ตอนที่ 64 ทักษะการทำอาหาร
“นี่...มันเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะหั่นเต้าหู้ได้ละเอียดขนาดนี้?”
“เหลือเชื่อ นี่มันน่าเหลือเชื่อมากจริงๆ ชายหนุ่มคนนี้ ทำไมถึงมีทักษะการใช้มีดที่คล่องแคล่วขนาดนี้ได้กัน?”
ความสามารถของ ซูเหวิน ที่เปิดเผยออกมานี้ ทำให้หลายคนในที่เกิดเหตุ พากันประหลาดใจ
ทั้งคนรับใช้ กระทั่ง เซี่ย เฉิงตง และภรรยา ต่างนิ่งงันเป็นไก่ไม้ ..ไปแล้ว (งงเป็นไก่ตาแตก)
ขนาด เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย เองตอนนี้เธอก็ยังอ้าปากค้าง และดูเหมือนเธอจะตกใจมาก
เทคนิคของเขาดูเป็นมืออาชีพเกินไป
อีกทั้งทักษะการใช้มีดของเขาเองก็เช่นกัน
ทักษะการใช้มีดแบบนี้ เทคนิคนี้
แม้แต่เชฟในโรงแรมเหล่านั้นก็แทบหาตัวไม่ได้
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ซูเหวิน เองไม่ได้มัวแต่อยู่เฉยๆ
นอกจากทำซุปแล้ว เขาก็เริ่มลงมือทําอาหารอื่นๆ ต่อ
คนรับใช้ทั้งสองคนไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่ สวี่หยุน แม่ของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย เธอได้เข้ามาลงมือช่วยเหลือเขาเล็กๆ น้อยๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา…
ก็เหลืออาหารจานหลักจานสุดท้าย ส่วนจานอื่นๆ เตรียมไว้เกือบจะครบหมดแล้ว
ในขณะนี้ ไม่มีใครกล้าตั้งคําถามเกี่ยวกับฝีมือการทําอาหารของ ซูเหวิน อีกต่อไป
ตั้งแต่เทคนิคไปจนถึงทักษะการใช้มีด จากเรื่องกระดกกระทะไปจนถึงการควบคุมความร้อน
ซูเหวิน ทําได้ดีเยี่ยมในทุกขั้นตอน จนเกือบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ อย่างไร้ที่ติเลยก็ว่าได้..
ทุกคนที่ได้เห็น.. เต็มไปด้วยความชื่นชม
หลังจากอาหารส่วนใหญ่ถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ อาหารมื้อกลางวันอันหรูหราก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
เต้าหู้เหวินซือ(文思豆腐) มันฝรั่งเส้นผัด(酸辣土豆丝) ไก่ผัดถั่วลิสง(宫保鸡丁)
หมูผัดเต้าเจี้ยวปรุงรส(鱼香肉丝) วงแหวนล้อมกุ้ง(翡翠虾环) กุ้งผัดมะเขือเทศ(西红柿炒虾仁)
หัวสิงโตตุ๋นน้ำแดง(红烧狮子头) ปลาทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน(松鼠桂鱼) ซุปนกพิราบตุ๋นถั่วเขียว เปลือกส้มจีน(陈皮绿豆鸽子汤)...
เมื่อสักครู่ แม่ของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ได้พูดว่าอาจจะมีแขกมาเพิ่ม เขาจึงต้องทำอาหารมากขึ้น
ดังนั้น ซูเหวิน จึงจำต้องทําอาหารมากกว่าสิบจาน
ตอนนี้พอมาดูอาหารสิบกว่าจานที่ว่านี้ แตกต่างกันจริงๆ ทั้งหมดดูมีสีสัน กลิ่นหอม และรสชาติเยี่ยม
ขาดเพียงแค่อาหารจานหลักจานสุดท้ายที่ยังไม่ได้เสิร์ฟ…
และในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
ในทันใดนั้นเอง “ติ๊งต่อง!!!”
กริ่งหน้าประตูของคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ก็ดังขึ้น
ฝ่าย เซี่ย เฉิงตง ทราบได้ทันทีว่าครอบครัวของน้องชายเขามาถึงแล้ว จึงสั่งให้คนรับใช้ไปเปิดประตู
และเป็นไปตามคาด สักพักคนรับใช้ก็พาคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
คนเหล่านี้มีทั้งผู้ชาย และผู้หญิง มีทั้งเด็ก และก็ผู้ใหญ่…
ทั้งการแต่งตัวของพวกเขาเองก็ค่อนข้างไม่ธรรมดา
สองคนในนั้น ซูเหวิน เคยพบเห็นมาก่อน พวกเขาคือลูกพี่ลูกน้องของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย
“ไง.. น้องไห่ น้องสาม มากันแล้ว”
“มา มา เข้ามานั่งก่อนสิ”
เซี่ย เฉิงตง และสวี่หยุน ที่เพิ่งออกจากห้องครัว และเห็นครอบครัวของน้อง(ชาย)รอง และน้องสาวสามเข้ามา
ต่างฝ่ายต่างยิ้มหัวเราะให้กัน พลางกล่าวทักทายกันทันที
“อารอง อาสะใภ้รอง อาสาม…”
เซี่ย ซินเหยา ที่ออกมาจากห้องครัวก็กล่าวทักทาย
พอทันทีที่ เซี่ย ชิวเยี่ยน เข้ามา เธอก็รีบเข้ามาคว้าแขนของ เซี่ย ซินเหยา ทันที หันมองซ้ายมองขวา แล้วพูดว่า : “หือ? ไหน.. เพื่อนร่วมชั้น ซู ล่ะ?”
ดูเหมือนจะเป็นเพราะคนเยอะ เลยกลัวว่าจะโดนคนในครอบครัวดุด่า
วันนี้เธอจึงไม่กล้าที่จะเรียกเขาว่า ‘พี่เขย’ ด้วยซ้ำ
“ก็นั่นนะซิ! ฉันได้ยินจาก เสี่ยวเยี่ยน มาว่า แฟน ของ เสี่ยวเหยา มาด้วยวันนี้ ทำไมถึงไม่เห็นเขาล่ะ?”
ในเวลานี้ เซี่ย เสวี่ยฉิง น้องสาวสามของ เซี่ย เฉิงตง ก็ยังพูดด้วยความสงสัยเช่นกัน
นี่คือผู้หญิงที่อายุประมาณสามสิบปี
เธอยังดูสวย และมีเสน่ห์อยู่มาก..
“มาแล้วๆ แต่เขาคือ เพื่อนร่วมชั้นของ เหยาเหยา”
“ส่วนพวกเขาจะเป็นแฟนกันหรือไม่ นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าทั้งสองคนคิดอย่างไรต่อกัน…”
สวี่หยุน ตอบด้วยรอยยิ้ม
เธอพูดความคิดของตัวเองออกมาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าแม่ของครอบครัวนี้ เธอจะถูกใจชายหนุ่ม ซูเหวิน คนนี้ เข้าให้จริงๆ แล้ว..
“คุณแม่ อาสาม พูดเรื่องอะไรกันนะ!”
เซี่ย ซินเหยา ใบหน้าของเธอพลันขึ้นสีทันที
เธอ กับเพื่อนร่วมชั้น ซู ยังไม่มีเค้าโครงอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ดูทุกคนกลับพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ..อย่างเปิดเผยแล้ว?
ขณะเดียวกันที่ห้องครัว..
ในที่สุด ซูเหวิน ก็ต้มซุปหม้อสุดท้ายเสร็จ และสั่งให้คนรับใช้นำมันออกไปทันที
เขาจัดการตบมุมเสื้อผ้าที่เปื้อนออก แล้วคลายแขนเสื้อลง พลางเดินตามออกมาจากห้องครัว
ทันทีหลังจากนั้น ก็เห็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ จู่ๆ ก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปเล็กน้อย
ขณะที่เขาสังเกตเห็นทุกคน ทุกคนเองก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นเขาแล้วเช่นกัน
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงหันศีรษะมามองดู ซูเหวิน พลางพิจารณาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของทุกคนก็พลันสว่างสดใสขึ้นมาทันที
ตรงหน้า.. เห็นแต่ชายหนุ่มร่างสูง ดูดีมีออร่า ที่สำคัญสุดๆ เลยคือ เขาหล่อมากกก
“พี่สะใภ้ นี่น่าจะเป็น เพื่อนร่วมชั้นของ เสี่ยวเหยา เขาหล่อมากเลยนะ”
เซี่ย เสวี่ยฉิง เป็นคนแรกที่ตอบสนอง และอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม
“ใช่! นี่ไม่น่าแปลกใจเลยที่ เสี่ยวเหยา จะส่งชานมไปให้กับเขาทุกวัน..”
ภรรยาของ เซี่ยไห่ ก็กล่าวชื่นชมเช่นกัน
“เป็นอย่างไร.. หนุ่มน้อยคนนี้ ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อฟังคำชมของทุกคน เซี่ย เฉิงตง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่าออกมา
ในเรื่องนี้เขามีความรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยในใจ
มันราวกับเขากําลังจะบอกทุกคนว่า ลูกสาวของเขา ..มีสายตาดีแค่ไหน
จากนั้นเขาก็มองไปที่ ซูเหวิน แล้วพูดอย่างกระตือรือร้นไปว่า : “เสี่ยวเหวิน ฉันจะแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ ทุกคนในที่นี่ล้วนเป็นสมาชิกในครอบครัวของเราเอง”
“นี่คือน้องรองของฉัน เซี่ยไห่ น้องสาวสาม เซี่ย เสวี่ยฉิง และเซี่ย ชิวเยี่ยน หลานสาวของฉัน…”
เซี่ย เฉิงตง ได้กล่าวแนะนําอีกครั้ง
ซูเหวิน พยักหน้า กล่าวทักทายทีละคน
ทุกคนในตระกูลเซี่ย ก็ตอบรับอย่างสุภาพเช่นกัน
ในขณะที่ทุกคนกำลังทำความรู้จักกัน เซี่ย ชิวเยี่ยน ก็สังเกตเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีอาหารอยู่มากมาย และเธออุทานออกมาทันทีว่า : “ว้าวว! คุณลุง คุณป้า มื้อเที่ยงวันนี้ทำไมถึงมีอาหารเยอะแยะขนาดนี้ได้กัน นี่มันก็มากมายมากเกินไปแล้วนะ?”
เมื่อเห็นเธอพูดเช่นนี้ทุกคนก็พากันมองไป
แน่นอนว่า.. พวกเขาพบว่าโต๊ะอาหารที่อยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยอาหารทั้งโต๊ะ ซึ่งมันดูเยอะมากจริงๆ
“ก็เมื่อเรารู้ว่าพวกคุณจะมา มื้อเที่ยงวันนี้ก็ต้องทำอาหารเยอะสักหน่อยสิ”
“แต่พวกเราไม่ใช่เป็นคนทำหรอกนะ เป็น เสี่ยวเหวิน ต่างหากที่ทำ..”
สวี่หยุน อธิบายทันที
ทุกคนที่กำลังตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นพวกเขาก็ต้องเบิกตากว้างแล้ว
“จริงเหรอ?” เซี่ย เสวี่ยฉิง ถามไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ยอดเยี่ยมมาก!
เด็กหนุ่มในวัยนี้จะไปทำอาหารเก่งขนาดนี้ไปได้ยังไง?
“ฉันจะไปโกหกพวกคุณทำไม? อาหารเหล่านี้ทำโดย เสี่ยวเหวิน จริงๆ อย่าไปมองว่าเขาอายุน้อยเช่นนี้ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่า ทักษะของเขานั้นน่าทึ่งมาก”
“มามา มา จะมัวยืนอยู่ทำไร? ในเมื่อทุกคนมากันแล้ว งั้นก็มาเริ่มทานข้าวกันเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าทุกคน.. ยังมีสีหน้าสงสัย เซี่ย เฉิงตง ก็เริ่มอธิบายไปเช่นกัน
จากนั้นเขาก็เรียกทุกคนให้มานั่งลงได้แล้ว และถือโอกาสสั่งให้คนรับใช้ไปหยิบไวน์ดีๆ จากในตู้เก็บไวน์มา
ในที่นี่ก็คนกันเองทั้งนั้น
เมื่อ เซี่ย เฉิงตง พูดแล้ว ทุกคนก็ไม่เกรงใจแล้ว
พวกเขาทั้งหมดได้มานั่งล้อมโต๊ะอาหาร
“มามา มาเถอะ เสี่ยวเหวิน คุณเองก็มานั่งด้วยมา”
“วันนี้คุณถือเป็นแขกคนสำคัญของเรา แถมเรายังต้องรบกวนแขกอย่างคุณให้มาช่วยเราทำอาหารด้วย”
สามีภรรยาตระกูลเซี่ย เองก็ไม่ทางลืม ซูเหวิน
สวี่หยุน รีบดึงตัวเขาให้มานั่งลงในตำแหน่งที่จัดไว้ข้างๆ เซี่ย ซินเหยา
ทันใดนั้น โต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ที่ยาวหลายเมตรก็เต็มไปด้วยผู้คน
เพียงแต่การนั่งครั้งนี้ นอกจาก ซูเหวิน และเซี่ย เฉิงตง แล้ว ทุกคนได้นั่งลงแล้ว
คนอื่นๆ เวลานี้ตกใจทันทีเมื่อมองเห็นอาหารบนโต๊ะ
ไม่เพียงแต่ดูดีเท่านั้น แต่มันยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวอีกด้วย..
พวกเขาที่เคยได้ลิ้มลองอาหารชั้นหนึ่งมาแล้ว กลับมีความรู้สึกกระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมาเป็นครั้งแรก
เซี่ย ชิวเยี่ยน ที่มีนิสัยไม่สนใจสิ่งใดๆ อยู่แล้ว และแน่นอนว่าเธอย่อมไม่สนใจเรื่องมารยาท
เธอรีบตักเต้าหู้เหวินซือขึ้นมา แล้วส่งเข้าปากทันที
หลังจากเธอเพิ่งกินเข้าไป
ทันใดนั้น ใบหน้าของเธอก็แสดงสีหน้าตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับเธอได้กินยาอายุวัฒนะบางอย่างเข้าไป
“อืม~อืม~”
“นี่...นี่รสชาตินี้”
“ซู..ซู สุดหล่อ คุณเป็นคนทำอาหาร จริงๆ นะเหรอ?”
เซี่ย ชิวเยี่ยน กล่าวด้วยความตกใจ
อาหารในปากยังเคี้ยวไม่หมด แต่เธอก็แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะพูดถามด้วยความสงสัยแล้ว
เพราะเต้าหู้เหวินซือหม้อนี้อร่อยมาก มัน.. ละลายในปากทันที และยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนมาก
ความเหนียวนุ่มเบาบางนั้น บวกกับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์นี้..
มันราวกับทำให้ เซี่ย ชิวเยี่ยน ตกอยู่ท่ามกลางสวรรค์แห่งความอร่อย จนจมไปกับความรู้สึกนี้
“ให้ตาย นี่มันปลาทอดราดซอสเปรี้ยวหวานงั้นเหรอ?”
“ทําไมมันถึงแตกต่างจากที่ฉันเคยกิน และนี่มัน.. อร่อยเกินไปแล้ว!”
เซี่ย เคอหมิง ที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง, หลังจากคีบเนื้อปลาขึ้นมากิน
สายตาของเขามันก็เผยให้เห็นถึงความไม่อยากจะเชื่อออกมา
เนื้อปลานี้ที่ทั้งเนียนนุ่ม หนึบ และหวานอร่อย มันกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกหลงใหล มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ และปลาในปากของเขาดูเหมือนมันจะมีชีวิตขึ้นมา และแหวกว่ายอยู่รอบตัวเขา
แล้วจากนั้นเราก็ว่ายไปข้างหน้าด้วยกัน จนค่อยๆ ห่างหายออกไป...