Chapter 18: รางวัล
พอเสียงระเบิดเงียบลง ฉินหรานไม่ได้เปิดเครื่องปั่นไฟในทันที กลับกัน เขารออย่างใจเย็นเผื่อว่าจะมีโจรบางคนรอดชีวิต ระเบิดมีการทำลายล้างสูงในรัศมีแคบ ๆ มันเป็นไปแทบไม่ได้ที่บางคนจะรอดมาได้แต่ฉินหรานเลือกที่จะปลอดภัยไว้ก่อน เขายังประมาทไม่ได้ เขารอจนกระทั่งไม่มีเสียงอะไรออกมาจากห้องแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องปั่นไฟแล้วเปิดเครื่องอีกครั้ง เสียงเครื่องปั่นไฟทำงานเหมือนเครื่องจักรเก่า ๆ แสงไฟตามทางเดินและทุกห้องกลับมาสว่าง ยกเว้นห้องที่พวกโจรออกันอยู่ ระเบิดทำลายกำแพงห้องและหลอดไฟทั้งหมด
แม้ว่าฉินหรานจะคุ้นเคยกับกลิ่นเลือดแล้ว แต่กระเพาะอาหารของเขาก็ยังปั่นป่วนเมื่อเขาเห็นสภาพภายในห้อง เขาพยายามกลั้นอาการอยากอาเจียนเอาไว้ เขาบังคับให้ตัวเองตรวจดูโจรแต่ละคนทุกคนให้แน่ใจว่าไม่มีใครรอดชีวิตก่อนที่จะจัดการลูทของโชคไม่ดี โจรพวกนี้ถูกระเบิดเป็นชิ้น ๆ และสิ่งของติดตัวทั้งหมดของพวกมันก็ถูกทำลายไปพร้อมกัน
ฉินหรานก็ยังลองค้นดู เขาอยากให้ตัวเองคุ้นเคยกับภาพนองเลือดเพราะว่าเขาจะต้องเผชิญสถานการณ์แบบนี้มากกว่านี้ในอนาคต เขาจะได้เผชิญหน้ากับความตายในอีกไม่นาน และเขาต้องเข้มแข็งมากพอที่จะรับมือ ประมาณสองนาทีต่อมา เขาเดินหน้าซีดออกมาจากห้องนั้น เขาสูดหายใจลึก พยายามไล่กลิ่นคาวของเลือดที่เต็มในโพรงจมูกออกไป
"เป็นไงล่ะฮึ?" เขาหัวเราะตัวเองขณะเริ่มตรวจดูห้องอื่น ๆ
ห้องอื่น ๆ เป็นแค่ที่ซุกหัวนอนของพวกโจร ด้านในไม่มีอะไรมากไปกว่าเตียงและเครื่องนอน ยกเว้นห้องเดียวที่ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่เก็บอุปกรณ์ ฉินหรานพบเลื่อย พลั่ว และถังน้ำมันหลายถังในนั้น แต่ที่สำคัญที่สุด เขาเจอรถเข็น นี่ทำให้เขาคิดอะไรออก
ด้วยจำนวนของเสบียงที่เขาเจอในห้องของอีแร้ง กระเป๋าสะพายหลั้ของเขาไม่ได้ใหญ่พอที่จะใส่ทุกอย่างได้ แต่ถ้าเขาใช้รถเข็นคันนี้ เขาสามารถเอาเสบียงไปได้อย่างน้อย ๆ ก็ครึ่งหนึ่ง ฉินหรานเอาพลั่วและเลื่อยใส่ลงในรถเข็นก่อนที่จะเข็นไปที่ห้องของอีแร้ง เครื่องมือพวกนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต และถ้าถังน้ำมันไม่หนักขนาดนั้นฉินหรานก็อาจจะเอามันไปด้วยเหมือนกัน
ภายในห้องของอีแร้ง แม็กกี้ยังนั่งอยู่บนเตียง เธอไม่ได้ขยับตัวสักนิ้วตั้งแต่ฉินหรานออกไปจัดการกับโจรพวกนั้น ตอนที่เธอได้ยินเสียงระเบิดจากด้านนอกและจากนั้นก็เห็นฉินหรานเดินเข้ามาพร้อมรถเข็น สีหน้าของเธอก็หมองลง เธอถึงกับขยับถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ
แม็กกี้อาจจะซ่อนตัวอยู่ตลอดตั้งแี่เกิดสงครามแต่เธอไม่ได้โง่ เธอรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกเมื่อสักครู่ ฉินหรานสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวและความกลัวที่ซ่อนในสายตาของเธอ เขาไม่ได้อธิบายอะไรออกไป เขายังไม่เชื่อใจเธอนัก ดังนั้น จะเป็นการดีที่สุดที่ปล่อยให้เธอกลัว และเขาก็สั่งงานเธอท
"ช่วยผมเอาน้ำและอาหารลงรถเข็นหน่อย" เขาบอกแม็กกี้ ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค แม็กกี้ก็เตรียมตัวขนเสบียงลงรถเข็นแล้ว เธอดูกลัวขณะมองฉินหรานหยิบเลื่อยและพลั่วออกมา เธอรีบร้อนจนไม่แม้กระทั่งจะสวมรองเท้า ฉินหรานเองก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาเองก็เริ่มขนย้ายเสบียงลงรถเข็นด้วย
ในเวลาแค่ไม่ถึงสองนาที เสบียงครึ่งหนึ่งก็ถูกย้ายมาไว้ในรถเข็น ตามที่ฉินหรานคำนวณ ทั้งหมดนี่น่าจะพอให้เขาและคอลลีนอยู่ได้ราว ๆ หนึ่งเดือน
"ไม่เลว!" เขาบอกกับตัวเองเงียบ ๆ ขณะยกกระเป๋าอัญมณีและเลื่อยกับพลั่ววางด้านบนสุดของรถเข็น หลังจากเรียงปืนที่เหลือลงไปเขาก็พร้อมที่จะกลับออกไปแล้ว
"ขอบคุณที่ช่วยขนของลงรถเข็นนะ เสบียงที่เหลือนั่นเป็นของคุณแล้ว ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะออกจากที่นี่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น" ฉินหรานพูดก่อนจะจากมาพร้อมรางวัลของเขา
พอฟ้าสาง พวกกบฏคงมาถึงและพวกมันก็จะพบว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก เขาสามารถจินตนาการถึงโทสะบนใบหน้าของพันตรีหัวหน้าพวกมันได้เลยเมื่อพันตรีรู้ความจริง
ใครที่ยังรั้งอยู่ที่นี่ต้องจบลงด้วยความตายแน่นอน
ถ้าเป็นแค่พวกโจรเขาคงไม่สนใจ แต่แม็กกี้เป็นชาวเมืองและเขาคิดว่าเขาควรจะเตือนเธอสักหน่อย นี่เป็นทั้งหมดที่เขาสามารถทำให้เธอได้ ฉินหรานเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดในช่วงเวลาเลวร้ายนี่เหมือนกัน
ฉินหรานเข็นรถที่เต็มไปด้วยของที่ลูทมาได้ออกจากชั้นเก็บของใต้ดินและวางสไนเปอร์ไรเฟิลดัดแปลงไว้ด้านบนสุด เขาพร้อมที่จะกลับที่ซ่อนแล้วตอนที่แม็กกี้วิ่งตามเขามาพร้อมกับห่อของบนหลัง ห่อผ้านั่นทำจากผ้าปูเตียงที่เธอเจอในห้องของอีแร้ง
"ฉัน.. ฉันไปกับคุณได้ไหม?" เธอถามฉินหรานด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก กลัวว่าเขาจะปฏิเสธ เธอยังกลัวเขาอยู่ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น หลังจากถูกจับมาโดยพวกของอีแร้งและทุกอย่างที่ตามมา สัญชาตญาณของเธอบอกว่าเธอไม่ควรอยู่ในสถานที่อันตรายแบบนี้ต่อ เธอควรเก็บเสบียงที่เหลือทั้งหมดมุ่งกลับที่ซ่อนเดิมของเธอ แต่จะเกิดอะไรขึ้นอีกถ้าเสบียงหมด? เธอก็ต้องออกจากที่ซ่อนอีกครั้ง เอาตัวไปเสี่ยงอันตราย เธอจะโชคดีมีคนมาช่วยเธออีกครั้งเหมือนที่ฉินหรานเพิ่งทำเหรอ?
คำตอบคือไม่
เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอันตรายแบบนั้นในอนาคต สู้เธอข่มความกลัวลงและตามเขาไปตอนนี้ดีกว่า เธออาจจะกลัววิธีเอาชีวิตรอดของเขา แต่ฉินหรานก็พิสูจน์ว่าตัวเองแล้วว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษพอ เธออาจจะรู้สึกหวาดระแวงเมื่ออยู่กับเขา แต่เขาไม่มีอันตรายเมื่อเทียบกับโจรพวกนั้นที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อ หลังจากลังเลนิดหน่อย เธอก็รีบตามเขามา
"ฉันเป็นพยาบาล ฉันมีความรู้ทางการแพทย์และรู้วิธีรักษาแผล!" เธอพยายามบอกประโยชน์ของตัวเองต่อเขา
และเธอทำสำเร็จ
เมื่อคิดว่าชาวเมืองทุกคนสามารถกลายเป็นโจรได้ ฉินหรานจึงไม่ได้วางแผนให้ใครเข้าร่วมกลุ่มกับเขาอีกนอกจากคอลลีนที่ผ่านสถานการณ์เป็นตายมาด้วยกัน อย่างไรก็ตาม เขาจำเป็นต้องมีทักษะมากขึ้นถ้าเขาอยากแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้สกิลรักษามาอยู่ต่อหน้าเขาแล้วเขาไม่อยากพลาดมันไป เขาไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยในการต่อสู้ภายภาคหน้า
ถ้าไม่ใช่เพื่อสกิลรักษาและฉินหรานไม่แน่ใจว่าการรักษาบาดแผลในเกมนี้นั้นทำอย่างไร เขาคงลองใช้กริชกรีดตัวเองเป็นแผลไปแล้ว ตอนนี้เขามีบางคนที่สามารถสอนทักษะการรักษากับเขา และเขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้
"ได้!" เขายังคงเข็นรถไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาใช้เวลาไปครู่ใหญ่กว่าเขาจะรู้ตัวว่าแม็กกี้ยังยืนเหม่ออยู่ที่เดิมที่เขาผละมา
"รีบหน่อย!" เขาบอกเธอ
"ขะ.. ค่ะ!" เธอพยักหน้าและรีบตามเขามา เธอไม่รู้ว่าทำไมฉินหรานถึงตอบตกลง แต่เธอก็ไม่อยากพลาดโอกาสอยู่ดี ฝีเท้าเธอเร่งขึ้นจนตามเขาทัน ทั้งสองคนรีบจ้ำเท้าหายลับไปในความมืด
ประมาณสิบนาทีหลังจากพวกเขาออกจากห้างสรรพสินค้า มีเงาร่างหนึ่งในเสื้อคลุมลายพรางปรากฏตัวขึ้นที่หน้าตึก เงานั้นตรวจดูรอบ ๆ เร็ว ๆ และเหมือนจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง มันเข้าไปข้างในตึกและกลับออกมาหลังจากนั้นครู่หนึ่ง
...
"นายฆ่าอีแร้งไปแล้ว!?" คอลลีนไม่สามารถเก็บซ่อนความประหลาดใจไว้ได้เมื่อเจอกับฉินหรานอีกครั้ง ดวงตาสีเทาของเธอแสดงความแปลกใจ
"แน่นอนสิ ไม่อย่างนั้นคุณว่าผมจะเอาไปของพวกนี้มาจากไหน งานอีเว้นท์ในห้างเหรอ?" ฉินหรานยิ้ม ตบมือลงบนรถเข็นตรงหน้า
"ไม่น่าเชื่อ!" แม้เธอจะแสดงความตื่นเต้นออกมา แต่เธอก็ยังอดสังเกตร่างที่ยืนอยู่ข้างหลังฉินหรานไม่ได้ นั่นคือแม็กกี้ที่ทำให้เธอหายใจสะดุด แม้ว่ามันจะมืด คอลลีนก็ยังบอกได้ว่าแม็กกี้เป็นคนสวย ร่างกายบอบบางน่าสงสารนั่นทำให้เธอดูน่าประทับใจมากขึ้น คอลลีนรู้ว่าผู้หญิงแบบนี้ดึงดูดความสนใจของผู้ชายได้ดีที่สุด
มันไม่ใช่แค่หน้าตาหรือรูปร่างของผู้หญิง แต่เป็นกริยาท่าทางที่กระตุ้นสัญชาตญาณอยากปกป้องของผู้ชายขึ้นมา ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งครอบครองใบหน้าและรูปร่างงดงาม และมีกริยาท่าทางที่เหมาะสมก็จะดึงดูดความสนใจของผู้ชายได้เหมือนดอกไม้ดึงดูดผึ้ง เห็นได้ชัดเจนว่าแม็กกี้เป็นผู้หญิงแบบนั้นแหละ
"เธอเป็นใครน่ะ?" คอลลีนแอบสบถ แต่เธอก็พยายามทำตัวให้ดูเป็นมิตรและเข้ากับคนง่าย เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นคู่หูกับฉินหราน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากดูหยาบคายต่อหน้าเขา แบบที่จะทำให้เขาตกใจหนีไป เธอต้องดูเป็นผู้หญิงที่ใจดีและเป็นมิตร เธอถึงจะใกล้ชิดกับฉินหรานได้มากขึ้น
จนกระทั่งเธอ...
อะแฮ่ม..
คอลลีนไม่เคยเป็นผู้หญิงใสซื่ออยู่แล้ว เธอมีประสบการณ์ในการรับมือผู้ชายมากมายตอนที่เธอยังเตร็ดเตร่อยู่ตามถนน
"นี่แม็กกี้ ผมเจอเธอที่ฐานที่มั่น เธอถูกอีแร้งจับมา เธอเป็นพยาบาลและรู้วิธีรักษาแผล ผมคิดว่าเธอจะเป็นประโยชน์กับเราก็เลยให้เธอตามมาด้วย" ฉินหรานแนะนำแม็กกี้ พอเขาพูดจบ คอลลีนยิ้มกว้างกว่าเดิม ฉินหรานไม่ได้พาแม็กกี้กลับมาเพราะหน้าตาของเธอแต่เพราะเธอเป็นพยาบาลและเขาคิดว่าเธอจะเป็นประโยชน์กับพวกตน
"ยินดีต้อนรับนะแม็กกี้ ฉันคอลลีน!" คอลลีนพูด เธอทำเหมือนกำลังพูดกับสาวใช้สักคน
.
.
.
.