บทที่ 37: สิ่งประดิษฐ์ช่วยชีวิต
บทที่ 37: สิ่งประดิษฐ์ช่วยชีวิต
ซูฟ่านกลับไปที่ยอดเขาของเขาเองและพบว่ากวางดอกเมฆาที่เขาเลี้ยงอย่างอิสระกำลังเดินเล่นไปมารอบๆ ทางเข้า
หลังจากกลับมาจากดินแดนลับ ซูฟ่านก็ได้ปล่อยกวางดอกเมฆาเพื่อให้มันได้เดินเตร่อย่างอิสระในเทือกเขา
และเพื่อรับรองความปลอดภัยของมัน ซูฟ่านจึงได้สร้างสิ่งประดิษฐ์เพื่อเสริมความเร็วให้กับมันด้วย ด้วยสิ่งนี้ มันก็จะไม่มีผู้ฝึกตนขอบเขตฝึกปราณคนใดตามมันทัน
“หยิงหยิง เจ้าคิดถึงข้าหรอ?” ซูฟ่านลูบหัวกวางดอกเมฆาแล้วยิ้ม เมื่อเห็นว่าแหวนคุมอสูรที่กวางดอกเมฆาสวมใส่ไว้นั้นยังไม่บุบสลาย เขาจึงคลายความกังวลในใจลง
มีสัตว์อสูรร้ายอยู่บนภูเขา แต่ไม่มีตัวใดที่สามารถคุกคามกวางดอกเมฆาได้
กวางดอกเมฆามองไปที่ซูฟ่านและเหลือบมองกระเป๋าที่อยู่ใต้คอของมันเพื่อให้ซูฟ่านเปิดมันขึ้นมา
“ให้ตายเถอะ เจ้ากินอาหารเม็ดที่ข้าให้ไว้หมดแล้วหรอ?” ซูฟ่านกล่าวขณะที่เขาจ้องมองไปที่ถุงเปล่า
ในขณะนี้ แสงวิญญาณสามสีก็ปรากฏขึ้น มันส่องสว่างไปทางซูฟ่าน จากนั้นความเหนื่อยล้าจากการทำงานล่วงเวลาก็บรรเทาลงในทันที และจิตวิญญาณของเขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้น
“ไม่เลว เจ้าได้ปลุกทักษะโดยกำเนิดของเจ้าแล้ว” ซูฟ่านกล่าวชื่นชม “เก่งมากหยิงหยิง”
กวางดอกเมฆาเงยหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิ
ซูฟ่านนำกวางดอกเมฆามาที่ลานบ้าน
‘ วิชานทีวิญญาณ’
‘ วิชาวิหควิญญาณ’
เขารดน้ำทุ่งวิญญาณซึ่งไม่ได้รับการดูแลมานานกว่าสองเดือน แม้ว่าเขาจะตั้งค่าสิ่งประดิษฐ์พิเศษเอาไว้เพื่อให้มันรดน้ำเป็นระยะๆ เมื่อเขาจากไป แต่กระนั้นทุ่งวิญญาณก็ยังคงดูค่อนข้างเหี่ยวเฉา
“ดูเหมือนว่าการเก็บเกี่ยวในปีนี้จะลดลงครึ่งหนึ่งสินะ” ซูฟ่านกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เขาหยิบอาหารเม็ดที่เขาสร้างไว้ให้กับกวางดอกเมฆาออกมา จากนั้นเขาก็นำปลอกคอสัตว์อสูรที่ประกอบด้วยดอกไม้โลหะขนาดเล็กสิบแปดดอกออกมาจากห้องสะสมและสวมมันไว้รอบคอของกวาง
“หยิงหยิง หากเจ้าเผชิญหน้ากับอันตราย เพียงแค่หักดอกไม้นี้หนึ่งดอก”
“ถ้าหากเจ้าหนีไม่พ้นจริงๆ จงทำลายดอกไม้ทั้งหมดซะ และเมื่อถึงเวลานั้น มันก็จะไม่มีใครกล้าฆ่าเจ้าแน่” ซูฟ่านสั่ง
กวางดอกเมฆามองซูฟ่านอย่างเหยียดหยามราวกับจะบอกว่าไม่มีใครสามารถฆ่ามันได้ จากนั้นจึงรีบวิ่งออกไปด้านนอกภูเขา
“การจ้องมองนั่นมันหมายความว่ายังไงกัน? อย่ามาตำหนิข้าทีหลังก็แล้วกันถ้าเจ้ากลายเป็นอาหารของพวกชั่วในภายหลัง”
ทันทีที่คำพูดจบลง แสงสามสีก็พุ่งเข้ามาหาเขา
โล่ขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นต่อหน้าซูฟ่านโดยทันทีและปิดกั้นแสงนี้เอาไว้
“ฮ่าฮ่า ข้าระวังเกินไปเองสินะ” ซูฟ่านเกาหัวแล้วพูด โดยตระหนักได้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นวิชาสนับสนุนของหยิงหยิง
ซูฟ่านหาวขณะที่ความง่วงนอนเข้าปกคลุมเขาโดยทันที ขอบเขตฝึกปราณยังไม่ทรงพลังถึงขั้นที่จะไม่จำเป็นต้องกินหรือนอน
“พักผ่อน พักผ่อน การปกป้องชีวิตของข้าสำคัญกว่า”
หลังจากกลับมายังบ้านที่อบอุ่นที่สุด ซูฟ่านก็เข้าสู่โลกแห่งความฝัน
...
