ตอนที่แล้วChapter 612 เจ้านิกายจุนกำลังบินอยู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 614 พวกเรามาท้าประลอง ไม่ได้มาหาเรื่อง!

Chapter 613 ด่านทดสอบรับศิษย์.


หลังจากได้กายเพลิงศักดิ์สิทธิ์และเกราะรบปีกจักรกล พลังของจุนซ่างเซียวก็เพิ่มขึ้นมากมาย อย่างก้าวกระโดดแต่ไม่รู้ว่ามากเท่าไหร่เหมือนกัน.

ไม่ได้.

ต้องทดสอบ.

เจ้านิกายจุนที่ครุ่นคิดว่าควรจะไปทดสอบกับใครดี.

“ยังมีใครที่ยังไม่ได้ไปคิดบัญชี?”

มีแน่นอน.

ยกตัวอย่างพันธะมิตรร้อยสำนัก.

อย่างไรก็ตามด้วยพลังของเจ้านิกายจุนตอนนี้ เพียงแค่นิ้วเดียวก็คงกำราบพวกเขาจนราบเรียบไปแล้ว.

“หรือว่า จะไปทดสอบกับนิกายโม่ซาและหอเทพสังหารดี?”

หากแต่คิดไปคิดมาก็ต้องพับความคิดไป “ไปหาเรื่องคนอื่นก่อน!”

“อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีก.”

ระบบเอ่ย “ก็คิดได้นิ.”

วิหารจื่อหานนิกายระดับสี่ ยังมีครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์ แน่นอนว่านิกายปิศาจระดับสามเองก็ต้องมี จุนซ่างเซียวที่คิดถึงตอนนี้ จึงไม่ต้องการจะสร้างปัญหาขึ้นอีก.

ถึงเขาจะมีร่างเพลิงศักดิ์สิทธิ์ และมีเกราะรบปีกจักรกล การออกไปหาเรื่องก็หาได้มีประโยชน์อันใด จึงจำเป็นต้องระงับความต้องการเอาไว้.

“เอาล่ะ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “พัฒนานิกายต่อไป เพื่อเตรียมนำศิษย์ไปประลองกับนิกายไป่เหอเซิ่งดีกว่า.”

“เจ้านิกาย.”

หลี่ชิงหยางที่ก้าวเข้ามาในห้องโถง “มีคนมากมายเดินทางมาต้องการเข้าร่วมนิกาย.”

“มากเท่าไหร่?”

“3,000-4,000 คน.”

จุนซ่างเซียวไม่ได้ประหลาดใจมากนัก ต้องไม่ลืมว่าเขาเอาชนะครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์ ขอเพียงไม่ใช่คนตาบอด ก็จะเห็นศักยภาพของนิกายเขามากมายขนาดใหน.

“แจ้งไปยังอาวุโสหนิงทั้งสอง ให้รับผิดชอบในการรับรองศิษย์.”

“ครับ.”

หลี่ชิงหยางขณะกำลังจะออกไป เหล่าเหว่ยก็ก้าวเข้ามา “เจ้านิกาย ชื่อเสียงของนิกายตอนนี้มีไม่น้อย ศิษย์ก็มีจำนวนมาก ทำไมไม่ลองสร้างวิธีคัดเลือกคน คัดคนที่โดดเด่นเข้ามาล่ะ?”

เพื่อที่จะให้นิกายเติบโตอย่างมั่นคง ไม่ใช่แค่เพียงจำนวนศิษย์ที่รับเข้ามา ทว่าจำเป็นต้องรับคนที่โดดเด่นเข้ามาเป็นเรื่องธรรมดา.

เป็นเรื่องแทบจะปรกติทั่วไป สำหรับนิกายใหญ่ที่สร้างวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลคัดกรองคน วัดระดับพรสวรรค์ ระดับพลัง ตลอดจนความสามารถต่าง ๆ คัดเลือกตามคุณสมบัติที่โดดเด่น.

