Chapter 651 เซียวจุ้ยจื่อ ปะทะ มู่หรงซิน
ความแค้นที่มีระหว่างเซียวจุ้ยจื่อและมู่หรงซิน ไม่ใช่เรื่องที่นางเข้าไปถอนหมั้น ทว่ากับเป็นเรื่องที่นางนำนิกายไป่เหอเซิ่งไปเหยียบย่ำทำลายศักดิ์ศรีของเขาจนไม่มีเหลือ.
บุรุษที่ถือศักดิ์ศรีเป็นสำคัญ สิ่งนี้นับว่าร้ายแรงมาก.
ที่นี่มีสำนักนิกายมากมาย ที่จะเป็นพยานที่เขาเอาชนะมู่หรงซิน เพื่อพิสูจน์ตัวเอง.
ฟู่ ฟู่!
กลิ่นอายที่แผ่ฟุ้งไปทั่วอากาศ กระจายไปทั่วลานยุทธ์.
เซียวจุ้ยจื่อไม่ได้ใช้ศาสตร์ปิดพลังอีกต่อไป เขาที่ปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา.
“กษัตริย์ยุทธ์!”
เหล่ายอดฝีมือที่อุทานออกมา “เจ้าคนนี้ มีระดับกษัตริย์ยุทธ์!”
อะไร?
เหล่าชาวยุทธ์ไม่น้อยที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
“ผลตอบสนองเกินคาด.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ไม่ใช่ว่าการตอบสนองนั้นเกินเลย ทว่าอายุที่ยังไม่ถึง 20 มีระดับกษัตริย์ยุทธ์นั้น นับว่าหายากมาก!
“ข้าได้ยินมาว่าศิษย์นิกายนิรันดร นามเย่ซิงเฉินนั้นก็อยู่ในระดับกษัตริย์ยุทธ์แล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าเซียวจุ้ยจื่อจะอยู่ในระดับกษัตริย์ยุทธ์ด้วยเช่นกัน!”
เมื่อไม่นานมานี้ เย่ซิงเฉินที่ไปต่อสู้เลื่อนระดับผังผู้กล้าชั้นมนุษย์ ด้วยความเร็วสูงก้าวไปถึงอันดับหนึ่ง เกิดเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาเช่นกัน.
เรื่องระดับพลังบ่มเพาะย่อมกระจายไปทั่วเป็นธรรมดาอยู่แล้ว.
“นิกายระดับห้า มีศิษย์ระดับกษัตริย์ยุทธ์สองคน เหลือเชื่อจริง ๆ!”
เซียวจุ้ยจื่อปลดปล่อยระดับกษัตริย์ยุทธ์ออกมา สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชมชาวยุทธ์เป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตาม.
พวกเขาไม่รู้ว่า ศิษย์ร้อยกว่าคนที่นำมาในวันนี้ ล้วนแต่มีระดับกษัตริย์ยุทธ์ทั้งหมด.
หากเผยพลังออกมาทั้งหมดจะน่าพรั่นพรึงขนาดใหน?
จุนซ่างเซียวไม่อนุญาตให้ศิษย์เผยพลังบ่มเพาะออกมา เพราะว่าจะทำให้คนอื่น ๆ ตื่นตกใจนั่นเอง.
การเดินทางมาครั้งนี้ หากศัตรูไม่แข็งแกร่งเกินไป ก็ควรระงับพลังบ่มเพาะไว้ เวลานี้แม้ว่าศัตรูจะมีระดับเหนือกว่า แต่พลังที่ระงับอยู่ก็ยังเหนือกว่าคนเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย.
และหากไม่แสดงบทให้ต่ำเข้าไว้ จะเล่นบทหมูกินเสือได้อย่างไร.
......
เซียวจุ้ยจื่อที่ปะทุพลังบ่มเพาะกษัตริย์ยุทธ์ออกมาทำให้คนมากมายตื่นตกใจ.
มู่หรงซินเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ไม่คาดคิดเลยว่าเพียงสามปี อีกฝ่ายก็ยกระดับจนมีพลังบ่มเพาะเท่ากันได้
กระนั้น การตัดสินใจในอดีตก็ไม่มีอะไรให้เสียใจ.
หากแต่เสียดายการยกเลิกการหมั้นในครั้งนั้นหากรู้ว่าพลังบ่มเพาะของเซียวจุ้ยจื่อไม่มี นางคงเปลี่ยนแผนการอีกแบบ.
คนที่ตื่นตะลึงอีกคนคงไม่พ้นเฉิงฮุยซิน.
นางจำได้อย่างชัดแจ้ง ในอดีตเมื่อครั้งเดินทางไปยังตระกูลเซียว เขาเห็นผู้เยาว์คนนี้ไม่มีพลังบ่มเพาะ กล่าวว่าเป็นเพียงคนพิการก็ไม่เกินเลย.
