมีหน้ามาสอนคนอื่นอีก คิดว่าจะได้ผลรึ?
ข้า จุนซ่างเซียวถึงแม้นว่าจะเป็นหมาโสด แต่ก็ไม่ต้องการให้แม่นางน้อยนี้ต้องประสบเหตุเพราะเขาเช่นกัน!
ฮุยเอ๋อที่เงียบลง ก่อนที่จะปาดน้ำตา เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น “ท่านเจ้านิกาย ข้าเข้าใจแล้ว!”
“นี่เป็นครั้งแรก เปิ่นจั้วจะยอมให้เป็นกรณีพิเศษ รับเจ้าเป็นศิษย์นิกายนิรันดรนับจากวันนี้ เจ้าก็ฝึกฝนไปพร้อมกับอาหนิวก็แล้วกัน.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“ขอบคุณท่านเจ้านิกาย!”
จากนั้น ฮุ่ยเอ๋อที่ไม่ต้องทดสอบใด ๆ ก็กลายเป็นศิษย์นิกายนิรันดร.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องโถง เอ่ยออกมาว่า “ไม่เพียงแค่ต้องใส่ใจการบ่มเพาะของศิษย์ ทว่ายังต้องใส่ใจเรื่องราวชีวิตของศิษย์อีกด้วย ดูสิมีเจ้านิกายที่ใหนทำ!”
......
หลังจากที่รับนางเป็นศิษย์ ฮุยเอ๋อก็เปลี่ยนชุดนิกาย นางก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนทันที.
แม้นว่าจะไม่ได้งดงามล่มอาณาจักรเช่นลู่เชียนเชียน ทว่านางก็ถือว่าสง่างาม อดไม่ได้ที่ทุกคนต้องเหลียวมองเช่นกัน.
หลังจากที่นางเป็นศิษย์แล้ว ฮุยเอ๋อไม่เร่งรีบไปหาเย่ซิงเฉิน ทว่านางที่คอยพูดคุยกับเหล่าศิษย์พี่ เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับพี่อาหนิวที่สูญเสียความทรงจำ.
ในโรงอาหาร.
เย่ซิงเฉินที่นั่งลง.
ขณะที่เห็นฮุ่ยเอ๋อสวมชุดนิกายเดินไปมา ใบหน้าของเขาถึงแข็งค้างไปในทันที.
สตรีผู้นี้ยังไม่ไปอีก ทว่าสวมชุดนิกาย หรือว่า.....
“ศิษย์น้องอาหนิว.”
ซูเซียวโม่ที่ก้าวเข้ามา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้นางเป็นพวกเดียวกันแล้ว ศิษย์พี่จึงต้องการบอกว่า หากว่าเจ้ารังแกศิษย์น้องฮุ่ยเอ๋อ จะต้องได้รับการลงโทษอย่างแน่นอน!”
“ใช่ ใช่.”ลี่เฟยที่กล่าวสนับสนุน.
หลี่ชิงหยางที่ก้าวเข้ามา เอ่ยด้วยคำพูดที่ลึกล้ำ “ศิษย์น้องเย่ ศิษย์น้องฮุ่ยเอ๋อนั้นเป็นคนดี เจ้าไม่ควรทำให้นางผิดหวัง.”
“เจ้าหนู.”
เหล่าเหว่ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยออกมาว่า “ต้องการให้ข้าแนะนำหรือไม่?”
เฮ้อ.
ทั้งนิกายที่ดูเหมือนกับกังวลเรื่องของอาหนิว.
เย่ซิงเฉินที่กำหมัดแน่น.
ก็ได้ ก็ได้.
ขอเพียงสตรีผู้นั้นไม่มายุ่งวุ่นวาย จะอยู่ ไม่อยู่ในนิกายก็เหมือนกัน.
......
หลังจากที่ฮุ่ยเอ๋อเข้าร่วมนิกายแล้ว นางก็ไม่ได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับเย่ซิงเฉิน ทว่าคอยเฝ้ามองพฤติกรรมนิสัยของอีกฝ่ายอยู่ห่าง ๆ.
“พี่อาหนิวชอบฝึกฝน ข้าจะต้องพยายามให้มาก!”
“พี่อาหนิวชอบกินอาหารของศิษย์พี่หลิวทำ ข้าต้องปรึกษานาง!”
ดังนั้น นอกจากฝึกฝนวิถียุทธ์ ฮุ่ยเอ๋อก็จะมาปรึกษาหลิวหว่านซี แม้แต่ช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในครัว.
“หืม?”
ในวันหนึ่ง เย่ซิงเฉินที่กำลังกินอาหารจานหนึ่ง เขาที่ขมวดคิ้วไปมาทันที พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “รสชาติไม่ใช่นิ.”
“ฮี่ ฮี่.”
หลิวหว่านซีที่ปรากฏขึ้น พร้อมกับเผยยิ้ม “ศิษย์พี่เย่ นี่คืออาหารที่ศิษย์น้องฮุ่ยเอ๋อทำ อร่อยหรือไม่?”
“แก๊ก!”
เย่ซิงเฉินที่วางตะเกียบก้าวออกจากโรงอาหารทันที.
“ไม่อร่อยอย่างงั้นรึ?”ฮุยเอ๋อที่ใบหน้าเศร้าซึมยืนอยู่ในครัว.
......
ทั้งนิกายนิรันดรต่างก็รู้ว่าเย่ซิงเฉินเสียความทรงจำ.
ผู้คนมากมายที่ช่วยฮุยเอ่อ เพื่อให้ทั้งสองคืนความสัมพันธ์.
อย่างไรก็ตาม.
เย่ซิงเฉินเข้าใจดี.
เขาไม่ได้เสียความทรงจำ เป่ยอาหนิวนั้นตายไปแล้ว.
และเขาไม่สามารถอธิบายออกมาได้เช่นกัน ต้องไม่ลืมว่าเขาได้ยึดครองร่างอีกฝ่ายเพื่อคืนชีพ เป็นความลับใหญ่ของเขาเช่นกัน.
“เหนื่อยจริง ๆ !”
เย่ซิงเฉินที่ยืนอยู่บนยอดเขา จิตใจที่ไม่ค่อยสงบนัก.
“อาหนิว.”
จุนซ่างเซียวที่ปรากฏขึ้นด้านหลัง “การฝึกฝนไล่ตามวิถียุทธ์นั้น พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องโหดร้ายเหมือนกับคนอื่น ๆ ในยุทธ์ภพ เจ้าควรที่จะยินดีในเจ็ดอารมณ์หกสัมผัสด้วย จงฝึกฝนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเถิด.”
“เจ้านิกาย ท่านไม่เรียกข้าว่าอาหนิวได้หรือไม่?”
“ตกลง เป่ยซิงเฉิน.”
“......”
เย่ซิงเฉินแทบทนไม่ได้ ต้องการกระโดดลงยอดเขาซะเลย.
......
เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์นั้น จุนซ่างเซียวไม่ได้เข้าไปยุ่ง เรื่องเช่นนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับพวกเขา.
ไม่กี่วันหลังจากนั้น.
หลังจากจัดการธุระในสำนักเสร็จ เจ้านิกายจุนก็เตรียมพาเสี่ยวหลงออกจากนิกายไป.
ไปใหน?
แน่นอนว่าไปจังหวัดเป่ยโม่เพื่อหาซื้อแร่มาหลอมอาวุธและอุปกรณ์นั่นเอง.
ก่อนที่จะจากไป เขาที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “อาหนิว หลังจากเปิ่นจั้วกลับมา เจ้าและฮุ่ยเอ่อคงปรับความเข้าใจกันได้แล้ว.”
ไม่รู้จักกัน จะให้ปรับอะไรล่ะ อ๊าก!
อดีตราชันย์รัตติกาลผู้อหังการแทบพ่นโลหิตออกมา.
ในวันนั้น.
จุนซ่างเซียวที่เดินทางไปจังหวัดเป่ยโม่ ทว่าก็ยังคงเป็นกังวลเรื่องของอาหนิวและฮุยเอ๋ออยู่ห่าง ๆ เช่นกัน.