ตอนที่แล้วChapter 622 นิกายไป่เหอเซิ่งมาเยือน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 624 หลิงหยวนเสวี๋ยผู้อหังการ

Chapter 623 ในนิกายนิรันดรไม่มีใครสนใจพวกนาง.


เฉิงฮุยซิน อาวุโส 11 ของนิกายไป่เหองเซิ่ง พลังบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดา จักรพรรดิยุทธ์ขั้นที่เก้า นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลอีกด้วย.

ตามประสบการณ์แล้วนี่แค่ค่ายกลธรรมดา ๆ .

ใช่แล้ว!

เหล่าเฉินจะทำลายค่ายกล เพื่อตอบโต้กลับไปให้พวกเจ้าได้รับความอับอาย.

หลังจากที่เฉิงฮุยซิน ก้าวเข้ามาในค่ายกล จิตสัมผัสของนางที่ส่งออกไป เพื่อที่จะถอดรหัสค่ายกล.

ทว่า เป็นสิ่งที่นางคาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก เพียงแค่จิตสัมผัสปะทะเข้ากับค่ายกล ก็ทำให้ค่ายกลเกิดการระเบิดขึ้นมาทันที!

“อิ อิ อิ อิ!”

เจิ้นเต๋อจวินในนิกายที่ยกมือปิดปากหัวเราะอย่างแปลก ๆ.

เขาที่ยกระดับค่ายกลผสานเข้ากับค่ายกลรวมสายฟ้า ขอเพียงมีพลังภายนอกพยายามที่จะถอดรหัสมัน ก็จะทำให้เกิดการระเบิดใหญ่.

ซึ่งเกิดการระเบิดจริง ๆ!

ฟู่ ฟู่ -----

กระแสลมที่โบกพัด ฝุ่นควันที่ลอยคลุ้ง.

ฝุ่นผงที่ค่อย ๆสลายหายไป ก่อนที่จะเห็นที่ทางเข้านั้นเกิดเป็นหลุมยักษ์ขึ้น.

จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระกตุก.

หากเกิดการระเบิดใกล้กว่านี้ เกรงว่าคงส่งผลต่อนิกายแน่.

ไม่.

เจิ้นเต๋อจวินที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นมา เขาควรที่จะรู้ระยะใหนอันตรายไม่อันตราย.

นอกจากนี้ดูเหมือนระยะรอบ ๆ นิกายจะลดความรุนแรงของระเบิดให้น้อยลงด้วย.

ทว่าแรงระเบิดนั้นก็ทำให้เฉิงฮุยซินอยู่ในสภาพยับเยินเหมือนกัน.

นางที่ยืนกลางหลุม ร่างกายมีม่านพลังวิญญาณที่แตกร้าว จากนั้นก็ทำให้นางพ่นโลหิตออกมา.

บาดเจ็บ!

„อาจารย์!”

„อาจารย์!”

เหล่าศิษย์ของนางที่อุทานร้องออกมาด้วยความตกใจ.

พวกนางที่ปลอดภัยดี เพราะว่าการระเบิดของค่ายกลนั้น เฉิยฮุยซินสร้างม่านพลังวิญญาณขึ้นมาป้องกันทุกคน ไม่เช่นนั้น นางคงไม่กระอั๊กโลหิตออกมา.

“อาวุโสผู้นี้.”

เจียงเซี่ยที่ส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “ลืมบอกไปเลย หากว่าจิตสัมผัสพยายามยกเลิกค่ายกลมันจะระเบิด ที่นี่คือนิกายนิรันดร ไม่ใช่นิกายไป่เหอเซิ่ง ในเมื่อเจ้ามาเพียงเพื่อผู้เยี่ยมชม โปรดอย่าได้กระทำอะไรตามใจ.”

เฉิงฮุยซินที่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว.

นางรับรู้ว่า ฝ่ายตรงข้ามจงใจทำเช่นนี้แน่นอน.

ทว่าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ในเมื่อนางยอมรับที่จะทดสอบ แต่กับคิดทำลายค่ายกลไป เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง.

ขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวสารอีกกำมือ

เจียงเซี่ยเอ่ย “ไม่มีค่ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องทดสอบอีก เข้ามาได้เลย แต่จำเอาไว้ว่า ในนิกายนิรันดรเองก็มีค่ายกลติดตั้งอยู่ โปรดรักษามารยาทด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องแบกรับผลด้วยตัวเอง!”

