Chapter 622 นิกายไป่เหอเซิ่งมาเยือน
สิ่งที่เซียวจุ้ยจื่อเคยประสบ เหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ครั้งนั้น จุนซ่างเซียวไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เขาที่ทำได้ แค่ในตอนนี้ ที่จะไม่ยอมให้ศิษย์คนใหนของเขาได้รับความทุกข์ซ้ำอีกครั้ง!
ลู่เชียนเชียนที่ประสบปัญหาที่จังหวัดตงเป่ยลู่ สามารถที่จะรับประกันความรู้สึกของเขาได้ดี.
ศิษย์นิกายนิรันดรของข้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ก็ไม่สามารถข่มเหงได้.
จุนซ่างเซียวที่เป็นดังบิดาบุญธรรม.
เขาที่ให้ความรักต่อศิษย์ทุกคน.
เขาชอบเซียวจุ้ยจื่อ รักหลี่ชิงหยาง รักศิษย์ทุกคนในนิกายนิรันดร.
ฟูมฟักด้วยความรัก เป็นดังครอบครัวเดียวกัน การที่เห็นศิษย์เติบโต ทำให้เขามีความสุข เห็นพวกเขาแข็งแกร่ง ก็ทำให้เขาภาคภูมิใจ.
แน่นอน.
เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครมารังแกแน่!
“เจ้านิกาย....”
เซียวจุ้ยจื่อที่รู้สึกซาบซึ้ง น้ำตาคลอเบ้าทันที.
ทรัพยากรมากมายที่เขาได้รับ และการปกป้องทุกคนด้วยความรัก กับเจ้านิกายเช่นนี้ นิกายแบบนี้ เขาพร้อมที่จะอุทิศทั้งชีวิตให้!
“จุ้ยจื่อ จำเอาไว้.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างจริงจัง “เป้าหมายของนิกายนิรันดร น้ำตาบุรุษมีค่าดั่งทอง ย่อมไม่หลังน้ำตาง่าย ๆ.”
เซียวจุ้ยจื่อเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิ ระงับน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา.
“เอาล่ะไปพักเถอะ.”
จุนซ่างเซียวที่ตบไปที่บ่าของเขา เอ่ยออกมาว่า “ปรับตัวให้ดีที่สุด ทำให้ทุกคนได้เข้าใจ ว่าอย่าดูแคลนผู้เยาว์เพียงเพราะว่าเขายากจน!”
“ครับ!”
เซียวจุ้ยจื่อกล่าวเสียงเบา แววตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ.
......
หลังจากกลับห้องโถง จุนซ่างเซียวที่เรียกลี่ลั่วฉิวมาหา และกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “รีบไปสืบให้เปิ่นจั้ว เมื่อหลายปีที่แล้วใครบ้างที่เดินทางไปถอนหมั้นที่ตระกูลเซียว!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนยากจะลืมเลือนเป็นความอับอายที่กัดกินจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก.
ต้องสืบสวน!
แม้แต่เอาความ.
ถึงจะเกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว บิดาก็จะทวงแค้นนี้.
เขาไม่ได้สอบถามเซียวจุ้ยจื่อ เพราะว่าเรื่องดังกล่าวนี้มันเป็นเหมือนกับว่า จะไปเพิ่มความเจ็บปวดให้กับอีกฝ่ายไป.
“รับทราบ.”
ลี่ลั่วฉิวที่ถอยออกไป.
หลังจากที่สืบสวนแล้ว ข้อมูลก็ถูกส่งมาอย่างรวดเร็ว.
ลี่ลั่วฉิวที่กลับมารายงาน “วันที่ไปถอนหมั้นนั้นเป็นอาวุโส 11 ของนิกายไป่เหอเซิ่ง นามเฉิงฮุยซิน และยังมีมู่หรงซินศิษย์สายตรง และศิษย์อีกหกคน แม้นว่าจะไม่สามารถระบุสถานะได้ ทว่าก็บอกได้เป็นผู้เยาว์ศิษย์ของนาง.”
เรื่องนี้เป็นที่โจษจันของเมืองลี่หยางเป็นอย่างมาก ในเวลานั้นถึงจะผ่านไป 6-7 ปี ทว่าความทรงจำยังคงชัดแจ้ง.
อย่างไรก็ตาม.
ตอนนี้เมืองลี่หยางที่นำมันกลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง.
นี่ก็เพราะว่า เซียวจุ้ยจื่อที่ถูกถอนหมั้น ถูกตระกูลไล่ออก เป็นศิษย์ของนิกายนิรันดร กล่าวได้ว่าเวลานี้เขากลายเป็นคนที่น่าเกรงขามเป็นที่รู้จักอีกครั้งนั่นเอง.
“เฉิงฮุยซิน?”
จุนซ่างเซียวที่จำเอาไว้.
ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “อาวุโสนิกายไป่เหอเซิ่ง เป็นสตรี.”
“งั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่เคาะนิ้วบนโต๊ะ เผยยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าคงต้องเอาคืนสักหน่อย.”
......
บนป่าเขาลำเนาไพร.
ผู้ฝึกยุทธ์สตรีกลุ่มหนึ่งที่กำลังพักอยู่ หนึ่งในนั้นคืออดีตคู่หมั้นของเซียวจุ้ยจื่อ มู่หรงซิน.
ในเวลานี้ นางนั่งอยู่บนศิลาก้อนใหญ่ ใบหน้าเผยความเศร้าใจเป็นอย่างมาก.
“ศิษย์น้อง.”
ศิษย์สตรีคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามา “เจ้าไม่ยิ้มตั้งแต่ออกมาจากนิกายแล้ว กังวลอะไรอย่างงั้นรึ?”
“......” มู่หรงซินไม่เอ่ยอะไรออกมา.
“ในความเห็นของข้า.”
ศิษย์ที่อยู่ใกล้ ๆ เอ่ยออกมาว่า “ศิษย์น้องคงจะไม่ต้องการเห็นเซียวจุ้ยจื่ออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เจ้ากับมันแตกต่างกันราวกับสวรรค์และนรก.”
“ใช่แล้ว.”
อีกคนที่กล่าวเสริม “ศิษย์น้องนั้นมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำ ตอนนี้ก็ตัดผ่านไปยังระดับกษัตริย์ยุทธ์แล้ว กับขยะมนทลชิงหยาง แม้นว่ารากวิญญาณและพลังบ่มเพาะคืนกลับมาแล้ว ทว่าก็ยังไม่คู่ควรแม้แต่ถือรองเท้าให้กับเจ้า.”
“ศิษย์พี่ โปรดหยุดพูดเถอะ.”มู่หรงซินขมวดคิ้วไปมา.
“เฮ้อ.”
อีกคนเอ่ย “ศิษย์น้อง เจ้าและเขาไม่ได้หมั้นหมายกันแล้ว ทำไมไม่ปล่อยวางล่ะ จะเก็บความรู้สึกเอาไว้ทำไม.”
“ไม่ใช่ยังมีความรู้สึกให้กับมันอยู่รึ?”อีกคนที่กล่าวคาดเดา.
“ศิษย์น้องเป็นธิดาที่สวรรค์เลือก หลากหลายนิกายใหญ่ต่างก็ปรารถนาที่จะผูกสัมพันธ์ กับขยะที่ไร้ค่า คู่ควรให้คิดถึงอย่างงั้นรึ?”
มู่หรงซินที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
ตั้งแต่เด็กแล้ว เหล่าศิษย์พี่ที่กล่าวยกยอนาง ในเวลานั้นทำให้นางภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก.
ทว่าเมื่อเติบโตขึ้นมา มู่หรงซินก็ค่อย ๆ ตระหนักได้ ว่าคำพูดที่คนอื่นยกยอนางนั้น กำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคนอื่นให้จมลงอยู่.
ข้าไม่ต้องการทำร้ายเขา.
ข้าเพียงแค่ต้องการไล่ตามวิถียุทธ์ที่สูงส่งเท่านั้น.
มันไม่ได้มีความหมายดั่งที่ทุกคนเข้าใจเลย.
เฉิงฮุยซินก้าวเข้ามา เอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจ “สัญญาสามปีของเจ้า ควรจะบอกอาจารย์ให้รู้ก่อนหน้านี้.”
“อาจารย์ ข้า....”
“เงียบ การเดินทางไปยังนิกายนิรันดรครั้งนี้ จะต้องยกเลิกคำสัญญานั่นซะ อย่าลืมว่าเจ้าต้องเข้าร่วมงานชุมนุมผู้นำพยัคฆ์มังกร อย่าได้เสียเวลาต่อสู้กับพวกสวะไร้ค่า.”เฉิงฮุยซินกล่าว.
ด้วยคำพูดดังกล่าว ไม่ต้องบอกเลยว่า การเดินทางไปยังนิกายนิรันดรนั้น นางไม่ต้องการไป ไม่ต้องการให้ประวัติซ้ำรอยอีก.
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการไปครั้งนี้ มันก็ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่แล้วที่นิกายไป่เหอเซิ่งนำคนไปยังตระกูลเซียวเพื่อถอนหมั้นเลย.
น่าเสียดาย.
นิกายนิรันดร ไม่ใช่ตระกูลเซียว.
เซียวจุ้ยจื่อก็ไม่ใช่เซียวจุ้ยจื่อคนเดิมอีกแล้ว.
......
ขณะพวกเขาพักเสร็จ ก็เร่งรีบเดินทาง และไปถึงเชิงเขาไท่กู่ในอีกสองวันถัดมา.
“นี่นะรึ? นิกายที่เพิ่งมีชื่อเสียงในยุทธ์ภพเมื่อเร็ว ๆ นี้?”
“ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย.”
“เทียบกับนิกายพวกเราแล้ว ยังต่างกันไกลมากมายนัก.”
ศิษย์ของนิกายไป่เหอเซิ่งที่เผยความดูแคลนออกมา.
เรื่องที่จุนซ่างเซียวเอาชนะครึ่งก้าวปราชญ์เทพมา พวกเขาก็ได้ยินเช่นกัน ทว่าหาได้สนใจแต่อย่างใด
ครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์นับว่าเป็นสุดยอดฝีมือ นิกายไป่เหอเซิ่งไม่เพียงแค่มี ทว่าพวกเขายังมีปราชญ์ยุทธ์ด้วย เพียงแค่คนอาศัยทักษะเทวะ ไม่ใช่ความแข็งแกร่งตัวเอง ไม่เห็นมีอะไรให้ตื่นตกใจ.
เป็นเรื่องธรรมดาที่นิกายใหญ่ จะมีความภาคภูมิในตัวเองสูง.
“ผู้มาเป็นใคร.”
เสียงของเจียงเซี่ยที่ดังขึ้น.
เฉิงฮุยซินกล่าวอย่างภาคภูมิ “อาวุโสนิกายไป่เหอเซิ่ง ได้นำศิษย์มาเยือนนิกายนิรันดร.”
เป็นนาง!
เซียวจุ้ยจื่อที่กำลังฝึกฝนอยู่ ได้ยินเสียงดังกล่าว ยากจะลืมเลือน แววตาของเขาที่เผยความโกรธเกรี้ยวปะทุขึ้นมาทันที ความเจ็บปวดที่ซึมลึกอยู่ในจิตสำนึก ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว เส้นโลหิตที่โป่งพองออกมา.
ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้ว.
สตรีนางนี้ก็ยังแสดงท่าทางสูงส่งไม่เปลี่ยน!
จุนซ่างเซียวที่ส่งจิตสัมผัสออกไป เห็นเซียวจุ้ยจื่อที่กำลังโกรธเกรี้ยว กำหมัดแน่น เขาที่สีคางไปมากล่าวเสียงเบา “สิ่งที่ผิดพลาดในอดีต เปิ่นจั้วจะช่วยเจ้าบรรเทาให้ในวันนี้.”
“อาวุโสนิกายไป่เหอเซิ่ง.”
เจียงเซี่ยกล่าวเสียงดัง “เกี่ยวกับกฎของนิกายนิรันดร คนที่จะเข้าเยี่ยมเยือนนิกาย จะต้องผ่านการทดสอบขุนเขาก่อน.”
การทดสอบขุนเขา?
เฉิงฮุยซินขมวดคิ้วไปมา.
นี่ไม่ใช่ว่ามันคือการทดสอบรับศิษย์หรอกรึ?
การที่เหมารวมพวกนางเหมือนกับคนที่ต้องการสมัครเข้านิกาย เห็นชัดเจนว่าพวกเขาไม่เห็นนิกายไป่เหอเซิ่งอยู่ในสายตา!
“แน่นอน.”
เจียงเซี่ยเอ่ยเพิ่ม “หากไม่สามารถทำสำเร็จ สามารถนำศิษย์จากไปได้เลย นิกายนิรันดรของพวกเราไม่ต้องการบังคับฝืนใจใคร.”
คำพูดดังกล่าวที่เผยความตื่นเต้นเล็กน้อย.
เหล่าศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งที่มาด้วย ต่างก็เผยความโกรธเกรี้ยวออกมา.
นิกายระดับห้า กับกล้าสร้างความลำบากให้พวกนาง เรื่องนี้ยากจะยอมรับได้!
“กีดี.”
เฉิงฮุยซินแค่นเสียงเย็นชา “เหล่าเฉินก็ต้องการเห็นจริง ๆ ว่าการทดสอบขุนเขานิกายนิรันดรเป็นอย่างไร.”
กล่าวจบ นางก็นำศิษย์ก้าวต่อไปด้านหน้า.
ซูมมมม!
คนของนิกายไป่เหอเซิ่งที่มาอยู่ด้านหน้าค่ายกลหนึ่งก้าว.
เฉิงฮุยซินที่เผยความเหยียดหยัน “ค่ายกลระดับนี้ ไม่เห็นมีค่าอะไร เหล่าเฉินจะทำลายมันเอง!”
ฟิ้ว---
ระหว่างที่กล่าวนั้น จิตสัมผัสของนางที่ปล่อยออกมา.
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่สัมผัสม่านพลังป้องกัน ก็เกิดประกายแสงส่องสว่างจ้าขึ้นมาในทันที.
“แย่แล้ว!”
ใบหน้าของเฉิงฮุยซินที่เปลี่ยนสี.
ตูมมมม!
ในเวลานั้น เทือกเขาไท่กู่ที่สั่นไหว เสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง.
เกิดการระเบิด!