บทที่ 36: การซ่อมแซมเรือเหาะลอยล่อง
บทที่ 36: การซ่อมแซมเรือเหาะลอยล่อง
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสนิกายชั้นในก็เข้ามาหาทั้งสองคน
เยี่ยมมาก มีตัวตนอันยิ่งใหญ่อยู่ทุกหนทุกแห่ง แค่ผู้อาวุโสนิกายชั้นในสองคนแรกอยู่อยุ่ที่ขอบเขตแบ่งวิญญาณแล้ว
“คารวะผู้อาวุโส”
ผู้อาวุโสนิกายชั้นในมองไปที่ซูฟ่านและถามว่า “เจ้ารู้จักอักษรรูนกี่ตัว?”
“206 ตัว”
“ถ้าจะจัดเรียงรูนยืดหยุ่น, รูนเต่าสวรรค์, รูนหินยักษ์, รูนเหล็ก, รูนกระจายแรงกระแทก, รูนรวบรวมวิญญาณ และรูนทรายเหล็กเพื่อสร้างเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด เราควรจัดเรียงยังไง?” ผู้อาวุโสนิกายชั้นในไม่เสียเวลาและเริ่มทดสอบซูฟ่านโดยตรง
อักษรรูนเหล่านี้เป็นอักษรรูนพื้นฐานที่ซูฟ่านได้เรียนรู้มาแล้วและคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ซูฟ่านใช้ปลายนิ้วของเขาเป็นแปรงและวาดอักษรรูนโดยตรงตามการจัดเรียงที่ดีที่สุด
โล่ขนาดเล็กที่ทำมาจากรูนปรากฏขึ้นในอากาศ
“อืม เจ้ามีรากฐานที่ดีและมีความรอบรู้”
“การซ่อมแซมตัวเรือด้านนอกของเรือเหาะลอยล่องจะได้รับค่าตอบแทนหินวิญญาณ 1,000 ก้อนต่อตารางเมตร และได้รับคะแนนการมีส่วนร่วมเพิ่มเติม 100 แต้ม เจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า?” ผู้อาวุโสนิกายชั้นในกล่าวอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่มี” ซูฟ่านพยักหน้า
เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้อาวุโสนิกายชั้นในก็โบกมือ และผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญก็ลงมาจากเรือเหาะลอยล่อง
“ข้าจำเป็นต้องแนะนำเขาไหม” ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญถาม
“ใช่ โปรดดูแลเขาด้วยผู้อาวุโส” ผู้อาวุโสนิกายชั้นในกล่าว
“เอาล่ะ งั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว เจ้าหนู เจ้าชื่ออะไร?” ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญถาม
“ศิษย์จากนิกายชั้นนอก ซูฟ่าน” ซูฟ่านรู้สึกเหมือนลูกไก่ที่ยืนคั่นกลางระหว่างเสือร้ายหลายตัว
“เอาล่ะ ตามข้ามา”
โดยไม่รอให้ทุกคนตอบกลับ ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญได้เคลื่อนย้ายซูฟ่านไปไว้ด้านข้างเรือโดยตรง
“เจ้าหนู ความเร็วในการซ่อมแซมของเจ้าเกี่ยวข้องกับรางวัลของข้าด้วย ดังนั้นหากเจ้าซ่อมมันได้เร็วเท่าไหร่ มันก็จะดีต่อทั้งตัวข้าและตัวเจ้าด้วย”
“เอาล่ะ ก่อนอื่นเลยมาดูกันก่อนว่าคนอื่นซ่อมมันยังไงกันบ้าง”
“ตกลง”
ซูฟ่านใช้วิชาตัวเบาทันทีเพื่อยืนอยู่บนอากาศและเริ่มสังเกตรอบข้าง
เปลือกนอกทั้งหมดของเรือเหาะลอยล่องมีสีเหลืองอ่อน โดยมีพื้นผิวเป็นหลุมซึ่งทำให้ดูทรุดโทรมเล็กน้อย
จากการประมาณการของซูฟ่าน เรือเหาะลอยล่องก็มีความยาวอย่างน้อย 50,000 เมตร และสูงกว่า 5,000 เมตร
หลังจากดูที่ตัวเรือแล้ว ซูฟ่านก็หันไปกลุ่มคนที่กำลังซ่อมแซมตัวเรือด้านนอกซึ่งอยู่ไกลออกไป
หลังจากมองเพียงชั่วครู่ ซูฟ่านก็ถอนสายตาออกไป มันเป็นเพียงงานซ่อมแซมง่ายๆ โดยความยากลำบากเพียงอย่างเดียวคือการจัดเรียงอักษรรูน ส่วนที่เหลือนั้นเป็นเพียงการใช้แรงงานคน
“ผู้อาวุโส ข้าพร้อมแล้ว” ซูฟ่านพูดกับผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญ
“โอ้ เจ้าเข้าใจเร็วขนาดนั้นเลยหรอ? ก็ได้ มาเริ่มกันเลยเถอะ”
ซูฟ่านนำผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญไปยังส่วนหนึ่งของตัวเรือที่ถูกเจาะเป็นรู
“ผู้อาวุโส ผสมเหล็กดาราพราวและเหล็กไท่หยินในอัตราส่วน 8 ต่อ 2 ในปริมาณ 700 กิโลกรัมให้ข้าด้วย” ซูฟ่านประเมินและกล่าว หลักการการซ่อมก็เหมือนๆ กัน เพียงแต่วัสดุมีคุณภาพสูงกว่าก็เท่านั้น
ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญไม่เสียเวลาพูดและหยิบแร่หลายชิ้นออกมาจากแหวนมิติของเขาโดยตรงเพื่อเริ่มการหลอมละลาย
“ผู้อาวุโส นี่คือเพลิงวิญญาณอะไรกัน?” ซูฟ่านถามในขณะที่เขาดูผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญควบคุมเปลวเพลิงเพื่อปรับแต่งแร่เหล็กทั้งสอง
“ นี่คือเพลิงวิญญาณที่ข้าได้มาจากนิกาย มันมีค่าเกือบจะเทียบเท่ากับสิ่งประดิษฐ์เต๋า” ขณะที่เขาพูด แร่ก็ได้ถูกหลอมละลายจนกลายเป็นก้อนของเหลวแล้ว
“เอาล่ะ ข้าได้วางชั้นพลังวิญญาณไว้รอบแก่นแท้แล้ว ตอนนี้เจ้าสามารถควบคุมมันได้ตามใจต้องการเลย”
“ตกลง”
ซูฟ่านตัดส่วนที่เสียหายออกและเติมแก่นแท้ที่ได้รับการขัดเกลาใหม่ลงไป ก่อนที่จะสร้างมัน เขาได้แกะสลักอักษรรูนตามรูปแบบดั้งเดิม จากนั้นจึงเชื่อมต่อมันเข้ากับรูปแบบทั้งหมดบนตัวเรือด้านนอก
เมื่อซูฟ่านและผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญทำงานร่วมมันมากขึ้น ความร่วมมือและความเร็วในการซ่อมแซมของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น และในที่สุดพวกเขาก็เสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายเป็นเวลาสามเดือนได้ในเวลาเพียงสองเดือนครึ่ง
เมื่อซูฟ่านแกะสลักรูนรวบรวมวิญญาณตัวสุดท้ายเสร็จแล้ว ออร่าแสงเจิดจ้าของเรือเหาะลอยล่องก็กลับมาส่องประกายอีกครั้ง
มันเต็มไปด้วยออร่าแสงอันสว่างเจิดจ้า มันดูทรงพลัง, ไร้เทียมทาน และงดงามราวกับยานพาหนะศักดิ์สิทธิ์
“ผู้อาวุโส ตัวเรือด้านนอกได้รับการซ่อมแซมเสร็จแล้ว ยังมีอะไรให้ทำอีกไหม?” ซูฟ่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก เนื่องจากเขาทำงานมาหนักแล้ว
หากไม่ใช่เพราะยาชูกำลังที่ผู้อาวุโสนิกายชั้นในแจกจ่ายให้กับพวกเขาเป็นครั้งคราวแล้ว ร่างกายของเขาก็คงจะแตกสลายลงไปนานแล้ว
“แน่นอน แต่หน้าที่ของเจ้าจบลงแค่นี้แหละ”
“เจ้าหนู หลังจากใช้เวลาอยู่กับเจ้ามา ข้าก็พบว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ”
“ในด้านการสร้างสิ่งประดิษฐ์ ข้าก็รู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่เจ้าจะกลายเป็นปรมาจารย์นักสร้างได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“ผู้อาวุโสนิกายชั้นในเองก็เพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าเขาพอใจกับความเร็วของเรามาก”
ในขณะนี้ หินรูนห้าก้อนก็ปรากฏขึ้นในมือของผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญ มันดึงดูดความสนใจของซูฟ่านโดยทันที
รูนที่อยู่บนหินรูนนั้นเป็นผลงานชั้นเยี่ยมในบรรดารูน มันมีค่าและหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าหนู ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าไม่น้อยเลย ข้าได้รับหินรูนทั้งห้านี้มาโดยบังเอิญ ดังนั้นข้าจะมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับเจ้าเพื่อเป็นการแสดงความปรารถนาดี”
