Chapter 646 ล่วงเกินแล้ว
กล้าท้าประลองนิกายระดับสอง เจ้านิกายนิรันดร หากเขาไม่ป่วย จะกล้ามาได้อย่างไร.
ในเวลานั้น ทุกคนที่ราวกับคิดเหมือน ๆ กัน.
“ชิ.”
บุรุษที่สะพายกระบี่ด้านหลังยืนขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นิกายไป่เหอเซิ่งนั้นได้ส่งศิษย์สายในออกมามากมาย ก็พอที่จะให้ความเคารพเจ้าแล้ว เจ้านิกายจุนควรจะรู้จักอะไรหนักเบาบ้าง.”
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองไปยังเขา เผยยิ้ม “ผู้ยอดเยี่ยมนี้คือใครกัน?”
“อาวุโสนิกายอี้เจี้ยนเซิ่ง.”
ชายชราเอ่ยออกมาเล็กน้อย ทว่ากับแผ่กลิ่นอาย ความอหังการน่าเกรงขามออกมา.
“โอ้วแท้จริงแล้วเป็นมือกระบี่ที่ยอดเยี่ยมของนิกายอี้เจี้ยนเซิ่งนี่เอง.”
จุนซ่างเซียวยกมือประสาน “ไม่แปลกใจเลยว่าน่าเกรงขามนัก เสียมารยาทแล้ว เสียมารยาทแล้ว.”
อาวุโสนิกายอี้เจี้ยนเซิ่งที่แน่นอนไม่ได้รู้ความคิดของอีกฝ่าย เขาที่กล่าวดูแคลนอีกฝ่ายในทันที “เจ้าเมืองมู่เองก็อยู่ที่นี่แล้ว ให้เซียวจุ้ยจื่อออกมาสู้เร็วเข้า จะได้จบ ๆ กันไป จะได้ไม่อยู่ขายหน้านาน.”
“......”
เจ้าเมืองมู่ที่เงียบอยู่.
ข้าก็อยู่ของข้าดี ๆ จะดึงข้ามาเกี่ยวทำไมกัน?
“พ่ายแพ้รึ?”
จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเผยยิ้ม ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเฉิงฮุยซิน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เปิ่นจั้วก็คร้านจะกล่าวอะไรอีก ตอนนี้เริ่มเลย.”
“เสวียนโจว ออกไปสู้.”
“ครับ!”
ซ่งเสวียนโจวที่ก้าวออกไปด้านหน้า ก่อนที่จะยืนอยู่ที่กลางลานยุทธ์.
เขาที่ก้าวออกมาสู้คนแรก ทำให้เลือดลมของเขาพลุ่งพล่านเล็กน้อย.
เห็นคนที่ก้าวออกมาไม่ใช่เซียวจุ้ยจื่อ เฉิงฮุยซินขมวดคิ้ว “เจ้านิกายจุนคงไม่ได้วางแผนที่จะประลองทีละคนหรอกรึ?”
นางไม่ต้องการที่จะเสียเวลาแม้แต่น้อย ต้องการให้เซียวจุ้ยจื่อพ่ายแพ้และไสหัวไปให้พ้นเร็ว ๆ.
การท้าประลองของนิกายนิรันดร นางรู้สึกรําคาญไม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย.
กล่าวได้ว่าเป็นการดูแคลนอีกฝ่ายอย่างถึงที่สุด.
“ไม่ผิด.”
เขาไม่ได้ให้เซียวจุ้ยจื่อออกมา เพราะว่าเขาคือคนสุดท้ายที่จะก้าวออกมานั่นเอง.
“ถุยยย.”
อาวุโสนิกายอี้เจี้ยนเซิ่งคำราม “เจ้าหนู ประเมินตัวเองสูงไปแล้ว.”
จุนซ่างเซียวรู้ว่าอีกฝ่ายและนิกายไป่เหอเซิ่งเป็นพันธมิตรกัน การที่ตามกัดเขาไม่ปล่อยย่อมเป็นเรื่องปรกติ จึงไม่ได้สนใจอะไร.
“ดี.”เฉิงฮุยซิงยกมือขึ้น.
“ฟิ้ว!”
สตรีผู้งดงามคนหนึ่งที่ก้าวออกมา.
นางเป็นศิษย์สายใน มีพลังบรรพชนยุทธ์ขั้นที่เก้าแล้ว.
ซ่งเสวียนโจวพูดไม่ออกเล็กน้อย.
ในการต่อสู้ คู่ต่อสู้เป็นผู้หญิงนับเป็นครั้งแรก ทำให้เขาไม่ค่อยชอบนัก.
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคิดถึงคนเหล่านี้ดูแคลนเจ้านิกายไม่หยุด ถึงแม้นว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรีเขาก็ไม่ยอมอ่อนข้อ แววตาหนักแน่นจริงจัง.
แม่นาง ข้าขอโทษด้วยก็แล้วกัน.
“นิกายไป่เหอเซิ่ง หลิวซิน.”
“นิกายนิรันดร ซ่งเสวียนโจว.”
หลังจากที่ขานชื่อแล้ว การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น.
อย่างไรก็ตาม.
ทั้งสองที่ยังไม่เริ่มสู้ ผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่พูดคุยกันเบา ๆแต่ได้ยินกันไปทั่ว.
“ศิษย์นิกายนิรันดร ก็ดูไม่เลวนะ แต่ระดับหก คิดจะชนะบรรพชนยุทธ์ขั้นเก้าเลยรึ?”
“มาที่นี่ เจ้าคิดว่านิกายนิรันดรยังหวังจะชนะอย่างงั้นรึ?”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น!”
สายตาของทุกคนที่จดจ้องมองไปยังเวที ต่างก็เผยสีหน้าดูแคลนที่อีกฝ่ายที่ไม่ประมานตนเลย.
ตอนนี้ต่อหน้าคนของนิกายระดับสามและสี่ ต่างก็คิดว่ามันเปล่าประโยชน์ แม้แต่อาวุโสนิกายอี้เจี้ยนเซิ่งยังคิดว่ามันช่างเสียเวลานัก.
ฟู่---
ในเวลานั้น หลิวซิน นิกายไป่เหอเซิ่งก้าวออกมาด้านหน้า มือที่วาดไปบนอากาศก่อนที่จะสะบัดสร้างฝ่ามือพลังวิญญาณพุ่งออกไป.
ซ่งเสวียนโจวที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เพราะฝ่ายตรงข้ามนั้นอ่อนแอมาก เขามีร้อยวิธีในการเอาชนะ.
ตกลง.
เอาวิชาที่ง่ายที่สุดก็แล้วกัน!
ซ่งเสวียนโจวที่ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ฝ่ามืออากาศที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ เขาต่อยออกไป แตกระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆทันที!
หลิวซินที่ถอยไปสองสามก้าว ใบหน้าที่เผยความประหลาดใจออกมา.
ทำลายฝ่ามืออากาศของนางได้ง่าย ๆ เลยรึ?
เหล่ากลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ที่ตะลึงงัน.
วิชาของศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งนั้นนับว่าแข็งแกร่งใช้พลังได้อย่างชาญฉลาด ทว่ากับแตกสลายง่าย ๆ อย่างคาดไม่ถึง กล่าวได้ว่าอีกฝ่ายมีระดับเหนือกว่ามากอย่างงั้นรึ?
เพียงแค่บรรพชนยุทธ์ขั้นต้น ทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ?
ฟิ้ว!
หลิวซินที่ใช้ท่าเท้าลึกล้ำพุ่งเข้ามา.
มือทั้งสองข้างที่วาดไปบนอากาศ ก่อนที่จะส่งพลังที่เหมือนกับคลื่นน้ำทะเลพุ่งออกไปเป็นระลอกคลื่น.
ซ่งเสวียนโจวที่ส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะรวมพลังที่กำปั้น พร้อมกับต่อยออกไปด้วยหมัดถล่มปฐพี.
พลังของเขาที่ทำลายคลื่นพลังอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย!
ตูมมม!
ตูมมม!
ตูมมม!
พริบตาเดียวเขาก็ทำลายพลังของอีกฝ่ายไปทั้งหมด.
หลิวซินที่ใบหน้าบิดเบี้ยว ต้องการจะโจมตีต่อไป ก่อนจะเห็นซ่งเสวียนโจวก้าวมาด้านหน้า ก่อนที่จะใช้มือกดไหล่ของนางลง พร้อมกับเอ่ยออกไปว่า “ล่วงเกินแล้ว.”
ตูมมม!
เขาที่กดนางจมลงพื้น.
“....”เหล่าชาวยุทธ์ที่มุมปากกระตุกไปมา.
หากเป็นการต่อสู้โดยสตรีทั้งสองฝ่าย การกดอีกฝ่ายลงพื้นนับว่าเป็นเรื่องปรกติ ทว่าการกระทำเช่นนี้ของบุรุษนับว่าเป็นการกระทำที่หยาบคายเล็กน้อย.