“ไป!”

เฉิงฮุยซินที่ระงับอารมณ์ “ตามมา!”

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ทุกคนที่กระโดด และร่อนลงที่ทางเข้า ยกเว้นมู่หรงซิน แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว.

นิกายนิรันดรไม่ไว้หน้าพวกนางแม้แต่น้อย ทำให้ความรู้สึกที่เหนือกว่าของพวกนางยากจะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้.

......

“กึก ซี่!”

ประตูที่เปิดออก.

ซูเซียวโม่ที่ก้าวออกมา ยกมือประสาน “เจ้านิกายรออยู่ที่ห้องโถง โปรดตามข้ามา.”

เฉิงฮุยซินแค่นเสียงเย็นชา “เหล่าเฉินเดินทางมาไกล ไม่ใช่ว่าเจ้านิกายของเจ้าต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ?”

“หากเจ้านิกายที่ทรงเกียรติ เจ้านิกายแน่นอนต้องออกมาต้อนรับ ทว่า อาวุโส...”ซูเซียวโม่หยุดและเอ่ยต่อ “เกรงว่าไม่มีคุณสมบัติพอ.”

“สามหาว!”

เหล่าศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว.

“อะไรนะ?”

ซูเซียวเซียวโม่ยักไหล่ เอ่ยออกมาเบา ๆ “ไม่ได้ยินเลย?”

คน ๆ นี้หน้าหนาเกินไปแล้ว.

ศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งคนหนึ่งที่ทนไม่ได้ กับคำพูดดังกล่าว หากแต่เฉิงฮุยซินที่ยกมือขวางเอาไว้ “ประมุขนิกายระดับห้า ช่างทำตัวยิ่งใหญ่จริง ๆ.”

กล่าวจบ ทุกคนที่ก้าวเข้ามาในนิกาย.

ศิษย์ของนิกายไป่เหอเซิ่ง จ้องมองเขม็งด้วยความโกรธเกรี้ยวไปยังซูเซียวโม่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ.

เจ้าคนน่ารังเกียจ ไร้มารยาท ไม่มีการศึกษา!

เมื่อครั้งไปยังตระกูลเซียวในอดีตเพื่อถอนหมั้น พวกเจ้าที่ดูแคลนกล่าวหยันอีกฝ่ายต่าง ๆ นานา คิดว่าพวกเจ้ามีมารยาท และการศึกษาสินะ?

สายตาของพวนางที่จ้องเขม็งร้อนรุ่ม ๆ ไม่วางตา.

“อย่ามองเยอะ.”

ซูเซียวโม่เอ่ย “ข้าเกรงว่าเจ้าจะตกหลุมรักข้า.”

“โทษทีนะ.”

เขาที่กล่าวต่ออีก “ถึงพวกเจ้าจะชอบข้าจริง ๆ ข้าคงจะตอบรับไม่ได้ เพราะว่าหน้าตาของพวกเจ้านั้นธรรมดาเกินไป.”

หากไม่เพราะว่าอาจารย์ของนางมาด้วย บางทีเหล่ากลุ่มศิษย์สตรีของนิกายไป่เหอเซิ่งคงนำกระบี่ออกมาจ้วงแทงซูเซียวโม่ให้กลายเป็นรูไปแล้ว.

......

ในอดีต พวกนางที่เป็นคนของนิกายระดับสอง ต่างก็ได้รับการต้อนรับเป็นดั่งแขกผู้ทรงเกียรติ ฉอเลาะเอาอกเอาใจ แม้แต่เกรงว่าจะทำให้ขุ่นเคือง.

หากแต่ความพิเศษเหล่านั้น กับไม่มีในนิกายนิรันดรเลย.

ขณะที่เฉิงฮุยซินนำศิษย์ของพวกนางเดินตรงไปยังห้องโถง ศิษย์ของนิกายนิรันดรที่เหล่ตามองเล็กน้อย.

ข้าคิดว่าศิษย์นิกายระดับสองจะยอดเยี่ยม ทว่าดูแล้วกับธรรมดาเป็นอย่างมาก.”

“เทียบกับศิษย์พี่หญิงใหญ่แล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหว.”

“จะพูดก็พูดเถอะ โชคดีแล้วที่พวกนางถอนหมั้นไป กับสตรีที่มีความงามระดับนี้ ไม่คู่ควรกับศิษย์พี่เซียวเลยแม้แต่น้อย.