“หลังจากที่เจ้ากลายเป็นปรมาจารย์นักสร้างสิ่งประดิษฐ์แล้ว เจ้าก็อย่าลืมสร้างสิ่งประดิษฐ์เต๋าให้ข้าบ้างล่ะ” ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นสูญหัวเราะในขณะที่เขาพูด
ซูฟ่านรับหินรูนมาและพูดกับอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้นว่า “ทันทีที่ข้ากลายเป็นปรมาจารย์นักสร้างสิ่งประดิษฐ์ ข้าจะสร้างสิ่งประดิษฐ์เต๋าให้กับท่านอย่างแน่นอน”
“เอาล่ะ ข้าจะตั้งตารอวันนั้นนะ”
เมื่อเขาแยกทางกับอีกฝ่าย ซูฟ่านก็ได้รับหยกวิญญาณซึ่งเขาสามารถใช้มันเพื่อติดต่อกับอีกฝ่ายได้หากเขาประสบปัญหาใดๆ ในอนาคต”
“ช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าจะต้องตีสนิทเขาให้มากขึ้นแล้วในอนาคต” ซูฟ่านยิ้มขณะที่เขามองไปที่หยกวิญญาณในมือของเขา
เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้อาวุโสนิกายชั้นในก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ซูฟ่าน
“รางวัลของเจ้าคือหินวิญญาณทั้งหมด 42,000 ก้อนและคะแนนการมีส่วนร่วม 2,100 แต้ม” ผู้อาวุโสยื่นถุงเก็บของให้กับซูฟ่าน
“ซูฟ่าน เจ้าสนใจที่จะมาเข้าร่วมกับยอดเขาขัดเกลาสิ่งประดิษฐ์ของข้าหรือไม่?” ผู้อาวุโสนิกายชั้นในมองดูซูฟ่านด้วยความชื่นชม ในสายตาของเขา เขาได้เห็นงานซ่อมแซมของซูฟ่านแล้ว และหากไม่ได้ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เขาก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพื้นที่ส่วนนี้เป็นส่วนที่ถูกซ่อมแซม
ศิษย์ชั้นนอกที่สามารถบรรลุผลงานระดับดังกล่าวทั้งที่ยังอยู่ในขอบเขตฝึกปราณได้นั้นย่อมเป็นอัจฉริยะอย่างไม่ต้องสงสัย และในแง่ของการสร้าง เขาก็มีศักยภาพสูงพอที่จะกลายเป็นปรมาจารย์
“เมื่อข้าไปถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐานแล้ว ข้าจะเข้าร่วมกับยอดเขาขัดเกลาสิ่งประดิษฐ์อบ่างแน่นอน” ซูฟ่านกล่าว เขารู้ว่าเขาจะมีเวลา 120 ปีกว่าจะถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐาน
“เอาล่ะ แล้วข้าจะรอเจ้านะ”
หลังจากที่ได้เห็นพรสวรรค์ของซูฟ่านแล้ว ผู้นำยอดเขาก็คิดว่าเขาคงจะต้องใช้เวลาอีกเพียงสิบปีเท่านั้นกว่าจะไปถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐาน และด้วยคำแนะนำของเขาในเวลานั้น การเข้าสู่นิกายชั้นในของซูฟ่านก็จะไม่เป็นปัญหาใดๆ
“ก่อนหน้านี้ถ้ามีคนมาหนุนหลังข้าบ้างก็คงจะดี แต่ตอนนี้ข้าไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ที่ตอนนี้ข้าต้องเดินงานทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว” ซูฟ่านถอนหายใจขณะที่เขานั่งอยู่บนเรือเหาะหลิงเฟิง
ขณะที่เขาพูด ซูฟ่านมองย้อนกลับไปที่โลกอันกว้างใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขา
“นิกายนี้น่าทึ่งยิ่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้ การมีครึ่งหนึ่งของพันโลกน้อยเป็นพื้นที่ของนิกายชั้นในนั้นน่าประหลาดใจอย่างแท้จริง”
“ข้าคิดว่านิกายชั้นนอกนั้นใหญ่พอแล้ว แต่มันก็ยังมีใหญ่มากกว่านี้อีก”
“หลังจากได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นศิษย์นิกายชั้นในแล้ว ข้าจะต้องพิจารณาโลกนี้ดูใหม่อีกที”