หลิวซินที่ถูกกดลงพื้น ความคิดของนางที่วุ่นวายสับสน.
ฟิ้ว!
ซ่งเสวียนโจวที่คว้าไหล่นางแน่นพร้อมกับยกขึ้นสะบัดทิ้ง ทำให้นางลอยออกไป ล่วงหล่นลงเวทีในสภาพยับเยิน ขัดขืนไม่ได้เลย.
การต่อสู้จบลงแล้ว.
หากไม่เพราะว่าหลิวซินเป็นสตรี นางคงแพ้ตั้งแต่สองวินาทีแรกแล้ว.
ถึงแม้นว่า ซ่งเสวียนโจวจะไม่ได้ใช้พลังกษัตริย์ยุทธ์ ทว่าด้วยพลังบรรพชนยุทธ์ขั้นที่หกก็เอาชนะขั้นที่เก้าได้อย่างง่ายดาย.
เป็นความจริง.
อีกฝ่ายนั้นอ่อนแอมาก!
“ติ๊ง! เอาชนะศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่ง 1.”
เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้น ภารกิจมหากาพย์เริ่มนับจำนวน.
จุนซ่างเซียวเผยยิ้มพลาย.
ภารกิจมหากาพย์ที่หกนั้น คือเขานำศิษย์มายังนิกายไป่เหอเซิ่งเพื่อท้าประลอง คืนศักดิศรีให้กับศิษย์เซียวจุ้ยจื่อ.
ตอนนี้ซ่งเสวียนโจวเอาชนะศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่ง ต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำให้เขาตระหนักได้ว่า ภารกิจท้าประลองนิกายไป่เหอเซิ่งนี้ให้คนอื่นขึ้นไปประลองก็ถูกนับเช่นกัน.
หากเป็นเช่นนี้.
หากว่าศิษย์ของเขาเอาชนะอีกฝ่ายมาก ๆ ระดับความสำเร็จก็จะสูง แล้วได้รางวัลพิเศษใช่หรือไม่?!
“กึก!”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสาน “เจ้าปล่อยให้ข้าชนะแล้ว!”
เฉิงฮุยซินที่ใบหน้าดำมืด.
ศิษย์นิกายนิรันดรพลังบ่มเพาะไม่สูง แต่กับเอาชนะศิษย์ของนางที่มีระดับบรรพชนขั้นเก้าได้เลยรึ?!
เรื่องเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้นาง ยากจะยอมรับได้.
หนำซ้ำยังไม่ได้ออกแรกอะไรเลย.
“เจ้านิกาย.”
ซ่งเสวียนโจวเอ่ย “ข้าต่อสู้ต่อเลยหรือไม่?”
ได้ยินคำพูดเช่นนั้น เฉิงฮุยซินแทบกระอั๊กโลหิตออกมา.
ก่อนหน้านี้ หลิงหยวนเสวี๋ยก็เอ่ยเช่นนี้ จากนั้นก็เอาชนะศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งเก้าคนรวด.
ศิษย์นิกายนิรันดรเต็มไปด้วยความโอหังอย่างงั้นรึ?
ในความเห็นของพวกพวกเขา คิดว่าศิษย์นิกายไป่เหอเซิงเป็นอาหารว่างงั้นรึ? ถึงได้ต้องการลงมือคนเดียวกันกับหลาย ๆ คน?
“ต่อไปเลย.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เพื่อเติมความสมบูรณ์ของภารกิจ หากว่าคะแนนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะคนเดียวเอาชนะศิษย์ทั้งนิกายไป่เหอเซิ่งเลยก็ได้.
ในเวลานี้.
เขาต้องการให้ภารกิจสำเร็จสมบูรณ์มาก ๆ เพราะหวังรางวัลก้อนใหญ่นั่นเอง!
อ๋า ใช่แล้ว!
รางวัลภารกิจมหากาพย์ที่ห้าก็ยังไม่มอบนี่นา!
แววตาของจุนซ่างเซียวที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง กล่าวออกมาว่า “อาวุโสเฉิง ส่งศิษย์ขึ้นมาสู้ได้เลย.”
เฉิงฮุยซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หรงเฉียว ออกไปต่อสู้!”
“ค่ะ!”
หรงเฉียวเองก็เป็นศิษย์สายในเช่นกัน.
น่าเสียดายต่อหน้าซ่งเสวียนโจวไม่แม้แต่ทำให้เขาขยับ อีกฝ่ายก็กระเด็นหล่นเวทีแล้ว.