Chapter 659 ปฏิเสธที่จะยอมรับ ผู้พิทักษ์มนทล.
ไม่กี่วันหลังจากนั้น.
เรื่องเกี่ยวกับนิกายนิรันดรท้าประลองนิกายไป่เหอเซิ่ง ตลอดจนการต่อสู้หนึ่งต่อสิบกับศิษย์นิกายต่าง ๆ ของจังหวัดตงเห่าก็กระจายไปทั่วทวีปชิงหยุน.
“ต่อสู้หนึ่งต่อสิบ ไม่แพ้แม้แต่ครั้งเดียว ยอดเยี่ยมไปแล้ว!”
“ศิษย์สายตรงมู่หรงซินกษัตริย์ยุทธ์ธาตุน้ำ ถูกเซียวจุ้ยจื่อธาตุไฟสะกดข่มโดยสมบูรณ์ ไม่มีแม้แต่พลังสู้กลับ!”
“ศิษย์เหล่านั้นมีพลังบ่มเพาะเท่าไหร่กันเนี่ย!”
เรื่องประลองได้ถูกพูดคุยกันไม่หยุด ทำให้ชาวยุทธ์นับไม่ถ้วนตื่นตะลึง.
ไม่ต้องสงสัย นิกายนิรันดรได้ก้าวเหยียบนิกายไป่เหอเซิ่งไปแล้ว ชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วทวีปชิงหยุน.
เอาชนะนิกายระดับสอง ยังมีใครกล้าเอ่ยถามอีกล่ะ?
ไม่มี!
ในเวลานี้ เหล่านิกายใหญ่ทั่วแผ่นดินได้ถูกนับนิกายนิรันดรไปด้วยแล้ว ไม่มีใครเชื่อ ว่าพวกเขาจะพุ่งทะยานเพียงนี้.
เวลานี้ผู้คนที่เริ่มพูดคุย แม้แต่เรื่องของการประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรอีกด้วย ว่านิกายนี้จะเข้าร่วมหรือไม่?
“ในจังหวัดซีเหนียนหยางไม่มีนิกายที่ยอดเยี่ยมกว่านี้อีกแล้ว นิกายนิรันดรต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน!”
“สามารถเอาชนะศิษย์สายตรงนิกายระดับสอง หากเข้าร่วมประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร จะต้องสนุกอย่างแน่นอน!”
“อดใจรอไม่ไหวแล้ว!”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายต่างก็หวังให้งานประลองพยัคฆ์มังกรเริ่มขึ้นเร็ว ๆ พวกเขาจะได้เห็น เหล่าพรสวรรค์ของนิกายต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมจะเป็นเช่นไร!
แน่นอน.
เหล่านิกายมากมายที่เข้าร่วมการประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร พวกเขาที่ได้จดจำนิกายนิรันดร เริ่มรวบรวมข้อมูล เตรียมตัวรับมือ มั่นใจว่าจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน.
......
นิกายนิรันดร.
จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์กลับไป ก่อนที่จะเริ่มเฉลิมฉลองในนิกาย.
เวลาเย็น เซียวจุ้ยจื่อที่ดื่มสุราเอาไว้มากมาย จนเมาหัวราน้ำ ถึงแม้นว่าจะเกลือกกลิ้งไปบนพื้น ทว่าก็ยังหัวเราะกอดไหสุราไม่วาง.
เมื่อครั้งชนะเลิศการแข่งขันมนทนชิงหยาง เขาก็เมาเหมือนกัน ทว่ากับไม่ได้สุขสนุกเช่นนี้.
ที่เมืองลี่หยาง เขาที่ได้ชัยชนะเลิศต่อหน้าตระกูลเดิม แต่ก็ใช้เพียงแค่พลังกายไม่ได้ใช้พลังบ่มเพาะ แม้นว่าเขาจะยังไม่มีพลัง แต่ก็เริ่มเติบโตขึ้นมาแล้ว!
ตอนนี้เขาชนะมู่หรงซิน คลายปมในใจ ทำให้ร่างกายของเขาผ่อนคลายเป็นอย่างมาก!
ขยะอย่างงั้นรึ?
นั่นก็แค่เคยเป็นเท่านั้น!
ข้าในเวลานี้ ได้เกิดใหม่จากเถ้าถ่านแล้ว!
บนพื้นดิน จุนซ่างเซียวที่จ้องมองเซียวจุ้ยจื่อนอนกลิ้งหัวเราะอย่างโง่งม เขาที่เอ่ยเสียงเบา “ชีวิตของเจ้า เอาชนะมู่หรงซินแล้ว ก็ยังไม่จบ.”
ใช่แล้ว.
ชัยชนะครั้งนี้ เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น!
ไม่เพียงแค่เซียวจุ้ยจื่อเท่านั้น ศิษย์ของเขาทุกคน ตอนนี้ยังเพิ่งเริ่มต้น เส้นทางที่พวกเขาต้องก้าวเดินยังอยู่อีกยาวไกล!
จุนซ่างเซียวฐานะประมุข ยังคงเป็นเหมือนกับผู้ปกครองยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขา ช่วยให้พวกเขาเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย ๆ ไม่เพียงไม่ยอมให้คนอื่นข่มเหง แต่ต้องไม่ให้คนอื่นรังแกอีกด้วย.
......
เช้าวันถัดมา.
เซี่ยกวนคุน อ้ายซางหนี่และเหล่ากลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ แม้แต่หม่าหยุนเถิง นิกายเขาซ่างซานยังเดินทางมาแสดงความยินดี.
เอาชนะนิกายระดับสองได้ เรื่องเช่นนี้ย่อมต้องเฉลิมฉลอง!
จุนซ่างเซียวที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกทุกคนที่มาแสดงความยินดี.
“เจ้านิกาย.”
ขณะงานเลี้ยงกำลังจะเริ่ม หลี่ชิงหยางที่ก้าวเข้ามาอย่างรีบเร่ง “มีชายวัยกลางคนเอ่ยว่าเป็นผู้พิทักษ์มนทลชิงหยางขอเข้าพบ.”
“ผู้พิทักษ์มนทล?”
เซี่ยกวนคุนและคนอื่น ๆ ที่ตะลึงงัน.
“เชิญ ๆ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ในเวลานั้นบุรุษที่ห้อยสุราไว้ที่เอว ผมสีขาวล้วน ก้าวเข้ามา ทว่ายังก้าวมาไม่ถึงก็ได้กลิ่นสุราที่โชยออกไป.
เขาที่ดื่มสุรามากมาย ถือว่าเป็นคนติดสุราอย่างหนักก็ว่าได้.
“ผู้พิทักษ์มนทล!”
เซี่ยกวนคุนและอีกเจ็ดเจ้าเมืองที่ยืนขึ้นเคารพ.
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
อวิ๋นเหอหัวเราะลั่น ก่อนที่จะก้าวเข้ามา ก่อนจะยกไหสุราขึ้น พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “เจ้าหนู เอาชนะนิกายระดับสอง สร้างชื่อเสียงให้กับมนทลชิงหยาง มา ๆ ข้าขอดื่มให้กับเจ้า!”
เจ้าเมืองเซี่ยและคนอื่น ๆ ที่มุมปากกระตุก.
ผู้พิทักษ์ของข้า นิกายนิรันดรเอาชนะนิกายไป่เหอเซิ่ง ไม่ใช่แค่สร้างชื่อให้มนทลชิงหยาง แต่เป็นทั้งจังหวัดซีเหนียนหยางต่างหาก!
ไม่ผิด.
ข่าวนี้ได้กระจายไปทั้งจังหวัดแล้ว เหล่าชาวยุทธ์ท้องถิ่นทุกคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก.
ตอนแรกนำคนไปโจมตีจังหวัดตงเป่ยลู่ ตอนนี้เอาชนะนิกายระดับสองจังหวัดตงเห่า นิกายนิรันดรสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดซีเหนียนหยางเป็นอย่างมาก.
หลัก ๆ แล้วเพราะว่าพวกเขาไม่ค่อยสนิทกับจุนซ่างเซียว ไม่เช่นนั้นคงมีคนมากมายเดินทางมาแสดงความยินดีด้วยอย่างแน่นอน.
“เชิญ.”
จุนซ่างเซียวที่ยกสุราแก้วหนึ่งขึ้นดื่ม.
ส่วนอวิ๋นเหอที่ยกซดทั้งไห ดื่มราวกับเททิ้ง.
“.....”
เจ้าเมืองทั้งแปดที่มุมปากกระตุก.
หลายปีไม่เห็นหน้า ผู้พิทักษ์มนทลดูเหมือนว่าจะติดสุราอย่างหนัก!
“ชิงหยาง.”
จุนซ่างเซียวโบกมือ กล่าวออกไปว่า “เตรียมโต๊ะและอาหารให้กับผู้พิทักษ์อวิ๋น.”
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางที่ถอยออกไป.
เหล่าศิษย์นิกายนิรันดรที่พูดคุยกันไปมา.
พวกเขาไม่น้อยที่เป็นคนท้องถิ่นมนทลชิงหยาง ต่างก็รู้เกี่ยวกับผู้พิทักษ์มนทลมาตั้งแต่ยังเด็ก คาดไม่ถึงได้เห็นวันนี้จะธรรมดาเป็นอย่างมาก.
โต๊ะที่นั่งถูกเตรียม อาหารมากมายครบครัน หากแต่อวิ๋นเหอไม่แตะอาหารแม้แต่น้อย.
เขาที่ดื่มสุราไปจำนวนมาก พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “เจ้าหนู เจ้าคงไม่คิดที่จะพัฒนานิกายอย่างเดียวหรอกนะ เจ้าควรที่จะยกระดับมนทลชิงหยางไปด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วจะเหมาะสมกับรองผู้พิทักษ์มนทลได้อย่างไร?”
รองผู้พิทักษ์มนทล?
เซี่ยกวนคุนและคนอื่น ๆ ถึงกับหวาดผวาไปในทันที.
“เอิ่ม.”
จุนซ่างเซียวที่นำป้ายตราออกมา “ดูแลนิกายก็เหนื่อยพอแล้ว ข้าไม่ต้องการที่จะบริหารดินแดนอีก ดังนั้นคืนให้กับผู้พิทักษ์เลยก็แล้วกัน.”
เขาที่ต้องการเพียงแค่ยกระดับนิกายเท่านั้น คงไม่มีเวลามาเป็นรองผู้พิทักษ์อะไรอีกแน่.
“ไม่ได้.”
อวิ๋นเหอเอ่ย “ในเมื่อรับป้ายตราไปแล้ว เจ้าคือรองผู้พิทักษ์มนทลแล้ว ทุกอย่างมันสมบูรณ์ไปแล้ว!”
!
นี่มัดมือชกไม่ใช่รึไง!
“พวกเจ้า.”
อวิ๋นเหอที่ชี้ไปยังเซี่ยกวนคุนและคนอื่น ๆ พร้อมกับว่า “ยังไม่รีบคารวะรองผู้พิทักษ์มนทลอีกรึ?”
“ฟิ้ว!”
เจ้าเมืองทั้งแปดที่คารวะจุนซ่างเซียวทันที “ผู้น้อยคารวะรองผู้พิทักษ์มนทล!”
รองผู้พิทักษ์มนทลที่มีสิทธิ์บัญชาการทัพและเจ้าเมืองทั้งแปดของมนทล.
อวิ๋นเหอที่ยกสุราขึ้นดื่ม “หากไม่มีเรื่องสำคัญ ก็ปรึกษากับรองผู้พิทักษ์จุนก็แล้วกัน ข้าให้เขาตัดสินใจทั้งหมดได้เลย.”
เจ้าเมืองทั้งแปดที่มุมปากกระตุกไปมา.
ตลอดหลายปีมานี้ คิดว่ามีท่านหรือไม่มี ก็เหมือนกันนั่นละ.
พวกเขาที่ราวกับเข้าใจว่า ผู้พิทักษ์มนทลนั้นมอบทุกอย่างให้กับจุนซ่างเซียวไปแล้ว.
การที่พัฒนานิกายจนสามารถเอาชนะนิกายระดับสองได้ในเวลาอันสั้น การบริหารมนทลชิงหยางย่อมไม่มีปัญหา!
สนับสนุน!
เห็นด้วยอย่างแรง!
จุนซ่างเซียวถึงกับพูดไม่ออก “มนทลชิงหยางเป็นของท่าน จะมาให้ข้าตัดสินใจได้ไง ท่านก็ทำงานในฐานะผู้พิทักษ์มนทลหน่อยเถอะ.”
“แก๊ก!”
อวิ๋นเหอโยนป้ายผู้พิทักษ์มนทลออกไป กล่าวออกมาว่า “งั้นเจ้าเป็นผู้พิทักษ์มนทลแล้วกัน ข้ามอบให้เจ้าตอนนี้เลย.”
จุนซ่างเซียวแทบล้มทั้งยืน!
เจ้าเมืองทั้งแปดรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย.
ตำแหน่งผู้พิทักษ์มนทลส่งให้กันง่าย ๆ เป็นเด็กเล็กเล่นขายของเลยอย่างงั้นรึ?!
“เจ้าหนู.”
อวิ๋นเหอจ้องมองเชิงบังคับ “มนทลชิงหยางของข้านั้นมีระดับเก้า ถึงนิกายนิรันดร จะทรงพลังมีชื่อเสียง การที่บ้านเกิดของเจ้ายัง มีระดับแค่นี้คงหลีกเลี่ยงให้คนทั้งโลกดูแคลนไม่ได้ เจ้าเป็นคนท้องถิ่น ไม่คิดที่จะทำอะไรเลยรึ?”
โดนคนผู้นี้ เล่นแล้วไง!
จะไม่ให้ปฏิเสธเลยอย่างงั้นรึ?!
“ฟรึบ!”
อวิ๋นเหอที่ลุกขึ้น กวาดตามองเจ้าเมืองทั้งแปดตลอดจนประมุขตระกูลใหญ่ทั้งหมด พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “พวกเจ้ายินดีที่จะให้เรียกดินแดนระดับเก้าไปตลอดชีวิตเลยรึ?”
คำพูดดังกล่าวที่กระตุ้นอารมณ์ของทุกคนในทันที.
เหล่าเจ้าเมืองทั้งหมดตลอดจนประมุขตระกูลใหญ่ที่กำหมัดแน่น แววตาเป็นประกายแสดงท่าทางขัดขืนไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน!
“จุนซ่างเซียว!”
อวิ๋นเหอกล่าวเสียงดัง “เจ้าเองก็เป็นคนมนทลชิงหยาง จะยอมให้ชาวยุทธ์ดูแคลนบ้านเกิดของตัวเองเช่นนี้นะรึ?”
คำพูดดังกล่าว ที่ทำให้ทุกคนต่างก็จ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน.
แววตาของพวกเขาที่ต่างมุ่งมาดปรารถนาที่จะให้เจ้านิกายจุนรับตำแหน่งผู้พิทักษ์มนทล!
เย็ดเข้!
คนพวกนี้กดดันเปิ่นจั้วแล้วไง!
“ตำแหน่งผู้พิทักษ์นั้น!”
จุนซ่างเซียวที่เก็บป้ายรองผู้พิทักษ์กลับมา ก่อนที่จะยกแก้วสุราขึ้น เอ่ยออกมาว่า “ข้าไม่ต้องการ ท่านเป็นเถอะ!”
กดดันถึงเพียงนี้ ไม่รับก็คงไม่ได้แล้ว.
“มา ๆ!”
อวิ๋นเหอที่ลุกขึ้นกล่าวออกมาว่า “ดื่ม ๆ มนทลชิงหยางตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว อย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง!”