บทที่ 33: กลับบ้าน
บทที่ 33: กลับบ้าน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูฟ่านนำตราประจำตัวมาจากผู้อาวุโสและพาสองพี่น้องเข้าสู่นิกายเทียนฉัว
หลังจากเข้าสู่นิกายเทียนฉัวแล้ว ซูฟ่านก็เรียกเรือเหาะหลิงเฟิงออกมาและบินไปกับพี่น้องไปยังยอดเขาของเขาเอง
“ว้าว นี่คือที่ที่เหล่าเซียนอาศัยอยู่หรอ?” เด็กหญิงตัวน้อยมองลงไปที่เมืองด้านล่างด้วยความประหลาดใจ
“นี่เป็นเพียงพื้นที่ด้านนอกสุดของนิกายเทียนฉัวเท่านั้น เมืองด้านล่างถูกสร้างขึ้นโดยผู้ฝึกตนอิสระที่ผูกสัมพันธ์กับนิกายของเราเอาไว้”
“ตรงไปทางทิศตะวันตกอีก 100 กิโลเมตร แล้วพวกเจ้าจะไปถึงพื้นที่ชั้นนอก ซึ่งเป็นที่ที่พวกเจ้าทั้งสองจะอาศัยอยู่ในภายหลัง” ซูฟ่านพูดเบาๆ กับสองพี่น้อง เมื่อมองดูลูกศิษย์ใหม่ทั้งสองคนของเขาแล้ว เขาก็รู้สึกถึงความรู้สึกที่แปลกใหม่
“ท่านอาจารย์ มันยากไหมที่จะกลายเป็นเซียน?” เด็กน้อยถามอย่างเป็นกังวล เขาควรทำอย่างไรถ้าเขาไม่สามารถเป็นเซียนได้? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอาจารย์ของเขาไม่ต้องการเขาแล้ว?
“ไม่ พวกเจ้าทั้งคู่จะสามารถเป็นเซียนได้ตราบใดที่พวกเจ้ามุ่งมั่นและตั้งใจ” ซูฟ่านพูดด้วยรอยยิ้ม เขามองดูเด็กน้อยที่เป็นกังวล
เขาค่อนข้างพึงพอใจกับเด็กน้อยผู้มีความรับผิดชอบตามแบบฉบับพี่ใหญ่ มันเน้นย้ำถึงความภักดีและความเชื่อใจได้
“ข้ากับน้องสาวขอกินเนื้อทุกวันได้ไหม?” ในที่สุดเด็กน้อยก็ถามคำถามที่เขาสนใจมากที่สุด และเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็รีบหันมามองซูฟ่านด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“แน่นอน พวกเจ้าสามารถรับประทานมันได้ทุกมื้อเลย”
ในเวลานี้ เรือเหาะหลิงเฟิงก็ได้เข้าสู่นิกายชั้นนอกอย่างเป็นทางการแล้ว
ซูฟ่านสร้างนกกระเรียนกระดาษที่ทำมาจากอักษรรูนวิญญาณ จากนั้นก็ส่งมันบินไปยังสำนักงานใหญ่ของหอการค้าผางฟู่พร้อมกับข้อความ
เนื้อหาในข้อความคือการให้คนรู้จักของเขาช่วยดูแลคนชราทั้งสองและหาสถานที่ที่เหมาะสมในเมืองเพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุข
“ห้ะ มีคนอยู่หน้าประตูบ้านข้า?”
ซูฟ่านใช้วิชาตาอินทรีและมองไปที่คนทั้งสอง
ในเวลาเดียวกัน หวังยู่หลุนก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างและมองไปในทิศทางของเรือเหาะวิญญาณของซูฟ่าน
“พี่ซูกลับมาแล้ว!” หวังยู่หลุนลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น น้ำตาแห่งความปิติยินดีไหลออกมาจากหางตาของเขา
ก่อนที่จะมาถึงยอดเขา ซูฟ่านก็ได้ยินเสียงตะโกนอันร่าเริงของหวังยู่หลุนแล้ว
“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าสบายดี ข้าขอโทษที่ไปร่วมงานแต่งของพวกเจ้าไม่ได้” ซูฟ่านหัวเราะในขณะที่เขามองไปที่หวังยู่หลุนที่ตื่นเต้นซึ่งดูเหมือนกับเด็กน้อย เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาเป็นห่วงเขามาก ซูฟ่านก็รู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่พี่ซูยังมีชีวิตอยู่แค่นั้นก็พอแล้ว”
ทันใดนั้น หวังยู่หลุนก็ดูเหมือนจะจำบางสิ่งบางอย่างได้ และรีบหยิบซองจดหมายสีแดงออกมาแล้วมอบให้ซูฟ่าน
“พี่ซู นี่คือซองแดงที่ท่านต้องการ”
ซูฟ่านเปิดมันออกและเห็นว่ามันเต็มไปด้วยใบไม้สีทอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงสีทองในทันที แต่แล้วเขาก็ได้สติ ราวกับมันเป็นสิ่งที่เขาชอบตอนเป็นเด็ก
เขาใส่ซองแดงลงในถุงเก็บของที่เอวของเขา
“ว่าแต่พี่ซู เด็กพวกนี้เป็นใครกัน?” มู๋หรงเฉียนเอ๋อถาม พวกเขาไม่ใช่เด็กจากเมืองเซียนหรอกหรอ? แต่พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?”
“โอ้ นี่คือลูกศิษย์ของข้าเอง พวกเขาเป็นคนช่วยชีวิตข้าเอาไว้น่ะ” ซูฟ่านกล่าว
“ขอแสดงความยินดีกับพี่ซูด้วยที่รับลูกศิษย์ แล้วท่านจะจัดงานเลี้ยงไหม?” หวังยู่หลุนหัวเราะและพูด
“ขอแสดงความยินดีกับพี่ซูด้วยที่พ้นจากอันตรายและกลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัย” มู่หรงเฉียนเอ๋อกล่าวตาม
“แน่นอน ถึงเวลาเฉลิมฉลองแล้ว”
ซูฟ่านมองไปยังสองพี่น้องที่ดูกังวลและพูดว่า “พวกเจ้าอยากกินเนื้อใช่ไหม?”
“ใช่!” สองพี่น้องพยักหน้าอย่างเข้มแข็ง
เมื่อมองดูทั้งสองคนในชุดผ้าโทรมๆ ซูฟ่านก็ยื่นมือออกไปทางบ้านของเขา
รูเล็กๆ ถูกเปิดออก และลูกแก้วว่านอี้อันวิจิตรงดงามสองลูกก็บินออกมา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ขั้นพื้นฐานที่ซูฟ่านสร้างขึ้นมาเวลาเบื่อ พวกมันสามารถแปลงร่างเป็นเสื้อผ้าได้ตามใจต้องการ
ลูกแก้วว่านอี้สองลูกติดอยู่กับหน้าอกของสองพี่น้องโดยตรงและเริ่มแสดงการเปลี่ยนแปลง ในเวลาไม่นาน เด็กสองคนที่สวมชุดคลุมเต๋าอันวิจิตรงดงามก็ปรากฏตัวขึ้น
“พี่ซู นี่คืออะไรกัน?” มู่หรงเฉียนเอ๋อถามด้วยความสนใจ
“นี่คือลูกแก้วว่านอี้ที่ข้าสร้างขึ้นตอนเบื่อๆ มันประกอบด้วยวัสดุเสื้อผ้าหลากหลายและสามารถเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อผ้าได้ตามต้องการ” ซูฟ่านอธิบาย เขาทำมันเพราะเขาพบว่าการเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นยากลำบากและน่ารำคาญ
“พี่ซู ท่านให้ข้าอันหนึ่งได้ไหม? ข้ายินดีจะซื้อมันด้วยหินวิญญาณเลย” มู่หรงเฉียนเอ๋อถามอย่างเขินอาย เธอไม่เคยเห็นสิ่งประดิษฐ์ที่ดูสะดวกและน่าสนใจเช่นนี้มาก่อน
“ไม่ต้องถึงขั้นนั้นก็ได้”
จากนั้นซูฟ่านก็เรียกลูกแก้วว่านอี้อีกสามลูกมาจากในห้องสะสมและมอบมันให้กับมู่หรงเฉียนเอ๋อ และเขาก็มอบหนึ่งลูกให้กับหวังยู่หลุน
...
ณ หอคอยเซียนเมามาย
สองพี่น้องที่แต่งกายด้วยชุดคลุมอันงดงามกำลังถือขาไก่และกินมันอย่างตะกละตะกลาม สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจจนไม่อาจบรรยายได้
“พี่ซู สองพี่น้องนี้มีชื่อว่าอะไรหรอ?” หวังยู่หลุนถาม เมื่อมองไปที่พี่น้องที่กำลังกินขาไก่ แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขารู้สึกว่ามันเร็วเกินไปที่จะรับศิษย์ในตอนนี้
ในขอบเขตการฝึกตนของพวกเขา มาตรฐานในการรับศิษย์ส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ที่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานขึ้นไปเท่านั้น
ซูฟ่านตกตะลึง เมื่อมองดูพี่น้องทั้งสอง เขาก็ไม่เคยถามชื่อพวกเขามาก่อนเลย
“หยาน้อย เจ้าและน้องสาวของเจ้ามีชื่อจริงไหม?”
เด็กน้อยมองไปที่ซูฟ่านด้วยความเคารพและพูดว่า “ข้าไม่มีชื่อจริง ในหมู่บ้านของเรา เฉพาะผู้ที่สามารถค้นหาสมุนไพรวิญญาณอันมีค่าได้เท่านั้นถึงจะคู่ควรต่อการมีชื่อ”
“ในกรณีนี้ พวกเจ้าทั้งคู่ก็ใช้นามสกุลของข้าก็แล้วกัน”
“เจ้าจะถูกเรียกว่า ซูกัง และน้องสาวของเจ้าจะถูกเรียกว่า ซูเยว่เซียน”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูฟ่าน สองพี่น้องก็รีบวางขาไก่และคุกเข่าลงพร้อมกับพูดว่า
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่มอบชื่อให้เรา”
สายตาของสองพี่น้องเต็มไปด้วยความเคารพและความผูกพันที่มีต่อซูฟ่าน
...
หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ ซูฟ่านก็กลับไปที่ภูเขาลูกเล็กของเขาเอง เขาพบว่าผางฟู่ได้มารอเขาที่นี่เป็นระยะหนึ่งแล้ว
“ขอแสดงความยินดีด้วยอาจารย์ซูที่ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย!” ผางฟู่กล่าวอย่างมีความสุข
ครึ่งเดือนที่ผ่านมา เมื่อผางฟู่รู้ว่าซูฟ่านถูกไล่ล่าโดยผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ทองคำ เขาก็ร้องไห้จนเกือบจะเสียสติ เมื่อสูญเสียเสาหลักในการพัฒนาไป มันก็เหมือนกับการสูญเสียหัวหน้าพ่อครัวในโรงแรม
“ข้ารอดมาได้ด้วยโชคช่วย”
ซูฟ่านพาผางฟู่ไปที่ห้องพักแขก โดยบอกให้สองพี่น้องออกไปเล่นข้างนอกก่อน
“ข้าได้จัดการตามคำขอของท่านเรียบร้อยแล้ว” ผางฟู่กล่าว
“ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้เฒ่าสองคนนั้นจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขและมั่นคง”
ทันทีที่เขาได้รับข้อความจากซูฟ่าน ผางฟู่ก็รีบจัดการส่งคนของเขาไปดูแลผู้เฒ่าทั้งสองโดยทันที
“ส่วนนี่คือคำขอบคุณจากข้า”
ซูฟ่านมอบสิ่งประดิษฐ์รูปเพชรขนาดเล็กให้ผางฟู่
“ข้าเห็นว่าท่านยังไม่มีพาหนะ ดังนั้นรับสิ่งนี้ไว้และอย่าปฏิเสธเลย ไม่อย่างนั้นข้าคงเกรงใจท่านตายเลย” ซูฟ่านกล่าวด้วยความพึงพอใจ
ดวงตาของผางฟู่เป็นประกายด้วยความประหลาดใจ ในบรรดาสิ่งประดิษฐ์ทั้งหมด สิ่งประดิษฐ์ประเภทยานพาหนะก็ถือว่าค่อนข้างมีราคา และมีเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตฝึกปราณขั้นสูงสุดเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองมันได้
เมื่อได้รับมันมาแล้ว ผางฟู่ก็ยื่นถุงเก็บของให้ซูฟ่าน
“ส่วนนี่คือรายการสิ่งของที่ท่านร้องขอไว้ก่อนหน้านี้” ผางฟู่กล่าว เย่ เสี่ยวเหยาเป็นดาวรุ่งในนิกาย และผางฟู่ก็ไม่กล้าที่จะรุกรานเขา
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะส่งมอบมันให้ท่านภายในห้าวัน บอกเขาให้เตรียมของไว้ให้พร้อมก็พอ”
“ยังไงก็ตาม ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง ท่านช่วยขายของให้ข้าหน่อยสิ พวกมันทั้งหมดเป็นสิ่งประดิษย์ชั้นยอด”
ซูฟ่านหยิบสิ่งประดิษย์ระดับสูงอีกสามชิ้นออกมาในขณะที่เขาพูด
“ท่านจะขายพวกมันยังไงก็ได้ แต่ราคาของพวกมันแต่ละชิ้นต้องไม่ต่ำกว่า 50,000 หินวิญญาณ” ซูฟ่านกัดฟันขณะที่เขาพูด เขาจำเป็นต้องสร้างกองทัพหุ่นเชิดของเขา ซึ่งเขาก็จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมากเพื่อสนับสนุนแผนการของเขา