Chapter 209: Three Core Formation spiritual treasures, the wealth of Gold Core Perfected Beings2/2
โลกแห่งการบ่มเพาะนั้นช่างลึกลับ อะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด
"สามี ถ้าอย่างนั้น เราจะไปที่ไหน?"
เล้งอวี้ซี ถามด้วยความสงสัย
"เอาล่ะ หลังจากคิดดูแล้ว ข้าคิดว่าเราควรไปที่สหพันธ์ไร้ขอบเขต"
"แม้ว่านิกายใหญ่ระดับแยกวิญญาณอื่น ๆ จะรับสมัครบริวาร แต่ก็มีข้อจำกัดมากมาย"
"แต่สหพันธ์ไร้ขอบเขต นั้นแตกต่างออกไป ถือว่าเป็นพันธมิตรของผู้บ่มเพาะอิสระ แลและพวกเขารับเกือบทุกคน"
"โดยเฉพาะพวกเธอที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับแกนทอง ย่อมได้รับการต้อนรับจาสหพันธ์ไร้ขอบเขต อย่างแน่นอน พวกเธอสามารถสร้างขุมอำนาจระดับแกนทองของตัวเองได้ด้วย"
"ว่ากันว่าหลังจากเข้าร่วมสหพันธ์ไร้ขอบเขต พวกเขาสามารถจัดสรรเกาะให้เราได้ช่วยให้เราปรับตัวเข้ากับเขตทะเลคังหลั่น ได้อย่างรวดเร็ว"
โจวสุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
นี่ก็เป็นทางเลือกของเขาหลังจากตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการเข้าร่วมสหพันธ์ไร้ขอบเขต
อย่างไรก็ตาม เขามีความลับมากมายอยู่กับตัว และไม่เหมาะที่จะเข้าร่วมกับนิกายเหล่านั้น
การเข้าร่วมพันธมิตรผู้บ่มเพาะอิสระ สหพันธ์ไร้ขอบเขต น่าจะดีกว่า
ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับอิสรภาพ แต่เขายังสามารถได้รับการปกป้องจากสหพันธ์ไร้ขอบเขต
กล่าวได้ว่านี่คือการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว
แน่นอนว่า การเข้าร่วมสหพันธ์ไร้ขอบเขต นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างน้อยต้องเป็นผู้บ่มเพาะระดับแกนทอง ถึงจะได้รับการยอมรับจากอีกฝ่าย
หากอยู่แค่ระดับสร้างรากฐาน ก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลย
โชคดีที่เล้งอวี้ซี หลินเหยาจู และเฉินปี้เชียน เป็นผู้บ่มเพาะระดับแกนทองทั้งหมด
เชื่อว่าหากพวกเธอออกโรงด้วยตัวเอง คงจะเข้าร่วมสหพันธ์ไร้ขอบเขตได้อย่างง่ายดาย
"ทำไมเราต้องเข้าร่วมนิกายใหญ่ระดับแยกวิญญาณเหล่านี้?"
"เหตุใดจึงต้องเข้าร่วมนิกายระดับแยกวิญญาณเหล่านี้?"
"เขตทะเลคังหลั่นนั้นกว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยเกาะรกร้างมากมาย"
"เราแค่หาเกาะสักแห่งเพื่อตั้งรกราก ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?"
เซีย จิงหยาน ถามด้วยความสงสัย
"มันไม่ง่ายขนาดนั้น"
"แม้ว่าจะมีเกาะมากมายในเขตทะเลคังหลั่น แต่เกาะที่มีชีพจรปราณปฐพีะดับสามนั้นหายาก"
"เกาะที่ใหญ่เท่าเกาะเซียนเซี่ยนั้นหายากมาก ถือว่าเป็นเกาะขนาดใหญ่พิเศษแล้ว"
"และหากไม่มีการปกป้องจากนิกายใหญ่ระดับแยกวิญญาณ ขุมอำนาจอื่น ๆ จะสร้างปัญหาให้เจ้าอยู่เสมอ"
"โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับนิกายใหญ่ระดับแยกวิญญาณ เจ้าจะต้องยอมมอบชีพจรปราณปฐพีะดับสามที่เจ้าครอบครองอยู่ให้พวกเขา"
"ดังนั้นหากเจ้าต้องการมีชีวิตรอดในเขตทะเลคังหลั่น เจ้าต้องร่วมมือกับผู้อื่น"
"แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หากเล้งอวี้ซีและคนอื่น ๆ ต้องการก้าวสู่ระดับแยกวิญญาณพวกเขาต้องติดต่อสื่อสารกับนิกายใหญ่"
"ด้วยวิธีนี้ พวกเขาอาจได้รับทรัพยากรระดับแยกวิญญาณในอนาคต"
โจวสุ่ยอธิบาย
แม้โจวสุ่ยจะยึดมั่นในแนวทาง "กู่" แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องใช้ชีวิตในสถานที่ห่างไกลผู้คน
คำว่า "ซ่อนตัวอยู่ในเมือง" หมายถึงการกลมกลืนไปกับผู้บ่มเพาะมากมายและกลายเป็นคนธรรมดา
หากพวกเขาซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเกาะอื่น ๆ พวกเขามีโอกาสสูงที่จะถูกผู้บ่มเพาะปิศาจโจมตีหรือเผชิญหน้ากับคลื่นสัตว์ร้าย
โดยการพึ่งพานิกายใหญ่ระดับแยกวิญญาณ พวกเขาสามารถได้รับการสนับสนุนและการคุ้มครองจากอีกฝ่าย
"เข้าใจแล้ว"
เหล่าหญิงสาวพยักหน้าเข้าใจความหมายในคำพูดของโจวสุ่ย
ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน การรวมกลุ่มกันเป็นกฎข้อแรกที่ผู้บ่มเพาะอิสระต้องยึดถือเพื่อการอยู่รอด
มิฉะนั้น ผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอจะถูกศัตรูฆ่าได้ง่าย
การมีองค์กรอยู่ ศัตรูจะไม่กล้าประมาทพวกเขา
เหมือนกับในยุคสมัยที่วุ่นวายในอดีต แก๊งต่างๆ เรืองอำนาจ เพราะการเข้าร่วมแก๊งและกลายเป็นสมาชิก จะเป็นการปกป้องพวกเขาได้อย่างแท้จริง
มิฉะนั้น พวกเขาจะถูกกลั่นแกล้ง
"สามี ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะถึงเขตแดนของที่สหพันธ์ไร้ขอบเขต"
จี ชิงหยู ถามด้วยความสงสัย
อย่างไรก็ตาม เขตทะเลคังหลั่น นั้นกว้างใหญ่ไพศาล และพวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่ามันกว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหน
แม้แต่เส้นผ่านศูนย์กลางล้านกิโลเมตรของเกาะเซียนเซียก็ดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเขตทะเลคังหลั่น เหมือนจุดเล็กๆ
เธอไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขาต้องล่องเรือในทะเลแห่งนี้ไปนานแค่ไหน
"เอาล่ะ ตามความเร็วของเรือเหาะ คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าปีถึงจะถึง"
โจวสุ่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ
โดยธรรมชาติแล้ว นิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ก็เก็บแผนที่ทะเลของเขตทะเลคังหลั่น ไว้บ้างเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว ผู้บ่มเพาะระดับแกนทองทุกคนในแต่ละรุ่นที่ต้องการบรรลุระดับแยกวิญญาณต่างก็ต้องการออกจากเกาะเซียนเซี่ย พวกเขาจึงจำเป็นต้องซื้อแผนที่ทะเลจากหอสมบัติลึกลับ
แน่นอนว่าแผนที่ทะเลเหล่านี้มีค่าสูงมาก และหอสมบัติลึกลับก็ตั้งราคาไว้สูง แต่ก็คุ้มค่า
เพราะว่าหากไม่มีแผนที่ทะเล พวกเขาจะต้องหลงทางในทะเลอันกว้างใหญ่แน่นอน
การกระทำของปรมาจารย์นิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนๆ ก็ช่วยให้เขาสะดวกเช่นกัน
หลังจากที่ กู่หนังสือ กลืนแผนที่ทะเลนี้ มันก็เข้าใจเขตทะเลคังหลั่น ในระดับหนึ่ง
อะไรนะ?!
เมื่อได้ยินคำนี้ ผู้หญิงทุกคนตกใจและไม่เชื่อ เพราะการเดินทางนี้ช่างยาวนานเกินไป
พวกเขารู้ดีว่าเรือเหาะเร็วแค่ไหน
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องใช้เวลาล่องเรือห้าปีถึงจะถึง
ดังนั้นจึงสามารถจินตนาการได้ว่าการเดินทางนั้นไกลแค่ไหน
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้บ่มเพาะจากเกาะเซียนเซียมีจำนวนน้อยมากที่ออกจากเกาะ
เพราะเขตพื้นที่เจริญรุ่งเรืองของเขตทะเลคังหลั่น อยู่ไกลออกไปมาก
การเดินทางใช้เวลาถึงห้าปี บวกกับความเป็นไปได้ที่จะเผชิญกับสัตว์ประหลาด ผู้บ่มเพาะอิสระ และอื่นๆ อีกมากมายระหว่างทาง
บ่อยครั้ง ก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทาง พวกเขาอาจตายไปกลางทาง
กล่าวได้ว่าหากไม่มีการบ่มเพาะของระดับแกนทอง การกล้าออกทะเลก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
แต่ตอนนี้พวกเขามีสามผู้บ่มเพาะแกนทองคุ้มกันพวกเขา ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย
"เสียดายจัง...ถ้าเรามีค่ายกลเคลื่อนย้ายในตำนานก็คงดี ถึงจุดหมายได้ในพริบตาเดียวเลย"
มู่ จื่อหยานบ่นด้วยความเสียดาย
"ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นหายากมาก ว่ากันว่ามีเพียงนิกายระดับแยกวิญญาณขึ้นไปเท่านั้นที่ครอบครอง"*/
“และค่ายกลเหล่านั้นก็มีอยู่บนเกาะระดับสี่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นค่ายกลเชิงกลยุทธ์”
(คนแปลอธิบาย เชิงกลยุทธ์ เช่นการเคลื่อนย้ายกองทัพอย่างรวดเร็ว การโจมตีแบบฉับพลัน
การหลบหนีจากศัตรู การป้องกันฐานที่มั่น )
“แทบไม่มีโอกาสให้บุคคลภายนอกได้ใช้เลย”
"แม้แต่สมาชิกของนิกายเอง ทุกครั้งที่ใช้งานก็ต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมหาศาล คนธรรมดาหมดสิทธิ์ใช้แน่นอน"
"นิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์เคยมีค่ายกลเคลื่อนย้าย"
"แต่น่าเสียดายที่มันถูกทำลายสิ้นในการต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อสามพันปีก่อน แม้จะอยากฟื้นฟูก็ไม่มีหนทางเลย"
"นั่นก็เป็นสาเหตุที่เกาะเซียนเซี่ยถูกตัดขาดจากเกาะใหญ่ๆ ในเขตทะเลคังหลั่น"
เล้งอวี้ซี พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"หลังจากสูญเสียค่ายกลเคลื่อนย้ายการเดินทางไปยังเกาะอื่นๆ ของเกาะเซียนเซี่ยก็กลายเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะไม่มีใครทนการเดินทางที่ยาวนานหลายปีได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าการเดินทางแบบนี้ยังมีความเสี่ยงสูง เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ที่ต้องการออกจากเกาะเซียนเซี่ย มีเพียงผู้บ่มเพาะระดับแยกวิญญาณอย่างหอสมบัติลึกลับเท่านั้นที่สามารถข้ามทะเลอันกว้างใหญ่และนำสมบัติมาขายบนเกาะเซียนเซี่ยได้ กอบโกยความมั่งคั่งมหาศาลจากมัน"
.........
ดึกสงัด
บนเรือเหาะ โจวสุ่ย อยู่ในห้องของเขา ศึกษาถุงเก็บของทั้งแปดใบที่เขาได้รับจากผู้บ่มเพาะแกนทองอย่างละเอียด
เขาไม่มีเวลาศึกษาพวกมันมาก่อน เพราะว่าต้องหนีอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ในที่สุดเขาก็หนีรอดมาได้ และมีเวลาว่างบ้าง
ควรสังเกตว่า หลัวหัว และคนอื่นๆ ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะแกนทองที่ครอบครองเกาะเซียนเซี่ยมาหลายปี ในฐานะผู้นำของอำนาจหลัก จินตนาการได้ว่าพวกเขาร่ำรวยแค่ไหน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พกสมบัติทั้งหมดติดตัวไปด้วย แต่เพียงส่วนหนึ่งของพวกมันก็คงน่าทึ่ง
"หินวิญญาณระดับสูงมากขนาดนี้เลยหรือ!?"
โจวสุ่ยเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาคลี่ถุงเก็บของทั้งแปดออก สัมผัสแรกของเขาบอกได้ทันทีว่าถุงเหล่านี้อัดแน่นไปด้วย หินวิญญาณระดับสูง แทบจะหา หินวิญญาณระดับกลาง ไม่เจอเลย
ส่วนหินวิญญาณระดับต่ำนั้นไม่มีเลย สำหรับผู้บ่มเพาะแกนทอง หินวิญญาณระดับต่ำนั้นเปรียบเสมือนเศษเงินที่ไร้ค่า พวกเขาแทบไม่เหลียวแลเงินจำนวนน้อยขนาดนั้น โดยทั่วไปแล้ว หินวิญญาณระดับสูง ถูกใช้เป็นหน่วยเงินหลัก ของเหล่าผู้บ่มเพาะแกนทอง
หินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อนเทียบเท่ากับหินวิญญาณระดับกลางหนึ่งร้อยก้อน และหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งหมื่นก้อน มูลค่ามหาศาล
เขาคํานวณอย่างระมัดระวัง และพบว่ามีหินวิญญาณระดับสูงทั้งหมดสิบสองพันก้อนเก็บอยู่ในถุงเก็บของทั้งแปด นี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นจำนวนที่น่าทึ่ง
สำหรับผู้บ่มเพาะระดับรวมลมปราณหรือระดับสร้างรากฐาน นี่คือความมั่งคั่งที่ยากจะจินตนาการ
แน่นอนว่า มีเพียงผู้บ่มเพาะแกนทองเท่านั้นที่สามารถครอบครองโชคลาภมหาศาลเช่นนี้ได้
"หินวิญญาณระดับสูงถือเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ในโลกการบ่มเพาะ"
"เพราะมีค่ายกลมากมายที่ต้องใช้หินวิญญาณระดับสูงในการเปิดใช้งาน เช่น ค่ายกลเคลื่อนย้าย"
"ค่ายกลระดับสามและระดับสี่ก็เช่นกัน"
"แหล่งพลังงานของเรือเหาะระดับสามก็ต้องการหินวิญญาณระดับสูงเช่นกัน"
โจวสุ่ยลูบคาง
เขารู้สึกพึงพอใจมาก หินวิญญาณระดับสูงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะเอาทุนคืนได้แล้ว
ท้ายที่สุด การขุดหินวิญญาณระดับสูงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขากำลังมุ่งหน้าไปยังสหพันธ์ไร้ขอบเขตสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคย เป็นการดีกว่าที่จะมีทุนเริ่มต้นมากขึ้น
เพราะเขาไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป เขามีกองทัพขนาดใหญ่ถึงเก้าพันคนอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้
"เดี๋ยวก่อน นี่มันทรัพยากรระดับแกนทองหรือเปล่า?"
"นี่จริงหรือไม่จริง? จริงๆ มีหยดน้ำแข็งไฟอยู่สามส่วน?!"
"มันจริง มันเกิดขึ้นจริง"
โจวสุ่ย เบิกตากว้างอย่างดีใจ
เขาบังเอิญพบทรัพยากรระดับแกนทองสามชิ้น ของเหลว หยดน้ำแข็งไฟในกระเป๋าเก็บของเหล่านี้
ในอดีต เล้งอวี้ซี เคยเสี่ยงชีวิตประมูลทรัพยากรระดับแกนทองในงานประมูล เธอเกือบถูกวางยาพิษโดยนิกายเงาปีศาจ
แต่ตอนนี้ เขาพบทรัพยากรระดับแกนทองสามชิ้นในกระเป๋าเก็บของเหล่าผู้บ่มเพาะระดับแกนทอง
มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ
ควรสังเกตว่าเขามี ของเหลวหยกทอง สามเม็ดอยู่แล้ว เล้งอวี้ซี ใช้ไปหนึ่งเม็ด เหลือของเหลวหยกทองอีกสองเม็ด
และตอนนี้ เขาได้รับทรัพยากรระดับแกนทองสามหยด
หมายความว่าไม่เพียงแค่เขา แต่ภรรยาของเขาอย่าง จี ชิงหยู ก็ได้รับทรัพยากรระดับแกนทองเช่นกัน
ในอนาคต เมื่อพวกเขาพยายามสร้างแกนทอง พวกเขาจะไม่ขาดแคลนทรัพยากร
แน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ในอนาคต เขาอาจไม่ต้องการทรัพยากรระดับแกนทองเหล่านี้เลย เขาอาจพยายามสร้างแกนทองด้วยตัวเอง
ท้ายที่สุด ทรัพยากรระดับแกนทองนั้นใช้โดยคนที่มีความสามารถปานกลาง
อัจฉริยะที่แท้จริงมีรากฐานที่มั่นคงมาก และไม่มีปัญหาแม้ว่าพวกเขาจะพยายามสร้างแกนทองด้วยตัวเอง
พวกเขาอาจได้รับประโยชน์มากขึ้น
แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต
ตอนนี้ การได้รับทรัพยากรระดับแกนทองเหล่านี้ เเป็นการรับประกันในระดับหนึ่งสำหรับการสร้างแกนทองของเขาในอนาคต
ถ้าเขาไม่สามารถสร้างแกนทองด้วยตัวเองได้จริง ๆ การใชทรัพยากรเหล่านี้จะเป็นแผนสำรอง
อันนี้เป็นภาพพระเอกกำลังคิดและสำรวจ ถุงเก็บของแปดใบ ใช้ เอไอรันภาพทำมาขำๆ ถ้าใครชอบแนวๆนี้ช่วยเม้นด้วย ตอนไหนมีฉากดีๆเดวให้เอไอมันสร้างภาพให้ ขำๆน่ะ
(จบบทนี้)