Chapter 645 คนผู้นี้ป่วย
เสียงที่ดังกึกก้อง เจ้านิกายบนร่างของเหยี่ยวทมิฬที่ใหญ่โต ถึงกับทำให้ชาวยุทธ์รอบ ๆ นิกายไป่เหอเซิ่งสั่นสะท้าน.
หากไม่รู้ว่านิกายนิรันดรที่ได้แจ้งประสงค์ล่วงหน้า เหล่าชาวยุทธ์มากมาย คงคิดว่าอีกฝ่ายต้องมาหาเรื่องเป็นแน่!
“โอหังจริง ๆ!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่เอ่ยกล่าวเสียงเบา.
นิกายไป่เหอเซิ่งจะดีจะร้ายก็เป็นนิกายระดับสองที่มีชื่อเสียง คนผู้นี้นำศิษย์ขี่หมาป่าและเหยี่ยวทมิฬมาที่หน้าประตู ไร้ซึ่งมารยาท!
ไร้ซึ่งมารยาทอย่างงั้นรึ?!
จุนซ่างเซียวรู้ดี ยิ่งทำตัวถ่อมตน ก็มีแต่ถูก ดูแคลนถูกเหยียบย่ำให้ต่ำลง ดังนั้นเขาจึงเผยพลังออกมา ทำให้เหล่าผู้ชมเงียบปากไปเลย.
ผลลัพธ์ถือว่าไม่เลว.
เพียงแค่ฝูงของหมาป่าเฮอริเคนก็สร้างความตื่นตะลึงกับผู้ชมแล้ว ยิ่งวิหคยักษ์ที่ใหญ่โตยิ่งทำให้พวกเขาอิจฉาแทบกระอักโลหิต.
เหล่าผู้คนที่ต้องการกล่าวดูแคลน หากแต่กลับรู้สึกกระดากปาก เนื่องจากตัวเองนั้นไร้ซึ่งคุณสมบัติ.
เดี๋ยวนะ!
สตรีที่งดงามปานเทพธิดาบนกระเรียนศักดิ์สิทธิ์ ไฉนเลยมาหยุดข้าง ๆ จุนซ่างเซียว?
หรือว่านางจะไม่ใช่ยอดฝีมือจังหวัดตงเป่ยลู่ แต่เป็นศิษย์นิกายนิรันดรอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวที่หยุดที่หน้าประตูทางเข้า เวลานั้นเจ้าวังจื่อหานและเจ้านิกายอื่น ๆ ที่ก้าวออกมาสมทบ.
“เอ๊ะ? พวกเจ้าก็มาอย่างงั้นรึ?”
“......”
เจ้านิกายทั้งเก้าที่เงียบลง.
เจ้ายังมาถามว่าพวกเรามาทำไม? ไม่ถามศิษย์ของเจ้าล่ะ!
“ไท่จางเหล่า........”
ที่ด้านหน้าทางเข้า ชายชราที่ร่างกายยืนโงนเงน เจ้าวังจื่อหานที่แทบหลั่งน้ำตาออกมา.
“เฮ้อ.”
ไท่จางเหล่าที่ได้แต่ถอนหายใจ.
เขาที่เดินทางออกมาจากทะเลน้ำแข็งไร้สิ้นสุด คิดที่จะแก้แค้นให้นิกาย ใครจะรู้ไม่เพียงแค่ถูกทุบจนเสียทรง ทว่าแม้แต่ต้นกำเนิดวิญญาณยังถูกควบคุมอีกด้วย.
“เจ้านิกาย.”
ลู่เชียนเชียนที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “คนเหล่านี้ ข้าเรียกมาเชียร์นิกายของพวกเรา.”
จุนซ่างเซียวถึงกับสะดุ้ง ก่อนที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำได้ดี.”
การเดินทางมาท้าทายครั้งนี้ แน่นอนว่าเจ้าถิ่นย่อมเป็นนิกายไป่เหอเซิ่ง การเรียกผู้คนมากมายมาช่วยเชียร์ นับว่านางคิดถึงนิกายมาก่อน.
“กึก ซี่!”
ประตูที่ปิดแน่น ก่อนมีเสียงที่นุ่มนวลดังขึ้น “ประมุขจุน เชิญ.”
“ไป.”จุนซ่างเซียวที่กระโดดลงมาก้าวเข้าไปในประตู เหล่าศิษย์เองก็กระโดดลงจากหมาป่าก้าวเข้ามาด้านในเช่นกัน.
แม้นว่าจะก้าวเข้ามาในนิกายระดับสอง ทว่าใบหน้าของทุกคนกับไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ นั่นก็เพราะว่าพวกเขาฝึกฝนมาอย่างหนักจนข้ามความรู้สึกเหล่านั้นไปแล้ว.
“ฟู่!”
เซียวจุ้ยจื่อที่พ่นลมหายใจยาว ก่อนที่จะกำหมัดแน่น “มู่หรงซิน ข้ามาแล้ว!”
......
ลานด้านนอกของนิกายไป่เหอเซิ่งนั้นใหญ่มาก จากพื้นปูและสิ่งก่อสร้างบ่งบอกมาว่าได้ผ่านประวัติศาสตร์มายาวนาน.
ในเวลานี้ บนลานยุทธ์ที่มีผู้คนมากมายล้อมรอบ เป็นประมุขตระกูลและนิกายใหญ่ของจังหวัดตงเห่าที่มาชมการประลองครั้งนี้ ผู้คนมากมาย นับได้กว่า 20,000-30,000.
ขณะจุนซ่างเซียวนำศิษย์ก้าวเดินเข้ามา แววตาเหยียดหยันดูแคลน ก็แผ่ออกมาทันที.
เป็นปรกติเหล่ากลุ่มอิทธิพลของจังหวัดตงเห่า พวกเขาย่อมอยู่ข้างนิกายไป่เหอเซิ่ง การเผยความเป็นปฏิปักษ์ต่อกลุ่มคนภายนอกเป็นเรื่องธรรมดา.
มู่ซ่างหงเองก็มาด้วย.
เขาที่ไม่ได้คิดจะเข้าร่วมการประลองระหว่างนิกายใด ๆ ทว่าเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว เจ้าเมืองจังหวัดตงเห่ากับเชิญเขามา.
ชัดเจน.
เขาที่ต้องการเชิญอีกฝ่ายมาเป็นพยาน นิกายนิรันดรถูกทุบตีนั่นเอง.
“เจ้าเมืองมู่.”
เจ้าเมืองหลวงตงเทียน จังหวัดตงเห่า ติงหลิงชุน จับจ้องมองไปยังจุนซ่างเซียว “เจ้าหนูนั่นคือเจ้านิกายนิรันดรที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วยุทธภพอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”มู่ซ่างหงเอ่ย.
ติงหลิงชุนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นับเป็นคนหนุ่มที่ไม่รู้จักความกลัวจริง ๆ.”
มู่ซ่างหงที่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นรู้ว่าเขาอยู่ข้างนิกายนิรันดร จึงได้เอ่ยกล่าวเช่นนั้นออกมา เพื่อเตรียมพูดอวดเตรียมเหยียบซ้ำนั่นเอง.
“กึก.”
ในเวลานั้น จุนซ่างเซียวที่หยุดอยู่ที่ลานยุทธ์ มือไขว้หลังเอ่ยเสียงดัง “สามปีที่แล้วนิกายนิรันดรของข้ากับศิษย์ของท่านได้นัดหมายที่จะประลองกัน ในวันนี้เปิ่นจั้วมาตามนัดแล้ว!”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
อาวุโส ถางจู่และศิษย์ของนิกายนิรันดรต่างก็ยืดอกเผยความน่าเกรงขามออกมา.
