บทที่ 40: จงรับบทลงโทษ!
บทที่ 40: จงรับบทลงโทษ!
ซูฟ่านพาทุกคนไปยังห้องที่ใหญ่ที่สุดซึ่งจัดเป็นห้องรับแขก
หลังจากที่พวกเขานั่งลง ซูฟ่านก็มองไปที่คู่รักคู่นี้ซึ่งมักจะแสดงความรักของพวกเขาและพูดว่า “พวกเจ้าสองคนออกไปกันเต็มที่เลยนะ”
“พวกเจ้าพบเหล็กวิญญาณอีกไหม? ข้าจะซื้อส่วนที่เหลือในราคาตลาดให้” ซูฟ่านมองไปที่ทั้งสอง เขาสังเกตเห็นคราบดินบนชิ้นส่วนของเหล็กวิญญาณซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันถูกขุดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ
คู่สามีภรรยามองหน้ากันและทั้งคู่ก็ยักไหล่
“เราพบสิ่งนี้เพียงอันเดียวและเราก็ได้นำมันทั้งหมดมาให้พี่ซู” มู่หรงเฉียนเอ๋ออุทานเบาๆ ด้วยนัยน์ตาแห่งความโศกเศร้า
ซูฟ่านมองไปที่หวังยู่หลุนซึ่งพยักหน้าเช่นกัน
“พวกเจ้าไม่คิดจะผ่ามันออกแล้วเอาอีกครึ่งไปขายบ้างหรอ? ข้าจำได้ว่าพวกเจ้าสองคนไม่ได้ร่ำรวยนี่”
“พวกเจ้าสองคนซื่อสัตย์และช่างใจกว้างจริงๆ” ซูฟ่านถอนหายใจ โดยเดาว่านี่เป็นวิธีการตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตพวกเขาไว้
“ฮ่าฮ่า ท่านแค่รับมันไว้ก็พอแล้ว”
“พี่ซูเป็นอัจฉริยะ และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านก็ช่วยเหลือพวกเราเอาไว้มากมาย ตอนนี้ในที่สุดเราก็มีโอกาสที่จะตอบแทนท่านแล้ว ดังนั้นเราจะไม่ยอมพลาดแน่” หวังยู่หลุนพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“ข้าขอยอมรับความกรุณาของเจ้า”
“เพราะฉะนั้น ถ้าข้าให้ของขวัญแก่พวกเจ้าทั้งสองคน พวกเจ้าก็อย่าปฏิเสธมันล่ะ” ซูฟ่านคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ด้วยเหล็กวิญญาณชิ้นนี้ สิ่งประดิษฐ์หลายอย่างที่ข้าวางแผนไว้ก็จะสามารถกลายเป็นจริงได้ ส่วนเศษที่เหลือก็ยังเพียงพอที่จะสร้างสิ่งประดิษฐ์สองชุดให้กับพวกเจ้าด้วย”
“สิ่งประดิษฐ์อะไรกัน?” แน่นอนว่าหวังยู่หลุนซึ่งมักจะพูดคุยกับซูฟ่านย่อมเดาได้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไร
“ก็ชุดสิ่งประดิษฐ์และยาสำหรับตระกูลเจ้าไง” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าจะจัดการเรื่องสิ่งประดิษฐ์และยาทั้งหมดให้เจ้าก่อนที่เจ้าจะไปถึงขอบเขตแก่นแท้ทองคำเอง”
“ตอนนี้ข้าดำรงอยู่ในระดับปรมาจารย์ทั้งในด้านการปรุงยาและการสร้างสิ่งประดิษฐ์แล้ว” ซูฟ่านเปิดเผยรอยยิ้มลึกลับ
“จริงหรอ? ขอบพระคุณพี่ซู” หวังยู่หลุนกล่าวอย่างตื่นเต้น สิ่งประดิษฐ์และยาของซูฟ่านนั้นสามารถช่วยเขาและเฉียนเอ๋อในการฝึกฝนได้อย่างมาก
ในขณะนี้ ซูกังก็เดินเข้ามาพร้อมกับจานผลไม้
“ข้าพบต้นผลไม้อยู่ข้างนอก และผลไม้บนนั้นก็มีรสชาติอร่อยมากเลย ดังนั้นข้าจึงเอาพวกมันบางส่วนมาให้ท่านอาจารย์และผู้อาวุโสลอง” วูกังกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เรียบง่าย ในช่วงอาการโคม่าของซูฟ่าน ปู่ของเขาก็ได้บอกเขาหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำหลังจากกลายเป็นลูกศิษย์ของเซียน และเขาก็เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ในใจอย่างแน่วแน่
“ขอบคุณมาก เจ้ากลับไปเล่นกับน้องสาวตัวน้อยของเจ้าเถอะ เดี๋ยวเราจะกินพวกมันแน่”
ซูฟ่านเห็นสิ่งประดิษฐ์กล่องอาหารที่มู่หรงเฉียนเอ๋อวางไว้อยู่บนโต๊ะ
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ซูกังวิ่งออกไปอย่างมีความสุข
“เขายังเด็กอยู่จริงๆ” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาดูร่างที่กระโดดเล่นไปมาของซูกัง
“ดูเหมือนว่าพี่ซูจะพอใจกับลูกศิษย์สองคนนี้มากเลยสินะ” หวังยู่หลุนกล่าว
“ในแง่ของพรสวรรค์ เด็กสองคนนี้ก็ถือว่าธรรมดา”
“แต่ในโลกแห่งการฝึกตน พรสวรรค์ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดสิ้นสุด” ซูฟ่านถอนหายใจยาวและมองกลับมาที่ตัวเอง
“พี่ซู ตอนนี้ท่านมีลูกศิษย์สองคนแล้ว ท่านอยากจะรับลูกศิษย์คนที่สามเพิ่มไหม?” มู่หรงเฉียนเอ๋อกล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยาของเขา หวังยู่หลุนก็ยืนขึ้นโดยทันทีและยิ้มอย่างโง่เขลา
“ศิษย์คนที่สาม? พวกเจ้าจะแนะนำใครให้ข้ารู้จักกันล่ะ?” ซูฟ่านถามอย่างสงสัย
หวังยู่หลุนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ มู่หรงเฉียนเอ๋อลูบท้องของเธออย่างมีความสุข ท่าทางที่เรียบง่ายนี้ทำให้ซูฟ่านรู้สึกเหมือนวิญญาณของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว แค่ส่งเด็กคนนี้มาเมื่อเขาอายุได้หกขวบก็พอ” ซูฟ่านพูดด้วยรอยยิ้มฝืนใจ เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่รับปากว่าจะดูแลพวกเขาทั้งครอบครัวไปก่อนหน้านี้ สามีภรรยาคู่นี้ไม่เหลือที่ว่างให้เขาได้ปฎิเสธเลย
“ขอบพระคุณพี่ซู” หวังยู่หลุนกล่าวอย่างมีความสุข
หลังจากพูดคุยกันสักพักก็ถึงเวลาอาหารเย็น ซูฟ่านเรียกพี่น้องที่กำลังเล่นอยู่ข้างนอกเข้ามาและเริ่มกินข้าวกัน
หลังจากมื้ออาหารผ่านไป ซูฟ่านก็คิดว่าคู่รักจะมุ่งหน้ากลับไปยังรังรักของพวกเขาเลย แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ลังเลของหวังยู่หลุน เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างที่พวกเขายังต้องพูดคุยกันอีก”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องลังเลเรื่องระหว่างเรา แค่พูดในสิ่งที่เจ้าคิดออกมาก็พอ” ซูฟ่านกล่าวและมองไปที่หวังยู่หลุน
“พี่ใหญ่ซู ถ้าท่านทุ่มแรงเต็มที่ ท่านคิดว่าข้าจะทนได้นานแค่ไหน?” หวังยู่หลุนถาม ตอนนี้เขาอยู่ที่ขอบเขตฝึกปราณขั้นเก้าแล้ว ขณะที่ซูฟ่านอยู่ที่ขอบเขตฝึกปราณขั้นแปด เขาคิดว่าอย่างน้อยเขาก็จะสามารถอดทนได้สักห้าลมหายใจ
“ทำไมเจ้าถึงถามคำถามแปลกๆ แบบนี้ล่ะ? มันไม่เกี่ยวกับว่าเจ้าจะทนได้นานสักแค่ไหน” ซูฟ่านเลิกคิ้ว โดยคิดว่าเด็กคนนี้แค่มองหาความอัปยศให้กับตัวเอง
“ข้าแค่อยากจะรู้ ถ้าพี่ใหญ่ซูใช้พลังทั้งหมด ข้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน?” หวังยู่หลุนยืนกราน
“เมื่อพิจารณาถึงช่องว่างระหว่างเรา ถ้าข้าต้องให้คำตอบเจ้า มันก็คงจะใช้เวลาสักพริบตาหนึ่ง” ซูฟ่านคิดเล็กน้อยก่อนที่จะตอบ พริบตาหนึ่งของเขามีค่าประมาณ 0.018 วินาที
พริบตาหนึ่ง!
หวังยู่หลุนรู้สึกเหมือนโดนดูถูก
“พูดให้ถูกก็คือ เมื่อเจ้าสบตาข้า เจ้าก็ได้แพ้ไปแล้ว” ซูฟ่านกล่าวอย่างสงบ ในตอนนี้ คู่ต่อสู้ในขอบเขตเดียวกันก็ไม่สมควรที่จะยืนต่อหน้าเขา
“พี่ใหญ่ซู ข้าปฏิบัติต่อท่านเป็นเหมือนพี่ชาย แต่ท่านกลับดูถูกข้า” หวังยู่หลุนเริ่มโกรธเล็กน้อยและอยากจะยืนหยัดเพื่อท้าทายซูฟ่าน เขาต้องการแสดงให้ซูฟ่านเห็นว่าเขาไม่ใช่หวังยู่หลุนคนเดิมกับเมื่อสามปีที่แล้ว
“ลืมมันไปเถอะ ออกไปข้างนอกแล้วสู้กันให้มันจบๆ ไป มันจะเป็นโอกาสที่ดีในการขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของเจ้าด้วย”
เมื่อพูดจบ ซูฟ่านก็พาพวกเขาไปยังพื้นที่เปิดโล่งด้านนอก ภายใต้การควบคุมของซูฟ่าน หุ่นเชิดดินยักษ์ก็ได้เปลี่ยนพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นลานราบเรียบ
ซูฟ่านและหวังยู่หลุนเผชิญหน้ากัน
“พี่ใหญ่ซู เตรียมตัวให้พร้อม หากท่านไม่สามารถเอาชนะข้าได้อย่างที่พูด ท่านก็จะต้องขอโทษข้า” หวังยู่หลุนกัดฟันและพูด ตอนนี้เขามีความมั่นใจสูงมาก และเมื่อบวกกับกระบี่พันคม เขาก็มั่นใจว่าเขาจะไม่แพ้ให้กับคนในขอบเขตเดียวกัน
ด้วยความแข็งแกร่งนี้ ใครกันจะสามารถเอาชนะเขาได้?
“ก็ได้ แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าก็ต้องยอมรับบทลงโทษนะ”
เมื่อซูฟ่านสะบัดมือ ขนนกที่ดูเลือนลางก็ปรากฏขึ้นในอากาศระหว่างทั้งสองและลอยไปที่พื้น
หวังยู่หลุนเฝ้าดูขนนกอย่างตั้งใจ ขณะเดียวกัน เขาก็เตรียมพร้อมที่จะโจมตีในทันทีที่ขนนกตกถึงพื้น
สำหรับซูฟ่าน เขาก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบายๆ
เมื่อขนนกกำลังจะร่วง ซูฟ่านก็เตือนว่า “ระวังการโจมตีวิญญาณ”
“ข้ารู้” หวังยู่หลุนสวมสิ่งประดิษฐ์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจมตีทางวิญญาณโดยเฉพาะ
เมื่อขนนกแตะพื้น เสียงกระจกแตกก็สะท้อนออกมา สิ่งประดิษฐ์ป้องกันวิญญาณของหวังยู่หลุนแตกสลายลงโดยทันทีและทำให้ดวงตาของเขาว่างเปล่า
“ข้าบอกเจ้าแล้ว”
“เอาล่ะ เพื่อเป็นการลงโทษสำหรับผู้แพ้ จงเต้นเพื่อทำให้ทุกคนมีความสุขซะ” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่คำพูดของเขาจบลง เงา1สาวงามที่แต่งตัวอย่างงดงามทั้งสิบคนก็ปรากฏขึ้นรอบๆ หวังยู่หลุน
สีหน้าที่ดูสับสนของหวังยู่หลุนแต่เดิมเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าเย้ายวนโดยทันที
และในขณะนี้ เมื่อบทเพลงอันไพเราะเริ่มบรรเลง รูปร่างอันสง่างามของ หวังยู่หลุนก็เริ่มแกว่งและโยกย้ายไปมาตามจังหวะเพลง เขาเต้นรำท่ามกลางเงาหญิงสาวสวย ท่าเต้นที่มีเสน่ห์และเย้ายวนของเขายังทำให้มู่หรงเฉียนเอ๋อหน้าแดงเล็กน้อย
เมื่อเห็นหวังยู่หลุนเต้นอย่างเย้ายวน ซูฟ่านก็ลูบคางของเขาแล้วพูดว่า “ดูเหมือนเขาจะมีพรสวรรค์อื่นนอกเหนือจากการฝึกตนเหมือนกันนะ”