Chapter 605 ความแข็งแกร่งนิกายยกระดับขึ้น.
นิกายโม่ซาและหอเทพสังหารที่ส่งศิลาวิญญาณรวม 200,000 มา ทำให้จุนซ่างเซียวปล่อยคนของพวกเขาไปอย่างง่ายดาย.
อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดวิญญาณของพวกเขาไม่ได้ส่งคืน เขายังสามารถกำหนดความเป็นความตายของพวกเขาได้.
เจ้านิกายจุนต้องการทำเช่นนี้ตั้งแต่แรก ด้วยเหตุนี้จึงยอมให้พวกเขาถูกไถ่ตัวไปนั่นเอง.
สี่จักรพรรดิยุทธ์ขั้นปลายที่ถูกนำต้นกำเนิดวิญญาณไป ทว่าหลังจากกลับไปแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าเอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกไปอีก ด้วยหวั่นเกรงชีวิตของตัวเองที่พร้อมจะตกตายไปทุกเวลา.
“200,000 ศิลาวิญญาณ ให้ศิษย์ใช้ คงจะทำให้พวกเขาตัดผ่านระดับได้เร็วยิ่งขึ้น.”
ภารกิจมหากาพย์ทั้งห้าจะต้องทำให้สำเร็จภายในหกเดือน เจ้านิกายจุนไม่ประมาทอย่างแน่นอน.
อย่างไรก็ตาม แม้นว่าจะได้รับมาไม่น้อย กับศิษย์หมื่นคน ก็ได้รับคนล่ะ 20 ก้อนเท่านั้นเอง.
การใช้ศิลาวิญญาณเพื่อยกระดับนั้น เป็นการผลาญทรัพยากรมหาศาล อย่าว่าแต่นิกายระดับห้าเลย แม้แต่นิกายระดับสองก็ไม่สามารถทำได้.
สำหรับจุนซ่างเซียวไม่ได้มีเพียงแค่ศิลาวิญญาณยังมีส่วนผสมอื่น ๆ อีกด้วย.
โดยเฉพาะค่ายกลรวมวิญญาณในดินแดนลับ เป็นเส้นทางหลักในการยกระดับความแข็งแกร่งของศิษย์.
เด็ก ๆ.
จงตัดผ่านระดับให้ได้ภายในครึ่งปี!
สี่จักรพรรดิยุทธ์ขั้นปลายถูกไถ่ตัวไปแล้ว มีเพียงแค่ไท่จางเหล่าที่อยู่ในสภาพอนาถ.
ในเวลานั้น เขาที่ฟื้นคืนอาการบาดเจ็บแล้ว หากแต่เขายังต้องลากร่างที่แก่ชราไปกวาดใบไม้อยู่ในลานยุทธ์.
ด้วยชีพจรทั้งหมดถูกระงับ เขาเวลานี้ไม่ต่างจากคนทั่วไป.
ต้นกำเนิดวิญญาณที่ถูกนำไป ความเป็นความตายของเขาที่ถูกควบคุมไว้แล้ว ทำได้แค่เป็นคนรับใช้เท่านั้น.
ครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์กับกลายเป็นเช่นนี้ น่าอนาถเป็นอย่างมาก.
......
ศิษย์ทุกคนที่เข้าใช้ดินแดนลับ จากนั้นก็ใช้ค่ายกลรวมวิญญาณด้านนอกตลอดจนหอคอยเก็บประสบการณ์ พวกเขาไม่เคยว่างเว้นปล่อยเวลาให้เสียเปล่าเลย.
ถึงจะไม่สามารถใช้ดินแดนลับได้ตลอดเวลา แต่ก็ยังมีสิ่งอื่น ๆ สนับสนุนการบ่มเพาะของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม.
เจียงเซี่ยและสองพี่น้องหนิงที่เวลานี้ทุ่มสมาธิในการบ่มเพาะ เพื่อตัดผ่านไปยังกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลายให้ได้.
ทุกคนที่จริงจังในการบ่มเพาะเป็นอย่างมาก.