คำพูดกระซิบกระซาบของศิษย์นิกายนิรันดรดังเบา ๆ.

แต่กับทำให้ศิษย์สตรีนิกายไป่เหอเซิ่งเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว.

พวกนางมาจากนิกายใหญ่ มั่นใจในรูปลักษณ์และพรสวรรค์เป็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้กับถูกประเมินว่าธรรมดา ยากที่จะยอมรับได้.

“ทุกท่าน.”

ลี่ลั่วฉิวก้าวออกมาจากห้องโถง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เข้าไปในห้องโถง โปรดปลดอาวุธด้วย.”

สตรีผู้โดดเด่น สวมชุดเครื่องแบบนิกายที่ฉูดฉาด รูปร่างส่วนเว้าโค้งของนางที่เข้ารูปดูงดงามหยดย้อย.

ศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งอาจจะดูไม่เลว ทว่าเทียบกับสตรีที่เติบโตเช่นถางจู่ลี่ แตกต่างกันไกลจริง ๆ!

บางคนที่แม้แต่ต้องการพูด.

ข้าเห็นชัดแล้ว!

ใช่แล้ว!

หลิงหยวนเสวี๋ยที่เป็นสตรีงดงาม นี่ก็ยิ่งเห็นชัดเจน ว่าศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งไม่สามารถเทียบได้.

หากจะกล่าวถึงความน่ารัก ยังไม่สามารถเทียบได้กับ หลิวหว่านซีและเหยาเมิ่งหยิง แม้แต่ครึ่งมนุษย์เช่นเซียวโม่เซียว พวกเขายิ่งต่างกันมากมายนัก.

ยังมีใครที่จะนำมาเทียบได้อีก?

ไม่ต้องเอ่ยถึงลู่เชียนเชียนเลย.

ศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่งดงามสูงส่ง กลิ่นอายที่ดูเหนือล้ำ แม้แต่พรสวรรค์และหน้าตา ที่ก้าวนำหน้าห่างคนเหล่านี้ไปไกล.

ไม่จำเป็นต้องสงสัย ศิษย์นิกายนิรันดร ถึงได้กระซิบกระซาบกล่าวเช่นนั้นออกมา ไม่ได้จงใจว่ากล่าว ทว่าศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งนั้นไม่สามารถนำมาเทียบได้แม้แต่เศษเสี้ยวนิกายนิรันดรนั่นเอง.

แน่นอน.

มู่หรงซินอาจจะพอไปวัดไปวาได้บ้าง.

นอกจากนาง ศิษย์สตรีคนอื่น ๆ พวกนางแทบหาความงามไม่เจอ.

เฉิงฮุยซินกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ผู้ฝึกยุทธ์กับอาวุธเป็นของคู่กัน.”

“ขออภัย.”

ลี่ลั่วฉิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือกฎเกณฑ์ของนิกายนิรันดร ในเมื่อพวกเจ้าเป็นคนมาเยี่ยมเยือน ก็ควรทำตามกฎ.”

“หากไม่ทำตามกฎล่ะ?”เฉิงฮุยซินเอ่ย.

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “ก็จากไปซะ.”

“......”

ใบหน้าของเฉิ’ฮุยซินที่ใบหน้าบิดเบี้ยว.

นางรู้สึกว่า นิกายนิรันดร จงใจสร้างความลำบากให้กับตัวเอง!

นิกายระดับห้าที่เพิ่งยกระดับ กล้าที่จะปฏิบัติกับนิกายระดับสองเช่นนี้ ไปเอาความกล้ามาจากใหนกัน!

“เจ้านิกายจุน!”

เฉิงฮุยซินที่แค่นเสียงเอ่ยด้วยความเย็นชา “นี่คือการต้อนรับแขกของนิกายนิรันดรอย่างงั้นรึ?”

“อาวุโสเฉิง.”

เสียงของจุนซ่างเซียวที่ดังออกมาจากห้องโถง “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เรื่องนี้ไม่มีใครเคยบอกท่านรึ?”

เฉิงฮุยซินได้ยินคำพูดดังกล่าว มือทั้งสองข้างที่สั่นไปมาเล็กน้อย.

“อีกเรื่อง.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ให้ศิษย์ของท่านเก็บความโกรธเกรี้ยวนั้นกลับไปด้วย เพราะในนิกายนิรันดรของข้านั้น ไม่มีใครสนใจพวกนางหรอก.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด