ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 29 กำลังรบโผทะยาน
ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 29 กำลังรบโผทะยาน
เขาเห็นว่าเสื้อผ้าของกู่หยางปลิวไสวโดยไม่ต้องใช้ลม
ต่อจากนั้น เขาก็เห็นว่าพลังในร่างกายของกู่หยางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขอบเขตรวมปราณระดับ 4
ขอบเขตรวมปราณระดับ 5...
พลังพุ่งพรวดราวกับติดจรวด
ฉากนี้ยังตกอยู่ในสายตาของศิษย์สำนักตะวันพิสุทธิ์ทุกคน
พวกเขาตะลึงงัน
"เกิดอะไรขึ้น?"
"มันเกิดอะไรขึ้น?"
"เด็กคนนี้...ซ่อนพลังไว้หรือ?"
"พูดว่าซ่อนก็ไม่ถูก ดูเหมือนว่า...เขากำลังพัฒนา?"
"มีวิธีพัฒนาแบบนี้ด้วยรึ?"
"นี่... ตอนนี้เขาทะลวงถึงขอบเขตรวมปราณระดับ 8 แล้ว!"
"เขาใช้โอสถรึ!?"
ศิษย์สำนักตะวันพิสุทธิ์ทุกคนต่างก็เบิกตากว้าง
ชัดเจนว่าเมื่อครู่นี้กู่หยางยังอยู่แค่ขอบเขตรวมปราณระดับ 3
แต่ไม่ถึงนาทีเดียว กู่หยางก็พัฒนาขึ้นไปถึงขอบเขตรวมปราณระดับ 8 และยังไม่มีท่าทีจะหยุด!
สุดท้าย ในสายตามี่ตกตะลึงของศิษย์สำนักตะวันพิสุทธิ์ทุกคน
พลังของกู่หยางก็หยุดเพิ่มในที่สุด
ขอบเขตรวมปราณระดับ 9 ขั้นสูงสุด!
ทัดเทียมกับพลังของอวิ๋นซาน
เห็นสิ่งนี้ ศิษย์สำนักตะวันพิสุทธิ์ทุกคนก็ตะลึง
แม้แต่อวิ๋นซานก็กำหมัดแน่น
เขาไม่อาจเชื่อสิ่งที่เห็น
มันเกิดอะไรขึ้น?
เด็กคนนี้...ทำไมถึงทำให้พลังพุ่งพรวดขึ้นมาได้?
และ...
มันชัดเจนว่าไม่ใช่พลังที่ได้มาจากโอสุ ปราณแท้นั้นหนาแน่นและมั่นคงมาก!
การใช้โอสถไม่มีทางได้พลังอำนาจที่มั่นคงขนาดนี้
และเขาก็ไม่เห็นกู่หยางกินโอสถเลย
เขามีคำถามมากมายในหัว
ในขณะเดียวกัน
เมื่อกู่หยางรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตน
เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"แค่ขอบเขตรวมปราณระดับ 9 ขั้นสูงสุดเท่านั้นหรือ?"
กู่หยางรู้สึกเหนื่อยหน่าย
นี่คือผลลัพธ์ของการฝึกฝนมาหนึ่งร้อยปี
กล่าวคือหลังจากหนึ่งร้อยปี เขาเพิ่งจะฝึกฝนได้ถึงขอบเขตรวมปราณระดับ 9 ขั้นสูงสุด?
"นี่มันเกินไปหน่อยกระมัง"
กู่หยางรู้สึกหงุดหงิดกับรากฐานตนเองอย่างยิ่ง
หนึ่งร้อยปีบรรลุเพียงขอบเขตรวมปราณระดับ 9 ขั้นสูงสุด
หากไม่มีความสามารถในการปรับแต่งกาลเวลา...
ก็เกรงว่าตนจะถูกจำกัดอยู่ที่ขอบเขตรวมปราณเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เขายังพบว่าหลังจากเพิ่มพลัง ปราณแท้ของเขาก็หนาแน่นและบริสุทธิ์มาก ขอบเขตก็ค่อนข้างมั่นคง ไม่มีความรู้สึกว่างเปล่าเลย
ชัดเจนว่าการเพิ่มพลังเช่นนี้ไม่ได้ดูดซับหินวิญญาณหรือโอสถ
เป็นการเพิ่มพลังที่พื้นฐานที่สุด
กล่าวคือ ทั้งหมดอาศัยการดูดซับปราณวิญญาณจากธรรมชาติ ค่อย ๆ สะสมขึ้นมาเท่านั้น
ดังนั้นจึงมีรากฐานที่มั่นคงขนาดนี้
"ดูเหมือนว่าการเพิ่มฐานพลังบำเพ็ญเพียรหลังจากการปรับแต่งจะคำนวณตามอัตราการบำเพ็ญเพียรพื้นฐานที่สุด ไม่รวมหินวิญญาณและโอกาสที่จะได้รับเข้ามา"
คิดถึงสิ่งนี้ กู่หยางก็เบิกตากว้าง
ดังนั้น...
การเพิ่มคุณสมบัติพื้นฐานของตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ
ไม่อย่างนั้นทุกครั้งที่ปรับแต่งฐานพลังบำเพ็ยเพียร เขาจะเสียเปรียบ!
ยิ่งคุณสมบัติสูง ผลประโยชน์ที่ได้จากการปรับแต่งก็ยิ่งมาก!
ต้องทำให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด
ขณะที่กำลังคิดอยู่
งอวิ๋นซานก็กัดฟัน
เมื่อสักครู่เขายังเยาะเย้ยว่ากู่หยางไม่มีพลังอำนาจเท่าตน
ใครจะคิดว่ากู่หยางจะพัฒนาขึ้นในรวดเดียว
และไม่เห็นกู่หยางกระตุ้นวิชาเลยด้วยซ้ำ
จู่ ๆ พลังก็พุ่งพรวดขึ้นมา
ตรงไปยังระดับเดียวกับเขา!
ตอนนี้เริ่มยุ่งยากแล้ว!
แต่เขาก็มั่นใจในวิธีการของตัวเอง
ถ้าหาก...
ใช้ไพ่ตายของตัวเองอีกครั้ง!
ถึงแม้ว่าการใช้สองครั้งในหนึ่งวันจะทำให้ร่างกายรับภาระมหาศาล แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจอะไรแล้ว
คิดเช่นนี้ อวิ๋นซานก็ไม่ลังเล ลงมือทันที!
ฟรึบ!
ร่างของอวิ๋นซานพุ่งไปที่กู่หยางอีกครั้ง
ดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
เขายกมือขึ้นอีกครั้ง ต้องการเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่กู่หยางยังไม่ได้ตอบสนองทัน และจะใช้หมัดเดียวสังหารอีกฝ่าย!
และกู่หยางก็เหมือนไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำของเขาเช่นกัน
เขาจึงรู้สึกยินดีในใจ
จากนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวตรงหน้ากู่หยางอย่างรวดเร็ว
เขาคิดในใจ ใช้ทุกไพ่ตายที่มีอยู่ทั้งหมด
ทุกอย่างรวมอยู่ในหมัดนี้!
"อำนาจภูผา!"
เขาเบิกตากว้าง ในใจเต้นแรงด้วยความโกรธ
หมัดที่เต็มไปด้วยพลังร้ายแรงกระหน่ำใส่กู่หยาง
ด้วยระยะใกล้ชิดในตอนนี้
แม้ว่ากู่หยางจะตอบสนองทัน ก็ต้องไม่สามารถรับมือกับหมัดนี้ได้!
หมัดนี้ของเขา...สามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับ 2 อย่างหมีวัชระได้!
ดวงตาของอวิ๋นซานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เพียงแค่ฆ่ากู่หยาง กระบี่วิญญาณระดับต่ำนั้นก็จะเป็นของเขา!
และอาจจะ...
ยังได้ความลับของกู่หยางที่ทำให้พลังเพิ่มพูนอย่างรวดเร็วอีกด้วย!
ชั่วขณะหนึ่ง เขาราวกับเห็นอนาคตที่สดใสของตัวเองแล้ว!
เพียงแค่ฆ่ากู่หยาง...
เขาก็จะมีอนาคตที่ไม่สิ้นสุด!
แต่กู่หยางกลับสังเกตเห็นการกระทำของอวิ๋นซาน
หมัดของอีกฝ่ายแน่นอนว่ามีพลังอำนาจมากมาย
แต่ตอนนี้เขามีกำลังรบเพิ่มขึ้นแล้ว
หมัดนี้ในสายตาของเขา...
ก็เป็นเพียงหมัดเด็กน้อยเท่านั้น
กู่หยางมีสีหน้าเรียบเฉย
จากนั้นก็ประเคนหมัดออกไปช้า ๆ
ปัง!
หมัดทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ
เห็นฉากนี้ ดวงตาของอวิ๋นซานไม่ใช่ตกใจแต่กลับดีใจ
"ตายเสีย!"
อำนาจภูผาเป็นวิชาหมัดที่พิเศษ
ภายนอกอาจจะไม่ยิ่งใหญ่ แต่กลับมีพลังลับแอบแฝงอยู่
หากพลังลับระเบิดออกมา มันจะมีอำนาจร้ายแรงอย่างมาก!
สิ่งสำคัญที่สุดคือยากต่อการป้องกัน
เมื่อถูกโจมตี แทบจะไม่มีทางหนี!
ดังนั้นเมื่อเห็นกู่หยางโต้หมัดตอบ เขาจึงยินดี
เพราะสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือ กลัวพลาดเป้า
ตอนนี้หมัดกลับเข้าเป้าอย่างจัง เขาคิดว่า...กู่หยางต้องตายอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดได้ เขาก็เตรียมจะปล่อยพลังลับในหมัด
แต่ในขณะนั้น เขาก็เบิกตาโตขึ้น
เพราะพลังที่ส่งมาจากหมัดขวาของอีกฝ่าย...
น่าสะพรึงกลัวจนถึงขีดสุด!
ถึงขนาดที่ห้อมล้อมหมัดของเขาเพียงไม่กี่วินาทีก็ระเบิดออก!
ตามมา...
พลังดุร้ายนั้นตกลงบนหมัดขวาของเขา!
แกร๊ก!
เสียงกระดูกแตกดังขึ้นทันที
มือของเขาเบี้ยวงอในบัดดล
พลังหมัดร้ายแรงยิ่งกว่าพุ่งตรงไปที่หน้าผากของเขา!
ปัง!
ก่อนที่จะรู้สึกเจ็บปวด
พลังหมัดนั้นก็ทำให้หัวของอวิ๋นซานระเบิด!
สมองและเลือดเนื้อผสมกันกระจายไปทั่วพื้น
และศพของอวิ๋นซานก็ล้มลง
เมื่อฉากนี้เกิดขึ้น ทั่วบริเวณจึงเงียบกริบ
แต่ความเงียบนี้มีเพียงไม่กี่วินาที
เสียงกรีดร้องตกใจก็ดังขึ้น
"อวิ๋น...อวิ๋นซานถูกฆ่า!"
"วิ่งเร็ว!"
"แยกย้าย รีบถอย!"
ศิษย์สำนักตะวันพิสุทธิ์ที่ยังคงเฝ้าดูตอนนี้ไม่กล้าหยุด ทำการรีบหนีไป
กู่หยางไม่คิดจะปล่อยใครไว้
ไพ่ตายของเขาถูกเปิดเผยต่อสายตาอีกฝ่าย หากปล่อยไว้ นี่จะกลายเป็นการปล่อยเสือกลับป่า
และพลังของคนเหล่านี้ก็ไม่ถือว่าแข็งแกร่งนัก
ในสายตาของกู่หยาง มันก็เหมือนกับบีบมดเท่านั้น ไม่มีอะไรยาก
กู่หยางหยิบกระบี่วิญญาณระดับต่ำขึ้นมา
ศพของศิษย์สำนักตะวันพิสุทธิ์กว่าสิบคนก็นอนกองอยู่บนพื้น
ศพกระจัดกระจายเต็มพื้น โลหิตเปื้อนดินหลั่งไหลเป็นสายน้ำ
กลิ่นเลือดก็เข้มข้นมาก
แต่กู่หยางชินกับฉากนี้แล้ว
เมื่อหมดสิ่งขัดขวาง เขาลงมือเก็บบุปผาหลอมกระดูกที่อยู่ไม่ไกลทันที
“เป็นการดีที่สามารถเพิ่มคุณสมบัติรากกระดูกได้”
กู่หยางมีแววตายินดีและเสียดายเล็กน้อย
หากเขาได้บุปผาหลอมกระดูกนี้มาก่อนที่จะปรับปรุงพลังอำนาจของตัวเอง...
คงได้พลังอำนาจมากขึ้นกว่านี้อีก
แต่ก็ไม่มีทางเช่นกัน
หากไม่ปรับแต่ง ก็คงจะไม่ได้รับบุปผาหลอมกระดูกมา
ได้มาก็ต้องเสียไป ถือว่ายุติธรรม