ใครจะคิดกันว่าตอนนี้ไม่เพียงแค่รากวิญญาณของอีกฝ่ายฟื้นคืน พลังบ่มเพาะยังก้าวถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์อีกด้วย!
ไปพบโชควาสนาใดมา ถึงได้ก้าวกระโดดได้ในเวลาสั้น ๆอย่างงั้นรึ?
วาสนาอะไร.
วาสนาที่ได้เข้าร่วมนิกายนิรันดรนั่นเอง.
ด้วยความเห็นใจของเจ้านิกาย จึงได้ปลุกปั้นฟื้นคืนสภาพเขาให้กลับมา.
เหล่าศิษย์ที่ตามไปวันนั้น ก็ตกใจไม่แพ้กัน.
เมื่อครั้งเดินทางไปยังตระกูลเซียว พวกนางที่หยาบหยันเซียวจุ้ยจื่ออย่างหนัก ไม่คิดเลยว่าขยะชิ้นนั้น ที่ศิษย์น้องถอนหมั้นไป จะกลับมาทวงคืนความยุติธรรม.
ขยะที่เป็นไม่ได้แม้แต่คนถือรองเท้า.
กลับมายืนอยู่ที่ลานยุทธ์ ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังที่ทำให้พวกนางได้แต่แหงนคอมองตาม เป็นเหมือนกับถ่มน้ำลายขึ้นบนฟ้าแล้วหล่นลงมาใส่หน้าตัวเอง.
หลังจากที่เซียวจุ้ยจื่อปลดปล่อยพลังบ่มเพาะออกมา ก็รู้เหมือนว่าศักดิ์ศรีของเขาที่ค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา.
และ
ตอนนี้เขาไม่ใช่ตัวคนเดียว.
ที่ด้านหลังมีคนหลายร้อยคนแม้แต่เจ้านิกาย ที่สนับสนุนเขา!
ครั้งนี้.
เขาจะต้องนำสิ่งที่ตัวเองสูญเสียกลับคืนมา!
“นิกายนิรันดร เซียวจุ้ยจื่อ!”
เซียวจุ้ยจื่อที่เอ่ยนาม เสียงที่ดังกังวานกึกก้อง จนสั่นสะท้านไปถึงจิตใจของผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่รอบ ๆ!
มู่หรงซินเอ่ย “นิกายไป่เหอเซิ่ง มู่หรงซิน.”
ซูมมม ฟู่--
กล่าวจบ ทั่วร่างของนางที่แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขาม แผ่ออกไปรอบ ๆ ผลักดันกลิ่นอายของเซียวจุ้ยจื่อ.
“นางก็มีระดับกษัตริย์ยุทธ์!”ผู้ฝึกยุทธ์ไม่น้อยที่อุทานด้วยความตกใจ.
มู่หรงซินที่ระเบิดพลังบ่มเพาะกษัตริย์ยุทธ์ออกมา แม้นว่าจะทำให้ทุกคนประหลาดใจ ทว่าก็ไม่ใช่สิ่งน่าตกใจอะไรมากมายนัก ต้องไม่ลืมว่านางคือศิษย์สายตรงนิกายระดับสอง.
หากจะเทียบกันแล้ว.
ศิษย์ของจุนซ่างเซียว เหลือเชื่อมากกว่า.
นิกายที่เพิ่งมีชื่อเสียง กับมีศิษย์ที่น่าเกรงขามแทบจะไม่เคยมีมาก่อน.
“การประลองกับระดับกษัตริย์ยุทธ์ ต้องเป็นการต่อสู้ที่สุดยอดแน่นอน!”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายต่างก็ดวงตาเป็นประกายทันที.
ผู้เยาว์ระดับกษัตริย์ยุทธ์ บางทีคงมีแค่ในการประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรเท่านั้น มาเห็นที่นี่นับว่าเป็นโชคจริง ๆ!
ฟิ้ว!
เซียวจุ้ยจื่อที่ยื่นมือไปด้านหน้า เปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นมาทันที เกิดเสียงดังลั่นของเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ บดกับอากาศ.
ความร้อนที่ปะทุขึ้นมา เป็นเหมือนกับความโกรธเกรี้ยวที่สะสมมาหลายปี ท้ายที่สุดก็ได้ปลดปล่อยในวันนี้.
“ผู้ฝึกยุทธ์ธาตุเพลิง!”
ก่อนหน้านี้ศิษย์หลายคนของนิกายนิรันดรก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ธาตุเพลิง ไม่คาดคิดว่าเซียวจุ้ยจื่อเองก็ด้วย!
แน่นอน หากพวกเขารู้ว่ามีวิชาบ่มเพาะได้ทั้งห้าธาตุ พวกเขาจะตกใจขนาดใหน?
ตูมมมมม!
เซียวจุ้ยจื่อที่ต่อยออกไปด้านหน้า!
ซูมมมมม-
เพลิงที่ร้อนแรงเต็มเปี่ยมด้วยความโกรธ พุ่งออกไปดังโหยหวนหวีดหวิดราวกับพยัคฆ์ร้ายพุ่งทะยาน ตรงไปยังสตรีที่อยู่ด้านหน้าอย่างโหดร้าย.