ขณะเดียวกัน ห่างไกลออกไปจากนิกายเทียนฉัวหนึ่งแสนลี้
หวังยู่หลุนและมู่หรงเฉียนเอ๋อ คู่สามีภรรยากำลังทำภารกิจร่วมกันเพื่อกำจัดกลุ่มสัตว์อสูรที่ลักลอบเข้ามาจากภูเขาหมื่นอสูร
“เฉียนเอ๋อ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนี้แล้ว คะแนนการมีส่วนร่วมของเราก็จะเพียงพอที่จะแลกเป็นยาครรภ์วิญญาณแล้ว” หวังยู่หลุนกล่าวขณะควบคุมกระบี่พันคมเพื่อสังหารสัตว์อสูรที่อยู่โดยรอบ
กระบี่สองดวงใจของมู่หรงเฉียนเอ๋อพุ่งไปรอบๆ เหมือนอสรพิษประหลาดสองตัว
สัตว์อสูรเกือบร้อยตัวถูกลดจำนวนลงเหลือเพียงสิบกว่าตัวภายใต้ความพยายามร่วมกันของทั้งคู่
“สามี ทำไมท่านไม่เก็บคะแนนการมีส่วนร่วมไว้เพื่อช่วยท่านให้พัฒนาไปถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐานในภายหลังล่ะ?” มู่หรงเฉียนเอ๋อแนะนำอย่างลำบากใจ เนื่องจากเธอเพิ่งค้นพบการตั้งครรภ์ของเธอ
“ไม่เป็นไร ลูกของเราสำคัญกว่าขอบเขตก่อเกิดรากฐาน”
“ด้วยรากฐานในปัจจุบันของข้า ขอบเขตก่อเกิดรากฐานก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา กลับกัน เมื่อถึงเวลานั้น เมื่อลูกของเราเกิดมา จงให้เขารับพี่ซูเป็นอาจารย์ของเขาให้ได้”
“และจากนั้น เขาก็จะเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอนในอนาคต”
ในขณะที่หวังยู่หลุนกำลังพูด สัตว์อสูรอีกระลอกหนึ่งก็โจมตี
ดวงตาของสัตว์อสูรทั้งหมดเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่โหดเหี้ยมและกระหายเลือด ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกมันอยู่ภายใต้การควบคุมของบางสิ่งบางอย่าง
“เฉียนเอ๋อ ระวังไว้ มีสัตว์อสูรขอบเขตก่อเกิดรากฐานอยู่ท่ามกลางพวกมันด้วย!”
ความจริงจังปรากฏขึ้นในดวงตาของหวังยู่หลุน หากมีสัตว์อสูรขอบเขตก่อเกิดรากฐานมากกว่าสองตัว พวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายเอาได้
และในขณะนั้นเอง นกวิญญาณสีเหลืองอ่อนได้พุ่งบินไปทางมู่หรงเฉียนเอ๋อและตกลงบนไหล่ของเธอ มันส่งเสียงนุ่มนวลดังขึ้นข้างหูของเธอ
“สามี มีสัตว์อสูรขอบเขตก่อเกิดรากฐานสามตัว! เราควรทำยังไงกันดี?” สีหน้าของมู่หรงเฉียนเอ๋อเปลี่ยนไปโดยทันที
“เราไม่สามารถถอยกลับได้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นๆ กำลังปกป้องกำแพงด้านอื่นอยู่ หากฝ่ายของเราถูกตีแตก ความพยายามของเหล่าศิษย์เกือบร้อยคนในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาก็จะสูญเปล่า!”
หวังยู่หลุนกัดฟันและหยิบลูกบอลทรงกลมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยอักษรรูนสีแดงสดออกมาจากแหวนมิติของเขา มันมีขนาดเท่ากับไหเหล้า เขาได้ซื้อมันมาในราคา 10,000 หินวิญญาณจากซูฟ่านเพื่อเป็นสมบัติช่วยชีวิตในยามคับขัน
ในเวลานั้น ซูฟ่านก็กล่าวว่าเนื่องจากพวกเขาเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นเขาจะเรียกเก็บเงินในราคาทุนเท่านั้น
“สามี สิ่งนี้มันมีค่าเทียบเท่ากับ 10,000 หินวิญญาณเลยนะ!” มู่หรงเฉียนเอ๋อกล่าวขณะมองไปที่หวังยู่หลุน
“ยาครรภ์วิญญาณมีความสำคัญมากกว่า หินวิญญาณ 10,000 ก้อนไม่สามารถซื้อมันได้”
ขณะที่หวังยู่หลุนพูด เขาก็กดปุ่มที่ด้านบนของสิ่งประดิษฐ์ทรงกลมแล้วเหวี่ยงมันไปทางกลุ่มสัตว์อสูรที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตรโดยใช้พลังวิญญาณ
ลาก่อน 10,000 หินวิญญาณของข้า!!
หวังยู่หลุนคิดกับตัวเอง หินวิญญาณ 10,000 ก้อนนี้ 1,000 ก้อนเป็นเงินออมส่วนตัวของเขาเอง
ราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง สิ่งประดิษฐ์ทรงกลมที่อยู่กลางอากาศก็เปลี่ยนเป็นลูกบอลทรงกลมขนาดเล็กกว่าร้อยดวงโดยตรง มันส่องแสงสีแดงขณะที่มันพุ่งเข้าหาสัตว์อสูร
'บู้มมมม!'
แผ่นดินและภูเขาสั่นสะเทือน แสงสีขาวแวบวาบพัดพาดผ่านท้องฟ้า จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น
หวังยู่หลุนและมู่หรงเฉียนเอ๋อกำลังขยี้ตาอยู่ในขณะนี้
“ให้ตายเถอะ พี่ซูไม่ได้บอกเราด้วยซ้ำว่ามันจะทรงพลังถึงขนาดนี้!” หวังยู่หลุนกล่าวในขณะพยายามปรับการมองเห็น
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็ต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า หลุมลึกขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตรปรากฏขึ้นไม่ไกลนัก
“เหตุใดมันจึงแตกต่างจากที่พี่ซูพูดไว้? มันควรจะสร้างความเสียหายให้กับสัตว์อสูรขอบเขตก่อเกิดรากฐานไม่ใช่หรอ?” หวังยู่หลุนพึมพำ เขารู้สึกว่าหินวิญญาณ 10,000 ก้อนนี้ถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า
ในเวลานี้ สัญญาณระบุตัวตนของทั้งคู่ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงที่ดูตกใจ
“หวังน้อย เฉียนน้อย สถานการณ์ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไรผิดปกติ เราแค่พบกับสัตว์อสูรขอบเขตก่อเกิดรากฐานสามตัวเท่านั้น และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้สิ่งประดิษฐ์เพื่อช่วยชีวิต เราสามารถขอเบิกค่าสิ่งประดิษฐ์นี้ได้ไหม?”
“สัตว์อสูรขอบเขตก่อเกิดรากฐานทั้งสามตัวถูกกำจัดลงแล้วรึยัง?”
“พวกมันถูกกำจัดลงแล้ว”
“สิ่งประดิษฐ์นั่นทรงพลังขนาดนั้นเลยหรอ? มันราคาเท่าไหร่กัน? ข้าจะได้ซื้อมันมาบ้าง ส่วนเรื่องเบิกเงิน…”
เสียงพูดหยุดชั่วคราว จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมกับพูดว่า “เอาเท่าที่เจ้าต้องการเลย!”
หลังจากวางสายแล้ว หวังยู่หลุนก็ถอนหายใจ “คงจะดีไม่น้อยถ้าพี่ซูอยู่ในโถงยุทธ์กับเราด้วย พวกเราคงจะไม่ต้องเสี่ยงภัยแน่ถ้ามีเขาอยู่ใกล้ๆ”
“ทุกคนมีความทะเยอทะยานเป็นของตัวเอง อย่าเพิ่งถอดใจเลย ท่านติดตามพี่ซูมานานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าท่านจะยังทรงพลังได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเขาเลยด้วยซ้ำ”
“เจ้าไม่สามารถเอาข้าไปเปรียบเทียบกับคนประหลาดแบบนั้นได้หรอกนะ”
“ข้าถือว่าข้าเองก็น่าทึ่งมากแล้ว” หวังยู่หลุนพูดอย่างไม่พอใจ แต่ลึกๆ แล้วเขาก็รู้ว่ามันค่อนข้างจริง ถ้าเขามีพลังการต่อสู้ได้ถึง 30% ของซูฟ่าน เขาก็คงจะกลายเป็นอัจฉริยะชื่อดังไปแล้ว
“เอาล่ะสามี ท่านน่าทึ่งมากแล้ว เมื่อเรากลับไป เราก็ลองไปท้าทายพี่ซูดูอีกครั้งก็ได้”
“ครั้งนี้มาลองดูว่าท่านจะสามารถอยู่ได้เกินสามลมหายใจหรือไม่” มู่หรงเฉียนเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม หากซูฟ่านเต็มใจที่จะแสดงพลังที่แท้จริงของเขาออกมา มันก็จะทำให้นิกายชั้นนอกต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน
“อย่าดูถูกข้านะ ข้าจะอยู่ให้ได้ห้าลมหายใจเลยคอยดู” หวังยู่หลุนโต้กลับ...