“มีเหตุผล.”จุนซ่างเซียวที่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว.

จำนวนคนที่มารับสมัครจำนวนมากไม่สามารถที่จะรับทุกคนเข้ามาได้ หากว่าต้องตั้งโต๊ะคัดคนทุกวันคงลำบากไม่น้อย จำเป็นต้องมีระบบคัดกรอง ที่สามารถคัดกรองคนที่โดดเด่นเข้ามาได้เลย.

“เหล่าเหว่ย.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “มีอะไรแนะนำหรือไม่?”

เหล่าเหว่ยเอ่ย “ข้าคิดว่าควรจะกำหนดเวลารับสมัครเป็นวันเวลาที่แน่นอน สร้างวิธีการตรวจสอบคัดกรองพวกเขา รับคนที่โดดเด่นเข้ามา.”

“เห็นด้วย.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย.

อย่างไรก็ตาม ควรจะใช้วิธีการคัดกรองอย่างไร?

เหล่าเหว่ยเอ่ย “พวกเราสามารถใช้วิธีเหมือนกับนิกายใหญ่อื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น เตรียมเส้นทางที่จะมาถึงทางเข้านั้นเต็มไปด้วยค่ายกล คนที่ขึ้นเขาได้ตามระยะเวลากำหนดก็ได้รับการคัดเลือก.”

“เรื่องนี้ต้องมอบให้กับเหล่าเจิ้น.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

เหล่าเหว่ยที่กล่าวต่อ “การฝึกฝนยุทธ์นั้น คงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่ร่างกายต้องแข็งแกร่ง มีพรสวรรค์ มีการตระหนักรู้ที่ดีและเจตจำนงที่กล้าแกร่ง ดังนั้นการทดสอบแล้วจึงควรเริ่มที่ความแข็งแกร่งทางร่างกาย จากนั้นก็เป็นพรสวรรค์ และการตระหนักรู้.”

“ทดสอบร่างกายและเจตจำนง จากนั้นก็ทดสอบพรสวรรค์และทดสอบการตระหนักรู้สินะ”

จุนซ่างเซียวกล่าวเสียงเบา.

เหล่าเหว่ยเอ่ย “ข้าแนะนำว่า การตรวจสอบการตระหนักรู้นั้นให้เจ้านิกายเป็นคนตัดสินใจ.”

“เรื่องนี้.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “งั้นเจ้าก็ไปทดสอบคัดเลือกคนที่มีร่างกายแข็งแกร่งและเจตจำนงที่แกร่งกล้าเข้ามา แล้วข้าจะตรวจสอบพรสวรรค์และการตระหนักรู้เอง.”

แน่นอน.

ยังต้องมีการทดสองพรสวรรค์ ค่ายกล ยา หลอมอุปกรณ์ ปรุงยาและความสามารถพิเศษต่าง ๆ ที่พวกเขามีอีก.

สิ่งเหล่านี้ แน่นอนว่ารับหน้าที่โดยเหล่าเหว่ยและเหล่าเจิ้น.

จุนซ่างเซียวที่ตัดสินใจ มอบหมายให้หลี่ชิงหยาง ไล่ทุกคนไปอยู่ที่เชิงเขาก่อน.

“วูซซซ!”

“วูซซซ!”

ระหว่างทางขึ้นเขา มีการจัดต่างค่ายกลขึ้น.

เพียงไม่นาน เจิ้นเต๋อจวินที่ก้าวเข้ามารายงาน “เจ้านิกาย ค่ายกลแรงโน้มถ่วงวิญญาณจัดเตรียมเสร็จแล้ว มีแรงโน้มถ่วงสองเท่า.”

ค่ายกลแรงโน้มถ่วงวิญญาณ มาจากหนังสือสามสิบสองประตูวิญญาณนั่นเอง.

ไม่เพียงแค่แรงโน้มถ่วงทางกาย ยังกดทับจิตใจ กล่าวได้ว่าไม่เพียงแค่ทดสอบกายเนื้อ ยังทดสอบวิญญาณ นี่คือค่ายกลที่เหมาะสมในการทดสอบเป็นอย่างมาก.

“สองเท่าน้อยไป.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เพิ่มเป็นห้าเท่า.”

เจิ้นเต๋อจวินที่มุมปากกระตุก “มันไม่โหดร้ายไปหน่อยรึ?!”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม่มีอะไรโหดร้าย การจะคัดคนที่มีความแข็งแกร่งและเจตจำนงที่มั่นคง พวกเขาจะต้องมีความมุ่งมั่นที่เพียงพอซะก่อน.”

“รับทราบ.”

เหล่าเจิ้นที่ออกไปเพิ่มระดับค่ายกลแรงโน้มถ่วงวิญญาณเป็นห้าเท่าทันที.

จากนั้นจุนซ่างเซียวที่ค้นหาวิชาบ่มเพาะของซ่างกวนซินเหยาที่คิดค้น เพื่อทดสอบพรสวรรค์ในการเรียนรู้ของพวกเขาด้วย.

วิชาบ่มเพาะเหล่านี้เป็นเขาที่ปรับเปลี่ยนให้สมบูรณ์ ความเข้าใจตระหนักรู้เกี่ยวกับวิชาบ่มเพาะเหล่านี้ เขาเข้าใจดี.

แน่นอน.

เจ้านิกายจุนไม่ได้กังวลที่พวกเขาจะนำไปเรียนรู้เอง ต้องไม่ลืมว่าระดับมันไม่ได้สูงนัก ถึงจะสำเร็จขั้นสุดยอด ก็ไม่ได้ทำให้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แต่อย่างใด.

“ชิงหยาง ให้พวกเขาปีนขึ้นเขามา.”

“รับทราบ!”

......

ที่เชิงเขา.

ผู้ฝึกยุทธ์  3,000-4,000 แต่ละคนที่มาลงทะเบียนเต็มไปด้วยความเศร้าใจ.

คนเหล่านี้ ล้วนแต่มาจากมนทลภายนอก ต่างก็ต้องการเข้าร่วมนิกายนิรันดรเป็นอย่างมาก.

ทว่าเพิ่งมาถึงก็ถูกไล่ลงเขามา.

“เฮ้อ.”

ชายคนหนึ่งเอ่ย “ในอดีตเจ้านิกายจุนไม่ลังเลที่จะลงเขาไปรับสมัครคนที่เมืองทั้งแปด ข้าไม่เห็นได้อย่างไร ตอนนี้ต้องการเข้าร่วมนิกายนิรันดร บางทีคงยากเป็นอย่างมาก.”

“นี่คือนิกายสามA ที่มีอนาคตที่จะยิ่งใหญ่ การรับศิษย์ทั่วไปนั้นไม่มีแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเราจะพลาดโอกาสเหล่านั้นแล้ว.”ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนที่กล่าวอย่างขมขื่น.

เป็นความจริงที่พวกเขาพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไป.

ก่อนหน้านี้เจ้านิกายจุนที่ต้องการยกระดับนิกาย ได้ใช้แผนการหลอกล่อเพื่อที่จะรับศิษย์เข้ามาด้วยซ้ำ.

ตอนนี้พวกเขามีชื่อเสียงไม่น้อย ไม่กังวลว่าจะไม่มีคนต้องการเข้าร่วม แน่นอนว่าไม่สามารถที่จะรับคนเข้ามาง่าย ๆ เช่นกัน.

“ฟิ้ว!”

หลี่ชิงหยางที่ปรากฏขึ้น ก่อนที่จะโกนออกมาเสียงดัง “ทุกคนที่ต้องการเข้าร่วมนิกายนิรันดร จงพิสูจน์ตัวเองขึ้นเขาให้ทันเวลา หากพ่ายแพ้ก็ถือว่าหมดสิทธิ.”

เขาที่โบกมือ เอ่ยออกมาว่า “เริ่มได้.”

“ไป! ไป!”

ทุกคนที่เคลื่อนไหวพุ่งไปด้านหน้าทันที.

ทว่าเพียงแค่ก้าวแรกที่ก้าวออกไป พวกเขาก็สัมผัสถึงพลังที่มากล้นราวกับคลื่นสึนามิกดทับลงมา จนทำให้พวกเขาต้องคำรามออกมา.

“แย่แล้ว!”

“นี่มันพลังอะไรกัน!”

“ข้ารู้สึกราวกับแบกภูเขา!”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปยากจะทนแบกรับได้ ใบหน้าบิดเบี้ยวไปมา.

แน่นอน.

ยังมีคนที่แข็งแก่งอยู่ด้วยเช่นกัน.

ด้วยแรงโน้มถ่วงห้าเท่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวต่อไปได้.

“แย่แล้ว ไม่ไหวแล้ว......”ผู้เยาว์คนหนึ่งที่ไม่สามารถก้าวต่อไป เหนื่อยล้าจนต้องนั่งลง.

แรงกดทับนี้ไม่ใช่แค่ร่างกายยังรวมถึงจิตวิญญาณด้วย คนทั่วไป แน่นอนย่อมต้องเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก.

“กึก!”

“กึก!”

เหล่าผู้เยาว์ที่ก้าวไปต่อกล้ามเนื้อพวกเขาที่ปูดโปน เหงื่อทั่วร่างที่ไหลโชกอาบกาย หากแต่ยังมีจิตใจที่เข้มเข็งยังคงก้าวต่อไป.

“เจ้านิกาย.”

ที่ด้านหน้าทางเข้า เหล่าเหว่ยเอ่ย “เด็ก ๆ เหล่านี้ไม่เลวเลย.”

“อืม.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ควรค่าให้ฝึกฝน.”

ที่เชิงเขา 3,000-4,000 คน แม้นว่าส่วนใหญ่จะนอนราบไปกับพื้นเมื่อมาถึง ทว่าแรงใจของพวกเขานั้นไม่ธรรมดาสามารถอดกลั้นก้าวขึ้นมาอย่างไม่ละความพยามยาม หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม คนที่ขึ้นมาถึงยอดเขา ก็มีถึง 500-600.

ไม่มีใครที่ไม่เคยฝึกยุทธ์มาก่อน หากแต่ก็มีหลายคนเพิ่งเริ่มบ่มเพาะเท่านั้น.

ถึงแม้นว่าจะมีคนทั่วไปเดินทางมา ไม่จำเป็นที่พวกเขาต้องปีนเขา เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ยากจะผ่านการทดสอบได้.

“ศิษย์พี่.”

ลี่เฟยเอ่ย “พวกเราโชคดีจริง ๆ!”

ซูเซียวโม่กล่าว “อืม.”

หลายคนที่ถูกคัดออก หลายคนที่มีพรสวรรค์เหนือกว่าพวกเขาในอดีตซะอีก.

หากเจ้านิกายสร้างกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดรับศิษย์ พวกเขาไม่มีทางที่จะได้เข้าร่วมนิกายนิรันดรเป็นแน่.

ขณะที่พวกเขาทั้งคู่กำลังคิดถึงความหลัง จุนซ่างเซียวที่ปรากฏด้านหลัง ก่อนยกตำราสื่อจวี้เคาะไปที่ศีรษะของพวกเขา “ยืนมองทำอะไร ยังไม่ไปช่วยเหล่าคนที่หมดแรงอีก.”

“ครับ!”

ซูเซียวโม่และลี่เฟยที่ลูบศีรษะและวิ่งออกไป.

ความคิดของเขาก่อนหน้านี้ ถูกเคาะไปที่กบาลหายไปหมด.

การที่พวกเขาได้เข้าร่วมนิกายก่อนหน้านี้ช่างโชคดีจริง ๆ เป็นความโชคดีที่ไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงต้องตะเกียกตะกายแข่งขันกับคนมากมายเช่นนี้แน่นอน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด