ตอนที่ 43 ที่ดินทั้งสาม (เปิดให้อ่านฟรี 29/04/2567)
“เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าฟังถึงที่ดินที่จะประมูลหน่อยได้ไหม” เมื่อเหลือกันเพียงสามคน คือหานจุนหมิง เย่ซี ฟิช เถ้าแก่หนุ่มจึงกล่าวขึ้นมา ส่วนหยางเสีย นางแยกไปทำธุระในเมืองเรียบร้อยแล้ว ยามเมื่อจะไปดูที่ดินค่อยเรียกอีกที
เวลานี้พวกเขานั่งพักอยู่ศาลากลางน้ำภายในโรงเตี๊ยมพลบค่ำ เวลานี้ตะวันยังไม่ถึงกลางศีรษะ เหลือเวลาอีกนานกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน รอบ ๆ ศาลาไม้แห่งนี้เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ มีดอกบัวขึ้นอยู่ประปราย ภายในสระน้ำมีปลาแหวกหว่ายสวยงาม
“ได้สิเถ้าแก่ แต่เรื่องมันยาวนิดหน่อย ข้าจะเตรียมของว่างมาให้ท่านก่อน” หานจุนหมิงกล่าวรับคำพร้อมกับเดินไปเรียกพนักงานหญิงที่ยืนอยู่ไกล ๆ
ผ่านไปหนึ่งเค่อ
ขนมที่มีลักษณะเป็นแผ่นกลม ๆ ถูกยกมาเสริฟพร้อมชุดน้ำชาที่กำลังร้อนกรุ่น กลิ่นของชาฟุ้งกระจายไปทั่ว ชวนให้รู้สึกสดชื่นกว่าปกติ
“นี่คือขนมเซาปิ่งมีสองรสชาติคือถั่วเหลืองและเผือกกวน มันเป็นขนมที่ทำมาจากแป้งแล้วยัดไส้ก่อนเข้าไปก่อนที่จะนำมาบดให้แบนแล้วทอดด้วยไฟที่พอดี” หานจุนหมิงผายมือไปยังขนมเซาปิ่งซึ่งถูกกองซ้อนกันมาหลายถาด
“ส่วนชาชุดนี้เป็นชาเอ้อหลี่ เป็นชาที่หายากและมีราคาแพงมาก หนึ่งจินขายกันที่ หนึ่งพันผลึก แต่รสชาติกับกลิ่นของมันก็ยอดเยี่ยมมาก เพียงจิบเดียวก็รู้สึกผ่อนคลายในทันที ส่วนสรรพคุณของมันไม่กล่าวถึงก็ไม่ได้ ช่วยให้ผู้ฝึกตนปรับสมาธิได้ง่ายขึ้นยากดื่มมันเข้าไป แนะนำให้เถ้าแก่กินขนมก่อน แล้วดื่มชาตามเพื่อตัดความเลี่ยนของขนมตัวนี้” ต้องบอกว่าชาชุดนี้หอมชวนชิมจริงๆ ขนาดเย่ซีที่ไม่ค่อยจะได้ดื่มชามาก่อนยังอยากจะลิ้มลอง
เมื่อได้ยินคำแนะนำจากหานจุนหมิง ชายหนุ่มจึงหยิบขนมขึ้นมาชิมดูก็พบว่ามันมีรสชาติอร่อยกว่าที่คิด ดูเหมือนว่าจะทำมาจากแป้ง ยัดไส้ข้างในไว้ด้วยถั่วเหลืองชั้นดี ยามกัดกินได้ทั้งรสหวาน มัน เต็มปาก เมื่อจิบชาตามเข้าไปหนึ่งอึก กลิ่นชาก็ตีขึ้นมาจากกระเพาะไหลไปทั่วร่างกาย ให้ความรู้สึกของดอกไม้ในชาได้จางๆ ส่วนเรื่องสมาธิอะไรนั่น ชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันมันช่วยรึเปล่า
“เข้าเรื่องกันเถอะ เจ้าเล่ามาได้เลย” ชายหนุ่มกล่าวออกมาหลังจิบชาเข้าไป
“ต้องบอกก่อนว่าที่ดินซึ่งข้าหมายตาจะมอบให้เถ้าแก่นั้น มันต้องอาศัยการประมูลเพื่อให้ได้มา ตอนแรกข้าได้ให้เพื่อนที่สนิทกันหาสิทธิในการร่วมประมูลให้ แต่ก็เกิดเรื่องตามที่เถ้าแก่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ซะก่อน ต้องขออภัยในส่วนนี้ด้วยจริง ๆ” หานจุนหมิงโค้งศีรษะให้เย่ซี
“ไม่ต้องคิดมาก เรื่องเล็กน้อย เจ้าเล่าต่อเถอะ” ชายหนุ่มโบกมือให้ก่อนจะกล่าวออกมา
“ที่ดินซึ่งจัดว่าอยู่ในทำเลที่ดี หรือ เป็นที่ต้องการที่สุดข้าคัดมาทั้งหมดสามแห่งด้วยกัน” หานจุนหมิงหยิบแผ่นกระดาษออกมาสามแผ่น ซึ่งบนทั้งสามแผ่นมีภาพวาด พร้อมรายละเอียดระบุเอาไว้คร่าว ๆ
“สถานที่แรกเป็นที่ดินเวียนคืน ตอนแรกมันเป็นหมู่บ้านรกร้างจนทางราชวงศ์ออกมาจัดการรื้อสิ่งปลูกสร้างแล้วนำมาประมูลขาย ขนาดพื้นที่ทั้งหมดห้าสิบไร่ ที่ดินผืนนี้ตั้งอยู่บริเวณเกือบกลางเมือง อยู่ใกล้กับตลาดแห่งแห่งใหม่ ผู้คนไหลเวียนไปมาเป็นจำนวนมาก ราคาตั้งต้นในการประมูลอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นผลึก” หานจุนหมิงชี้ไปยังกระดาษแผ่นแรกก่อนที่จะกล่าวออกมา ราคาเปิดประมูลนับว่าสูงเอาเรื่องเลยทีเดียว
“ลำดับถัดมาเป็นทำเลทองของเมืองหลวงเลยก็ว่าได้ อยู่ห่างจากประตูเมืองเข้ามาห้าลี้ เป็นตลาดกลางที่เก่าของเมืองหลวง เนื้อที่ทั้งหมดหนึ่งร้อยไร่ ก่อนที่จะถูกปล่อยร้างไปเพราะย้ายไปยังที่ใหม่” ยังไม่ทันที่หานจุนหมิงจะกล่าวจบ ชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็กล่าวแทรกขึ้น
“ทำไมถึงต้องเปลี่ยนสถานที่ล่ะ ? ทั้งตำแหน่งที่ตั้งและขนาดพื้นที่ก็ไม่ได้แย่เลยนะ”
“เพราะมันไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้คนที่เข้าเยี่ยมชมตลาด แถมยังห่างไกลจากสถานที่สำคัญต่าง ๆของเมืองอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ตลาดกลางแห่งใหม่จึงถูกตั้งขึ้น” หานจุนหมิงกล่าวชี้แจงสิ่งที่ชายหนุ่มสงสัย
“ราคาประมูลเปิดที่หนึ่งแสนห้าหมื่นผลึก แม้ปริมาณพื้นที่จะเยอะกว่า แต่ทำเลไม่ดีเท่าสถานที่แรก จึงเปิดที่ราคาเท่ากัน” ชายกลางคนกล่าวจบก็เลื่อนกระดาษแผ่นสุดท้ายมาไว้ตรงกลางโต๊ะ
งั่ม งั่ม แจ๊บๆ
ชายหนุ่มกินขนมอย่างเพลิดเพลิน ไม่ค่อยจะใส่ใจในรายละเอียดของที่ดินซึ่งหานจุนหมิงกล่าวออกมามากนัก รวมถึงมนุษย์ปลาที่อยู่ด้านข้างก็เช่นกัน มันกินขนมไปจนหมดสองถาดใหญ่ จนหานจุนหมิงต้องเรียกพนักงานให้ไปยกมาอีกหลายถาด
“ข้าชอบไส้เผือกที่สุด หอม หวาน มัน กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ” มนุษย์ปลากล่าวออกมา
“ก็เหมาะกับเจ้าดี เผือก!” ชายหนุ่มเลยตอบกลับไป
“ใช่แล้วนายท่าน เผือก!”
“เผือกคือสุดยอดอาหารที่ทุกคนควรได้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเผือกนึ่ง เผือกย่าง เผือกทอด ซาลาเปาเผือก อาหารทุกชนิดสมควรใส่เผือกเข้าไป!” ปลาปากเสียพูดออกมาไม่หยุดปาก ดูเหมือนมันจะชอบมากจริงๆ
“เงียบได้แล้ว ข้าจะฟังต่อ” ชายหนุ่มกล่าวจบก็ดื่มชาเข้าไป
ซู้ดดดดด เอิ๊ก
ดูเหมือนจะกินมากไปหน่อยเลยเผอเรอออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่ชายหนุ่มหน้าหนาอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ไม่อาจทำอะไรเขาได้แม้เพียงนิด ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจเขาคงผายลมต่อ
“สถานที่สุดท้าย จะเรียกว่าเป็นที่ดินพร้อมบึงน้ำขนาดใหญ่ก็ได้ เนื้อที่ทั้งหมด ห้าสิบไร่ เป็นบึงน้ำไปแล้วสามสิบไร่ มีพื้นดินอยู่ทั้งหมดยี่สิบไร่”
“สถานที่แห่งนี้เปรียบได้กับสวนอเนกประสงค์ของเมืองหลวงก็ไม่ผิดนัก มีทั้งชาวบ้านทั่วไปและผู้ฝึกตนแวะเวียนเข้าออกพื้นที่แห่งนี้ไม่ขาดสาย” หานจุนหมิงกล่าวออกมา
“ทำไมเจ้าถึงกล่าวว่า มันเป็นสวนอเนกประสงค์ล่ะ” ชายหนุ่มถามด้วยความไม่เข้าใจ
“เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ทุกคนสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ ชาวบ้านก็มักจะมาหาปลา ปลูกผัก ผลไม้ แล้วเก็บเกี่ยว ส่วนผู้ฝึกตนก็จะมาฝึกวิชาต่างๆกัน เพราะสถานที่แห่งนี้มีพลังลมปราณไหลเวียนเป็นจำนวนมาก เกือบจะเท่าพื้นที่ชั้นในที่เป็นของทางราชวงศ์เลยล่ะ” หลังจากที่ชายกลางคนกล่าวจบ ชายหนุ่มที่นั่งกินขนมอยู่ก็มองอย่างสนใจทันที
มีบึงน้ำเลยนะ! แบบนี้จะทำสวน ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ ตกปลา ก็ทำได้ทั้งหมด ต้องยอมรับว่าเขาอิจฉาหานจุนหมิงอยู่นิดหน่อยที่มีโรงเตี๊ยมกว้างใหญ่ขนาดนี้ แถมมีสระน้ำสวยงาม รวมถึงน้ำตกด้วย ตัวเขาเลยตั้งใจไว้ว่าเมื่อมีที่ดินของตัวเองก็จะทำที่เลี้ยงปลาและแปลงผักต่าง ๆ ไว้กินเองบ้าง ถ้าเหลือก็คงจะแบ่งขายไป
“ราคาเปิดประมูล สามหมื่นผลึก” เมื่อได้ยินราคา ชายหนุ่มยิ่งสงสัยเข้าไปอีก
สถานที่ซึ่งมีลมปราณไกลเวียนเป็นจำนวนมาก แถมมีทั้งผืนดินและบึงน้ำอีก ทำไมถึงเปิดประมูลถูกขนาดนั้น ดูเหมือนจะมีเรื่องแปลก ๆ ภายในที่ดินแห่งนี้แน่ๆ
“ที่ดินผืนนี้มีปัญหาอะไรหรือไม่ ? ราคามันถูกเกินไป” ชายหนุ่มกล่าวถามออกไป ทำให้ชายกลางคนหยักหน้าให้เหมือนรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มจะต้องถามคำถามนี้
“เนื่องจากทำเลของมันอยู่ใกล้กับประตูทิศตะวันออก ซึ่งมักจะมีการบุกโจมตีจากฝูงมอนสเตอร์จากเหวดำอยู่เสมอทำให้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก และสิ่งสำคัญก็คือมันเป็น ที่ดินอาถรรพ์” ชายกลางคนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย กลัวว่าเถ้าแก่จะไปเลือกที่ดินนี้!
“ที่นี่แหละ ! มีบึงน้ำด้วย ข้าจะได้สร้างบ้านพักกลางน้ำ ไว้นอนอาบแดด” ปลาปากเสียกล่าวขึ้นทันทีหลังฟังจบ มันไม่ได้สนใจเรื่องอาถรรพ์อะไรนั่นเลย
“ใช่แล้ว ข้าก็จะสร้างน้ำตกสวรรค์เช่นกัน รวมถึงจะเลี้ยงปลาด้วย” ซึ่งแน่นอนว่าสัตว์เลี้ยงเป็นยังไง เจ้าของก็มักจะมีนิสัยไม่ต่างกันนัก อาถรรพ์อะไรนั่น ไร้สาระสิ้นดี!