แม้นพวกเขาจะมีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับคนจังหวัดตงเห่าที่มีหลายหมื่นคน จำนวนที่แตกต่างกันมากมาย ทว่ากลิ่นอายที่พวกเขาแผ่ออกมานั้น ไม่ได้หวาดหวั่น ต่ออีกฝ่ายแม้แต่น้อย!
“นี่มัน......”
มู่ซ่างหงถึงกับหวาดผวา.
เห็นชัดเจนว่านิกายระดับสองนั้นอยู่สูงกว่าพวกเขา ทว่านิกายนิรันดรกับไม่รู้สึกหวั่นเกรงเลยอย่างงั้นรึ?
หากเจ้าเมืองมู่ได้เป็นพยานเมื่อครั้งที่จุนซ่างเซียวท้าทายสำนักเห่าฉีและนิกายเซิ่งคุน จะเข้าใจว่าพวกเขาเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรก
ต่อหน้าศึกใหน ๆ.
พวกเขาก็หาได้หวาดหวั่น หวาดกลัวต่อหน้าใคร!
รอบ ๆ ลานยุทธ์นั้นยังมีคนมากมายที่เดินทางมาเชียร์นิกายไป่เหอเซิ่ง ดูเหมือนว่ากองเชียร์แต่ละฝั่งนั้นแตกต่างกันอย่างมากมาย.
อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ใช่จังหวัดซีเหนียนหยาง จึงไม่มีกลุ่มอิทธิพลใดในจังหวัดซีเหยียนหยางเดินทางมา.
“ไม่เช่นนั้น พวกเขาย่อมต้องสนับสนุนนิกายนิรันดรเป็นแน่แท้.
ลู่เชียนเชียนที่จ้องมองไปยังนิกายหลิงหยวนและนิกายอื่น ๆ ของจังหวัดตงเป่ยลู่ พวกเขาที่เข้าใจทันที ก่อนที่จะเดินมาอยู่ฝั่งด้านหลังของจุนซ่างเซียว.
“นี่คนจังหวัดตงเป่ยลู่ มาเชียร์นิกายนิรันดรอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ใช่ว่าพวกขัดแย้งกันหรอกรึ?”
“ได้ยินมาว่าวังจื่อหานเกือบพังทลาย สร้างความเกลียดชัง ที่ไม่แม้แต่มองหน้ากันเลยไม่ใช่รึ?”
เห็นเก้านิกายระดับสี่จังหวัดตงเป่ยลู่อยู่ด้านหลังนิกายนิรันดร กลุ่มอิทธิพลอื่น ๆ ที่ดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความสงสัยทันที.
เจ้านิกายหลิงหยวนและคนอื่น ๆ ภายในใจที่รู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวบ้าบิ่นท้าทายนิกายระดับสอง แต่พวกเขากลับถูกบังคับให้มาเชียร์ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาเสียหน้าอับอายเป็นอย่างมาก!
......
ห้องโถงนิกายไป่เหอเซิ่ง.
เฉิงฮุยซินและอาวุโสคนอื่น ๆ ก้าวเดินออกมา.
ควรค่าเป็นนิกายระดับสอง แต่ละคนมีระดับจักรพรรดิยุทธ์.
“เจ้านิกายจุน.”
เฉิงฮุยซินเอ่ยออกมา “การต่อสู้นี้ไม่ใช่ว่ามีแค่เซียวจุ้ยจื่อหรอกรึ? แล้วทำไมถึงได้นำศิษย์มามากมายขนาดนี้?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ในเมื่อเดินทางมาตั้งไกล ต่อสู้คนเดียวจะพึงพอใจได้อย่างไร ทำไมไม่ต่อสู้กันสักหลาย ๆ คนล่ะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”
ชาวยุทธ์คนหนึ่งที่หัวเราะดังลั่น “เจ้านิกายจุนช่างใจกล้าจริง ๆ!”