พลังของกษัตริย์ยุทธ์ พลังที่สามารถทำให้มิติสั่นสะเทือน!
“วูซซซซซ!”
มือขาวเรียวของมู่หรงซินที่วาดไปในอากาศ ก่อนที่จะสร้างม่านวารีขึ้นมาป้องกันด้านหน้าทันที.
“นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ธาตุน้ำงั้นรึ?!”
“น้ำกำราบไฟ ดูเหมือนว่านางจะได้เปรียบ!”
เสียงของผู้คนที่พูดกันไปมา.
เฉิงฮุยซินและคนของนิกายไป่เหอเซิ่งที่เผยยิ้ม.
มู่หรงซินที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ธาตุน้ำ พวกเขาย่อมรู้อย่างชัดเจนว่า ได้เปรียบผู้ฝึกยุทธ์ธาตุเพลิง.
ทั้งคู่ที่มีพลังบ่มเพาะกษัตริย์ยุทธ์เหมือนกัน.
ต้องวัดกันที่คุณสมบัติพลัง.
คิดว่าศิษย์นิกายนิรันดรจะชนะอย่างงั้นรึ?
ตูมมมมมมมม --------
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน เพลิงที่ปะทะม่านวารี บดขยี้จนระเหยหายไปหมดพร้อมกันทันที!
เหล่าผู้ชมชาวยุทธ์ถึงกับหวาดผวา.
เฉิงฮุยซินและคนนิกายไป่เหอเซิ่งที่ยิ้มแข็งค้าง.
แม้นว่าธาตุไฟจะด้อยกว่าธาตุน้ำ ทว่าพลังที่เหนือล้ำกว่ามากย่อมสามารถสลายธาตุน้ำให้หายไปทั้งหมดได้ กล่าวได้ว่าธาตุเพลิงของศิษย์นิกายนิรันดรนั้นลึกซึ้งและทรงพลังเหนือกว่ามู่หรงซินมาก!
ตูมมมม!
ตูมมมม!
แขนของเซียวจุ้ยจื่อกล้ามเนื้อที่ล้นออกมา ก่อนที่เขาจะต่อยออกไปในอากาศสองครั้ง!
ซูมมมมมมม ----
เปลวเพลิงที่รวมตัวกันเป็นหมัดเพลิงสองหมัดลอยอยู่ด้านหน้า.
ก่อนที่จะพุ่งออกไป พื้นด้านล่างที่กลายเป็นสีแดงฉานด้วยความร้อนที่พัดผ่าน.
นี่ไม่ใช่ความร้อนที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะทนได้ ทำให้มีผู้ชมไม่น้อยที่ถอยหลังออกไปอย่างหวาดหวั่น.
คนผู้นี้!
เปลวเพลิงของเขาทรงพลังจริง ๆ!
“วูซซซ!”
“วูซซซ!”
มู่หรงซินที่ยืนมั่น วาดมือไปในอากาศ สร้างม่านพลังวารีขึ้นมาอีกหลายชั้นเพื่อป้องกันตัวเอง.
ไอน้ำที่ลอยคละคลุ้งจนเกิดเป็นเมฆ กล่าวได้ว่านางเข้าใจพลังธาตุน้ำได้อย่างช่ำชองเช่นกัน.
ตูมมม!
ตูมมม!
หมัดเพลิงปะทะม่านวารีอีกครั้ง ก่อนที่จะบดขยี้ม่านน้ำระเหยออกไปไม่หยุด ท้ายที่สุดมู่หรงซินก็ยากจะต้านได้ ถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์.
“ศิษย์นิกายไป่เหอเซิงถอยล่ะ.”
“แม้นว่าน้ำจะกำราบไฟ ทว่าเปลวเพลิงที่ลึกล้ำกว่า ธาตุน้ำทั่วไปย่อมยากจะต้านทาน!”
“นอกจากนี้ กายเนื้อของเซียวจุ้ยจื่อนั้น ดูไม่ธรรมดาเลย ทำให้พลังโจมตีดุเดือดบ้าคลั่งมาก.”
“มู่หรงซิน หากไม่มีไม้ตาย เกรงว่าคงสู้ไม่ได้!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่พูดคุยกันเสียงดังอื้ออึง
แม้นว่าผู้ชมชาวยุทธ์เป็นคนจังหวัดตงเห่า ย่อมสนับสนุนมู่หรงซิน ทว่าเมื่อเห็นการต่อสู้แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเซียวจุ้ยจื่อนั้นแข็งแกร่งกว่า!
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “คิดว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่คาดคิดเลยว่าศิษย์สายตรงนิกายไป่เหอเซิ่งจะน่าผิดหวังนัก.”
“......”
ทุกคนที่มุมปากกระตุก.
พี่ชาย เจ้าจะหยุดบ้าคลั่งสักหน่อยจะได้ไหม!