ระหว่างภารกิจมหากาพย์จุนซ่างเซียวที่ไม่สามารถบ่มเพาะได้ เขาจึงใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์ที่สุดในการจัดการนิกาย และศึกษาวิถียุทธ์.
ที่โลกภายนอก.
ผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่พูดคุยเรื่องของนิกายนิรันดรไม่หยุด ชื่อเสียงของพวกเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก.
มีหลายนิกายใหญ่ ที่รู้ว่าจุนซ่างเซียวสามารถเอาชนะครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์ได้ สร้างความสนใจ สงสัยใคร่รู้ของพวกเขาเป็นอย่างมาก นิกายแห่งนี้สืบทอดมาจากนิกายโบราณใดกันแน่.
หลาย ๆ คนที่เริ่มศึกษาค้นคว้าบันทึกในประวัติศาสตร์ ท้ายที่สุดก็ไม่พบสิ่งใด ทำให้นิกายนิรันดรนั้นดูลึกล้ำมากยิ่งกว่าเดิม.
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหาข้อมูลใดได้ ไม่ว่าพวกเขาจะสืบทอดมาจากโบราณของนิกายใด ทว่าก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องง่าย ๆ ต้องไม่ลืมว่าอีกฝ่ายสามารถเอาชนะครึ่งก้าวสู่ปราชญ์ยุทธ์ได้ ความแข็งแกร่งนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน.
ส่วนนิกายโม่ซาและหอเทพสังหาร พวกเขาที่ได้แต่กลืนความแค้น กลืนความเจ็บช้ำนี้และหายไปจากสารบบไป.
ที่ตื่นตะลึงตกใจที่สุดคงหนีไม่พ้นจังหวัดตงเป่ยลู่.
ไท่จางเหล่าวังจื่อหาน ที่ตัดผ่านครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์ ท้ายที่สุดกลับพ่ายแพ้ต่อนิกายนิรันดรอย่างราบคาบ.
ในเวลานั้นเจ้านิกายเสวียนหลงและคนอื่น ๆ ที่ได้รับข่าว พวกเขาที่กลายเป็นโง่งมไปเลย.
แผนการร้ายของพวกเขาที่ต้องการหาเรื่องนิกายนิรันดร ไม่คาดคิดเลยว่าจะกลายเป็นเช่นนี้.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลานั้นจุนซ่างเซียวที่ไม่รีบเร่งกังวลใจที่จะปะทะกับแปดจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปลาย แท้จริงแล้วก็มีไม้ตายเช่นนี้ในมืออยู่นั่นเอง!
โชคดี โชคดีสุด ๆ!
ที่สตรีนางนั้นนำตราราชันย์เหมันต์ออกมา ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาในเวลานั้นเกรงว่าคงจะโชคร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ลู่เชียนเชียนที่นำตราแสดงฐานะแต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผล.
นางที่กำลังบ่มเพาะในทะเลน้ำแข็งไร้สิ้นสุด สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์ของไท่จางเหล่าวังจื่อหาน นางเกรงว่านิกายจะได้รับภัย ดังนั้นจึงเร่งรีบเดินทางกลับเช่นกัน.
ทว่าท้ายที่สุดก็เดินทางได้ครึ่งทาง ก็ได้ยินว่าเจ้านิกายจัดการอีกฝ่ายไปแล้ว.
นี่เขาคือปราชญ์ยุทธ์อย่างงั้นรึ?
แววตาของลู่เชียนเชียนที่เผยท่าทางตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก.
หลังจากที่นางครุ่นคิด ก็คืนกลับไปบ่มเพาะที่จังหวัดตงเป่ยลู่ตามเดิม.
ข้าได้เผยตราราชันย์เหมันต์ออกมาแล้ว นิกายจังหวัดตงเป่ยลู่ยังกล้าไปสร้างปัญหานิกายของข้า หรือว่าข้ายังจริงจังไม่พอ?
รอก่อนเถอะ ข้าต้องกลับไปเอาคืนแน่.
ลู่เชียนเชียนที่ต้องใช้เวลาสักระยะ เพราะว่านางนั้นยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับมรดกของราชันเหมันต์เท่าที่ควร.
การที่นิกายนิรันดรถูกข่มเหงครั้งนี้ นางไม่ยอมแพ้แน่ แต่ต้องการความแข็งแกร่งก่อน อย่างน้อยก็ต้องเข้าใจเกี่ยวกับมรดกที่นางได้รับมา.
......
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น.
ศิษย์ของนิกายนิรันดร์ ที่ยกระดับขึ้นเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวทีเปิดคอนโซน จำนวนบรรพชนยุทธ์ขั้นปลายเวลานี้มีถึง 200 คนแล้ว ส่วนกษัตริย์ยุทธ์และกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลายยังไม่เปลี่ยน.
หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่น ๆ นั้นแตกต่างจากเย่ซิงเฉิน ถึงจะเข้าไปฝึกในดินแดนเร่งเวลา ก็ยังยากจะตัดผ่านระดับเป็นกษัตริย์ยุทธ์.
จุนซ่างเซียวนั้นหาได้กังวลอะไร.
ในความเห็นของเขานั้น ยังมีเวลาถึงห้าเดือน การที่พวกเขาจะตัดผ่านระดับนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน.
ยังมีเวลาห้าเดือน.
ขณะที่หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆ เข้าไปในดินแดนลับกาลอวกาศเดือนที่สอง เมื่อถูกส่งออกมา พวกเขาก็ตัดผ่านระดับ กลิ่นอายกษัตริย์ยุทธ์ที่แผ่ออกมารอบ ๆ.
พวกเขาไม่ได้มีประสบการณ์เช่นเย่ซิงเฉิน ไม่ได้มีวิชาบ่มเพาะพระสูตรไท่ฉวน แต่การก้าวไปถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์ได้เร็วขนาดนี้ นับว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก.
“ติ๊ง! ติ๊ง!”
ในเวลานั้น เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นเป็นระยะ.
ห้ากระษัตริย์ยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 8 คน หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อ หลี่เฟยและเถียนซีได้ตัดผ่านระดับไปแล้วนั่นเอง.
นับรวมเย่ซิงเฉิน และโจวหง ก็เพียงแค่สอง แต่นับแล้วทำไมถึงได้สามล่ะ?
แน่นอน.
ดูเหมือนว่าจะเป็นลู่เชียนเชียน.
นางที่บ่มเพาะที่จังหวัดตงเป่ยลู่ ได้ก้าวสู่ระดับกษัตริย์ยุทธ์แล้ว.
เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้ เพราะนางมีวิชาบ่มเพาะหัวใจเหมันต์ลึกล้ำ และยังมีกายาธาตุน้ำแข็ง การบ่มเพาะของนางไม่ได้ด้อยกว่าเย่ซิงเฉินแน่นอน.
เดือนที่สอง.
เหล่านักเรียนที่มีพรสวรรค์ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ก้าวถึงบรรพชนยุทธ์ขั้นปลาย ทำให้จำนวนบรรพชนยุทธ์ขั้นปลายจาก 200 เป็น 389.
ด้วยความเร็วนี้ ระบบบรรพชนยุทธ์ขั้นปลายต้องไปถึง 500 ในเดือนหน้าแน่นอน.
เป็นความจริง.
เดือนที่สาม ศิษย์ที่เข้าไปบ่มเพาะในดินแดนลับ หลังจากถูกส่งออกมาจาก 389 คนเพิ่มขึ้นเป็น 600 กว่าคน.
เส้นตายครึ่งปี สามเดือนก็เสร็จแล้ว สำเร็จไปขั้นหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก.
จุนซ่างเซียวเองด้วยการใช้ดินแดนลับเร่งเวลา ผลข้างเคียงหนึ่งปี ก็หมดลง พลังบ่มเพาะกษัตริย์สองวิถียุทธ์และกระบี่ก็คืนกลับมา พลังวิญญาณที่อาบไล้ไปทั่วทุกส่วนร่าง เป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก!
“เจ้านิกาย.”
ซ่างกวนซินเหยาที่ก้าวเข้ามาจากด้านนอก นางที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าเล็กน้อย “ศิษย์สร้างวิชาบ่มเพาะมากมาย โปรดช่วยชี้แนะด้วย.”
จุนซ่างเซียวที่มอบภารกิจให้กับนาง ให้นางสร้างวิชาบ่มเพาะให้มากที่สุด ถึงแม้ว่าจะเสร็จครึ่งหนึ่งก็ตาม.
“มากเท่าไหร่?”
“เกือบ 500-600.”
“มากขนาดนั้นเลยรึ?”
จุนซ่างเซียวถึงกับลุกขึ้นยืน.
ซ่างกวนซินเหยาเอ่ย ”ศิษย์ใช้เวลาสามเดือน ไม่ได้บ่มเพาะเลย แม้แต่เข้าไปในดินแดนลับกาลอากาศก็คิดค้นวิชาบ่มเพาะตลอด.
“ร้ายกาจ ร้ายกาจมาก!”จุนซ่างเซียวกล่าวชื่นชม.
ในเวลาสั้น ๆ นางคิดค้นวิชาบ่มเพาะมากมาย นับว่าเป็นความสำเร็จที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตามวิชาบ่มเพาะของซ่างกวนซินเหยานั้น เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แม้แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้.
จุนซ่างเซียวที่ใช้ยันต์รู้แจ้ง พร้อมกับปรับแต่งมัน ให้สมบูรณ์และใช้ประโยชน์ได้ในทันที.
กล่าวได้ว่าเป็นการร่วมมือกันที่สมบูรณ์แบบ ทว่าวิชาบ่มเพาะเหล่านี้ ระดับไม่สูงนัก ดังนั้นจึงไม่ควรค่าให้บ่มเพาะ.
แล้วให้ศึกษาเพื่ออะไร?
แน่นอนก็เพื่อที่จะเอาจำนวน ไปแลกเปลี่ยนวิชาบ่มเพาะที่ลึกล้ำนั่นเอง.
ฟิ้ว!
จุนซ่างเซียวที่เปิดฟังก์ชันหอตำรา วิชาบ่มเพาะคันฉ่องสวรรค์ห้าธาตุ ตอนนี้เพิ่มเป็น 700 เล่ม เกือบถึง 998 เล่มก็จะสามารถแลกซื้อได้แล้ว!
วิชาบ่มเพาะมากมายขนาดนี้ ที่ซ่างกวนซินเหยาศึกษา นอกจากนี้ยังมีที่เขารวบรวมมาจากการทำลายสองสาขานิกายโม่ซาและหอเทพสังหารด้วยนั่นเอง
“ซินเหยา.”จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าวกระตุ้นนางด้วยความยินดี “ศึกษาให้หนัก สร้างวิชาบ่มเพาะที่แตกต่างกันอีกสักสองสามร้อยให้เสร็จในเดือนหน้าให้ได้.”
“ค่ะ.”
ซ่างกวนซินเหยาที่พยักหน้ารับ.
ตอนแรก เจ้านิกายจุนที่รู้สึกนางร้ายกาจมาก ตอนนี้ต้องยอมรับว่านางน่าเกรงขามจริง ๆ.
ต้องมีสมองที่ร้ายกาจขนาดใหน ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็สามารถสร้างวิชาบ่มเพาะและทักษะยุทธ์ได้มากขนาดนี้.
“เจ้านิกาย.”
ในวันหนึ่ง หลี่ชิงหยางที่เข้ามารายงาน “เจ้าเมืองมู่เมืองบัญชาสวรรค์ขอเข้าพบ.”
“เชิญเลย.”
เพียงไม่นาน มู่ซ่างหงที่นำบุตรสาวมู่หงเหลียนก้าวเข้ามาในห้องโถง ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “เจ้านิกายจุน นิกายนิรันดร์ของท่านยังขาดศิษย์อยู่หรือไม่? บุตรสาวของข้าสามารถที่จะเข้าร่วมนิกายของท่านได้ไหม?”