คนอื่น ๆ ที่กล่าวซุบซิบเสียงเบา.
ทว่าการท้าประลองกันระหว่างศิษย์หลายคน ก็เหมือนกับการประลองระหว่างนิกายในแต่ละจังหวัด.
หลาย ๆ คนที่ชื่นชมความกล้าของจุนซ่างเซียว ที่กล้านำศิษย์มาท้าประลองนิกายระดับสอง ไม่ใช่เป็นการส่งศิษย์ตัวเองมาให้ถูกกระทืบหรอกรึ?!
เฉิงฮุยซินแค่นเสียงเย็นชา “ในเมื่อเจ้านิกายจุนปรารถนาเช่นนั้น นิกายไป่เหอเซิ่งของข้าย่อมตอบสนอง.”
จากนั้น นางที่โบกมือ.
ฟิ้ว!ฟิ้ว!
ศิษย์ของนิกายระดับสองที่ก้าวออกมา ยืนอยู่ที่ขอบลานยุทธ์.
ศิษย์ของนิกายไป่เหอเซิ่งนั้นเป็นสตรี ทว่าเพียงแค่มองก็รับรู้แล้วว่าเป็นสตรีที่งดงาม จนทำให้ทุกคนต้องจดจ้องมอง.
ศิษย์ของพวกเขาความงามที่เหนือกว่าคนทั่วไปเป็นอย่างมาก.
ฝั่งของจุนซ่างเซียว คงมีเพียงแค่ลู่เชียนเชียนและมู่หงเหลียน ที่ดูงดงามเหนือล้ำ เอาชนะศิษย์ของพวกเขาด้านความงามได้.
“วึ้ง วึ้ง”
ชาวยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยชม “ศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งล้วนแต่มีระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นสูง!”
ผู้คนมากมายจดจ้องมองคนที่จุนซ่างเซียวนำมาหลายร้อยคน ได้แต่ส่ายหน้าไปมา “แตกต่างกันจนเทียบไม่ได้.”
เพราะศิษย์นิกายนิรันดรที่ไม่สามารถเทียบกับศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งได้ เพราะพวกเขาได้ใช้ศาสตร์ปิดพลังบ่มเพาะเอาไว้นั่นเอง.
ทำให้เห็นว่าพวกเขามีระดับบรรพชนยุทธ์และอาจารย์ยุทธ์เท่านั้น.
จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมาเล็กน้อย “อาวุโสเฉิง นิกายนิรันดรของข้าเดินทางมาขอท้าประลองครั้งนี้ กระทำด้วยความนับถือ ขอให้ท่านเองก็ปฏิบัติอย่างจริงจังด้วย ไม่ควรส่งคนที่ไม่คู่ควรเช่นนี้ออกมาสู้.”
“......”
เหล่าชาวยุทธ์รอบ ๆ ที่มุมปากกระตุก.
ศิษย์ของนิกายไป่เหอเซิ่งทั้งพรสวรรค์และระดับพลังบ่มเพาะนั้นไม่ธรรมดา อีกฝ่ายกับ ว่าไม่คู่ควร อย่างคาดไม่ถึง!
เฉิงฮุยซินแค่นเสียง “ศิษย์ของเจ้านิกายจุน เพียงแค่นี้ก็เกินพอแล้ว หากนำคนที่แข็งแกร่งกว่านี้ เกรงว่าจะเป็นการรังแกคนที่อ่อนแอกว่า.”
“ตกลง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วไม่คิดที่จะรังแกคนอื่นเช่นนั้น ในเมือนิกายของท่านต้องการส่งพวกเขาออกมา ก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน.”
กล่าวราวกับว่าตัวเองกำลังรังแกคนอื่นอยู่งั้นรึ?
ในเวลานั้น เหล่ากลุ่มอิทธิพลรอบ ๆ ที่จับจ้องมองเจ้านิกายจุน คนผู้นี้สมองป่วยแน่ ๆ!