ตอนที่แล้วบทที่ 31: การรับเป็นศิษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33: กลับบ้าน  

บทที่ 32: ผู้เฝ้าคอย การทดสอบศิษย์


บทที่ 32: ผู้เฝ้าคอย การทดสอบศิษย์

ในขณะที่สองพี่น้องกำลังรับการทดสอบอยู่ในโลกมายา ซูฟ่านก็กำลังตรวจสภาพภายในร่างกายตนเอง

“แม้ว่าในที่สุดข้าจะกำจัดแมลงวิญญาณมรณะลงไปได้แล้ว แต่ข้าก็ยังเสียพลังวิญญาณไปเกินครึ่งหนึ่ง”

“ภาระของดวงวิญญาณข้าเพิ่มขึ้น และข้าก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีในการฟื้นตัว”

ซูฟ่านไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขามากนัก ตราบใดที่เขาสามารถฟื้นตัวได้ มันก็จะไม่นับเป็นความเสียหายถาวร

“ขั้นแรก ข้าจะตั้งเป้าหมายเล็กๆ เอาไว้ก่อน โดยที่ข้าจะไม่ออกจากนิกายภายในสิบปี”

“นอกจากนี้ ข้าจะอยู่ให้ห่างจากเย่เสี่ยวเหยาด้วย”

ซูฟ่านโบกมือแล้วดึงชุดอุปกรณ์ชงชาออกมา เขาหยิบขวดชาวิญญาณออกมาซึ่งมีผลทำให้จิตใจสงบ

เขาเทน้ำวิญญาณลงในกาน้ำชา และมีเปลวเพลิงเล็กๆ ปรากฏที่ด้านล่างของกาน้ำชา

“เมื่อข้ากลับไปเมื่อไหร่ ข้าจะสร้างหุ่นเชิดให้เป็นกองทัพเลย ไม่เช่นนั้น ข้าก็คงจะต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวตลอดไป”

ซูฟ่านดื่มชาพร้อมกับไตร่ตรองเรื่องในอนาคต

ในขณะนี้ ชายชราที่มีท่าทางเป็นกังวลก็เดินมาที่บ้านของเด็กน้อย

ทันทีที่เขาเข้ามาในประตู เขาก็เห็นซูฟ่านกำลังนั่งดื่มชาอยู่ เขาตกใจมากจนแทบจะคุกเข่าลง

อย่างไรก็ตาม พลังอันอ่อนโยนก็ได้พยุงชายชราเอาไว้ก่อน

“ผู้เฒ่า ท่านไม่จำเป็นต้องคุกเข่าก็ได้ ท่านเป็นผู้ช่วยชีวิตของข้า เป็นข้าต่างหากที่ควรจะขอบคุณท่าน” ซูฟ่านพูดเบาๆ เขาเข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

“มันเป็นโชคของข้าที่ได้ช่วยท่านเซียน” ชายชรารีบพูด หัวใจของเขากำลังเต้นระรัว

ทัศนคติของอีกฝ่ายกำลังยืนยันว่าเขาเดิมพันถูกต้องแล้ว

“ท่านช่วยข้าไว้ และข้าก็ตอบแทนท่าน นั่นคือเหตุและผล”

“ท่านต้องการอะไร?” ซูฟ่านถามช้าๆ เขาไม่ได้มีท่าทีวางตัวต่อผู้คนบนโลกมนุษย์ ทุกคนเป็นเพียงเบี้ยในเกม แม้แต่เซียนก็ยังไม่สามารถมีชีวิตอยู่ตลอดไปได้

“ข้าไม่มีลูก ดังนั้นข้าจึงอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขและมีสุขภาพดีด้วยกันกับภรรยาเฒ่าของข้า”

ชายชราแสดงสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดออกมาโดยไม่ลังเล

ซูฟ่านมองดูชายชราอย่างซาบซึ้ง นี่เป็นคำขอที่สมเหตุสมผล

ขวดยาปรากฏขึ้นในมือของซูฟ่าน เมื่อมนุษย์ธรรมดากินยาขวดนี้เข้าไป เขาก็คนนั้นก็จะสามารถหลุดพ้นจากโรคภัยได้ นอกจากนี้ ยาเม็ดนี้ยังสามารถยืดอายุขัยของพวกเขาไปอีก 10 ปีได้

ในตอนที่ซูฟ่านฝึกปรุงยาแรกๆ เขาก็ได้สร้างขวดยาพิเศษนี้ขึ้นมาหนึ่งขวด และเขาก็ไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ในตอนนี้

“ในขวดนี้มียาอายุวัฒนะอยู่สิบเม็ด ท่านและภรรยาสามารถรับประทานมันในทุกๆ สองปีได้”

“ตอนนี้ท่านกลับบ้านและไปเก็บข้าวของได้แล้ว เมื่อเด็กทั้งสองตื่นขึ้น ท่านจะไปที่นิกายเทียนฉัวพร้อมกับข้า และข้าจะจัดเตรียมคนมาดูแลพวกท่านให้” ซูฟ่านกล่าว นี่ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว และเขาก็ไม่ทราบสถานการณ์ในนิกาย

“ท่านเซียน เด็กทั้งสองคนนี้…” ชายชราถามเมื่อมองดูพี่น้องที่หมดสติ

“พวกเขากำลังทำการทดสอบอยู่” ซูฟ่านตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“โอ้ งั้นข้าขอตัวไปเก็บข้าวของก่อน”

ไม่นานหลังจากที่ชายชราออกจากบ้านของสองพี่น้องไป เด็กน้อยก็ตื่นขึ้นก่อน

ซูฟ่านมองดูเด็กน้อยด้วยความพึงพอใจ แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะไม่ดีนัก แต่เขาก็มีความภักดีที่แน่วแน่ มีความรักเพื่อน และพร้อมจะปกป้องครอบครัวจนตัวตาย ซึ่งนั่นก็ทำให้ซูฟ่านรู้สึกประทับใจ

ในโลกมายา เด็กน้อยต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติของมนุษย์ และหัวใจอันบริสุทธิ์ของเขาก็ทำให้ซูฟ่านรู้สึกประทับใจ

การแสดงออกที่ซับซ้อนฉายแววผ่านดวงตาของเด็กชายตัวเล็ก จากนั้นมือที่อาบด้วยแสงสีขาวก็แตะศีรษะของเด็กชาย

“เจ้าเป็นเด็กดี”

หลังจากนั้นไม่นาน เด็กน้อยก็หลับไปอีกครั้ง

“ทุกอย่างจะแตกต่างออกไปเมื่อเจ้าตื่นขึ้น”

ซูฟ่านพยุงเด็กน้อยแล้วมองดูเด็กหญิงตัวเล็กๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

“ยอดเยี่ยม!” ซูฟ่านอุทาน การแสดงของสาวน้อยในโลกมายานั้นน่าตื่นตาจริงๆ

จากการประเมินของซูฟ่าน เธอก็เป็นเหมือนหานเทียนจุนเวอร์ชั่นผู้หญิง เธอรู้ว่าเธอต้องการอะไรและทำอะไรได้บ้าง เธอมีจิตใจที่ดีแต่ไม่ได้ดีจนใสซื่อ เธอมีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ไม่อวดตน เธอกล้าหาญและไม่เกรงกลัว แต่ยังคงพิถีพิถันและระมัดระวัง”

สิ่งเดียวที่เธอขาดไปเมื่อเปรียบเทียบกับเย่เสี่ยวเหยาก็คือพลังโกงๆ!

เด็กหญิงตัวน้อยค่อยๆ ตื่นขึ้นมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นเธอก็ได้รับการปฎิบัติเช่นเดียวกันกับพี่ชายของเธอ

“ช่างเป็นสองพี่น้องที่มีอนาคตไกลจริงๆ ในอนาคต อาจารย์จะต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว”

ซูฟ่านอุ้มเด็กหนึ่งคนไว้ที่แขนแต่ละข้างแล้วเดินออกจากกระท่อมหลังเล็กๆ

เรือเหาะหลิงเฟิงลำเล็กๆ โผล่ออกมาจากร่างของซูฟ่าน มันร่อนลงบนพื้นราบไม่ไกลและกลายเป็นเรือเหาะวิญญาณยาวสิบเมตร

ในขณะนี้ ชายชราและหญิงชราคู่หนึ่งก็กำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขา

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูฟ่านก็โบกมือ และเรือเหาะหลิงเฟิงก็บินไปที่นิกายเทียนฉัว

...

ที่นิกายเทียนฉัว นอกเนินเขาเล็กๆ ของซูฟ่าน หวังยู่หลุนกำลังนั่งสลดอยู่ที่นี่ด้วยท่าทางหดหู่

หลังจากรู้ข่าวความโชคร้ายของซูฟ่านจากเย่เสี่ยวเหยาแล้ว หวังยู่หลุนก็กลับมาที่นิกายโดยไม่ลังเลและลงหลักปกป้องสถานที่แห่งนี้เอาไว้

“พี่ซู ข้าขอโทษ..”

“ท่านระมัดระวังตนอยู่เสมอ แต่ครั้งหนึ่ง ท่านก็เต็มใจที่จะออกมาข้างนอกเพื่อมางานแต่งงานของข้า... ถึงแม้สุดท้ายท่านจะมาไม่ถึงก็ตาม..” ใบหน้าของหวังยู่หลุนเต็มไปด้วยความขมขื่นและความเศร้าเสียใจ แม้ว่าเย่เสี่ยวเหยาจะบอกว่าซูฟ่านยังไม่ตาย แต่หวังยู่หลุนก็ยังคงรู้สึกผิด ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีความไม่พอใจเล็กน้อยต่อเย่เสี่ยวเหยาที่ยืนกรานให้ซูฟ่านติดเรือเหาะเขามาด้วย

ในขณะนี้ ร่างที่สวยงามก็บินมาจากทางด้านข้างของหวังยู่หลุน

ชามโจ๊กและอาหารจานเล็กหลายจานถูกวางอยู่หน้าหวังยู่หลุน

“สามี ด้วยความสามารถอันแสนพิเศษของพี่ซู เขาจะต้องสบายดีแน่”

“บางทีเขาอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งและกำลังพักรักษาตัวอยู่ก็ได้ และเมื่อเขาหายดีแล้ว เขาก็จะกลับมาที่นี่ในไม่ช้าเอง” มู่หรงเฉียนเอ๋อมองไปที่หวังยู่หลุนด้วยความเศร้า “เจ้าไม่จำเป็นต้องปลอบข้า ข้าแค่รู้สึกผิด”

“ข้ารู้จักพี่ซูดี นับตั้งแต่ข้าเข้าร่วมกับนิกายวันแรกจนถึงวันนี้ ข้าก็ยังไม่เคยเห็นเขาจากไปไหนเลย ข้าไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะมางานแต่งของเรา…”

“เฉียนเอ๋อ ข้าจะรออยู่ที่นี่อีกครึ่งเดือน ข้ายังเป็นหนี้คำอวยพรจากพี่ซู ดังนั้นข้าจะไม่จากไปไหนจนกว่าจะได้พบเขาอีกครั้ง” หวังยู่หลุนกล่าว ในใจของเขา ซูฟ่านก็คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะซูฟ่าน เขาก็คงจะตายลงไปนานแล้ว

“ตกลง ข้าจะรออยู่ที่นี่ร่วมกันท่านด้วย”

ในเวลาเดียวกัน ในเมืองนอกนิกาย ซูฟ่านได้จัดให้ผู้เฒ่าทั้งสองคนอยู่ในโรงเตี๋ยมของหอการค้าตระกูลผาง และบอกพวกเขาว่าอีกไม่นานจะมีคนมาดูแลพวกเขา

...

ด้านนอกนิกาย ณ ห้องโถงบริหารของนิกายชั้นนอก

ซูฟ่านนำพี่น้องที่ดูอยากรู้อยากเห็นมาที่ห้องโถงใหญ่

“ผู้อาวุโส ข้ามาลงทะเบียนเป็นอาจารย์ของพวกเขา”

ซูฟ่านมอบตราประจำตัวของเขาให้กับผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้าเขา

“เจ้าเข้าใจมาตรฐานในการรับสมัครศิษย์แล้วหรอ?” ผู้อาวุโสถามขณะมองไปที่ตราประจำตัวของซูฟ่าน

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้อกำหนดขั้นต่ำคือสี่รากวิญญาณ” ซูฟ่านตอบกลับ

“เอาล่ะ เจ้าจะต้องจัดหาทรัพยากรทั้งหมดให้ศิษย์ของเจ้าเอง และถ้าเจ้าต้องการให้นิกายดูแลพวกเขา มันก็จะมีค่าใช้จ่ายเป็น 2,000 หินวิญาณต่อคน”

“นอกจากนี้ หากศิษย์ของเจ้าต้องการจะเข้าสู่นิกาย พวกเขาก็จะต้องไปถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐานก่อนอายุ 40 ปี”

“ถ้าลูกศิษย์เจ้าสร้างความดีความชอบในนิกาย นิกายก็จะมีรางวัลให้ด้วย” ผู้อาวุโสมองดูซูฟ่านด้วยนัยน์ตาที่ประหลาดใจ

โดยทั่วไปแล้ว อาจารย์ที่รับลูกศิษย์ก็มักจะเป็นผู้ฝึกตนที่สิ้นหวังในการเลื่อนตำแหน่ง ไม่มีญาติหรือมิตร และมีเวลาเหลืออีกไม่นาน เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้มรดกของพวกเขาหายไป ดังนั้นพวกเขาจึงหาศิษย์ที่พวกเขามีความสัมพันธ์ด้วยในโลกภายนอกมาสักคนหนึ่งเพื่อสนับสนุนให้พวกเขารับมรดกของเขาไป

“ถ้าเจ้าเข้าใจทั้งหมดนี้แล้ว เจ้าก็สามารถพาลูกศิษย์ของเจ้าไปทดสอบรากวิญญาณของพวกเขาได้เลย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังวิหารถามตอบ”

“เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าก็กลับมาที่นี่เพื่อรับตราประจำตัว”

“ขอบคุณผู้อาวุโส”

ซูฟ่านพาเด็กทั้งสองคนไปยังสถานที่ที่มีการทดสอบรากวิญญาณต่อโดยทันที...

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด