ตอนที่ 79 ประหลาดใจ และตกตะลึง (ฟรี)
ตอนที่ 79 ประหลาดใจ และตกตะลึง
“มีการจลาจลในถ้ำปีศาจของมณฑลเฮยหลิน มีวิญญาณมารปรากฏตัวขึ้น และจำเป็นต้องได้รับกำลังเสริม”
“มารอมตะในมณฑลซางกำลังดูดกลืนพลังชีวิตของผืนดิน และผู้คน หากไม่หยุดยั้งเอาไว้ ทั้งมณฑลจะตกอยู่ในอันตราย”
“ลัทธิมารในมณฑลเทียนหนานกำลังหลอกล่อผู้คนซึ่งอาจนำไปสู่ความสับสนวุ่นวายได้ จำเป็นต้องกำจัดให้สิ้นซาก”
“เผ่าปีศาจในถิ่นทุรกันดารทางตอนเหนือก็กำลังมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังซ่อนบางอย่างอยู่”
“ในทะเลไร้ขอบเขตที่หมู่เกาะเทียนซิง เรือค้าขายของต้าเซี่ยถูกทำลาย และสินค้าทั้งหมดถูกปล้นชิงไป”
เซี่ยซวนกลับไปอ่านฎีกา และข่าวสารที่ถูกรวบรวมมา แต่ยิ่งเขาอ่านมันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น
มีสถานที่ใดในโลกที่ไม่วุ่นวายบ้างไหมเนี่ย?
มีสถานที่ใดบ้างที่ไม่ต้องการการดูแล?
ยิ่งเขามองดูมากเท่าไร หัวใจของเขาก็ยิ่งเย็นยะเยือก และยิ่งรู้สึกไร้พลังมากขึ้นเท่านั้น
ต้าเซี่ยจะสามารถทนอยู่ในพายุดังกล่าวได้นานแค่ไหนกัน?
"เฮ้อ"
“ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าต้าเซี่ยจะสามารถอยู่รอดได้นานแค่ไหน?”
เซี่ยซวนวางฎีกาในมือของเขาลง และดูเหมือนจะกำลังพูดกับตัวเองในห้องโถงที่ว่างเปล่า
แต่กลับมีเสียงตอบรับจากความว่างเปล่านั้น
“ฝ่าบาท ท่านไม่ต้องกังวล เมื่อข้าอยู่ ต้าเซี่ยก็จะคงอยู่ แม้ข้าจะไม่อยู่แล้ว ข้าจะให้ต้าเซี่ยได้มีเวลาพักฟื้นอย่างน้อยร้อยปี”
“เรายังมีเวลา และจุดเปลี่ยนจะเกิดขึ้นได้ทุกขณะ”
"ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น"
เซี่ยซวนสงบอารมณ์ลง เขาเป็นจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย แม้คนอื่นจะยอมแพ้ได้ แต่เขาทำไม่ได้
เขาแบกรับภาระของผู้คนนับล้าน
เขาไม่สามารถล้มลงได้
เขาแบกโลกทั้งใบไว้บนไหล่ของตน
โลกตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และผู้คนกำลังทุกข์ทรมาน
เซี่ยซวนหลับตา และสงบใจ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็อ่านฎีกาต่อไป
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
จู่ๆ เซี่ยซวนก็หัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในเส้นทางนี้จริงๆ”
เมื่ออ่านฎีกาฉบับนี้จบ เขาก็มีความสุขมากจนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในเวลาเดียวกัน เสียงในความว่างเปล่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ฝ่าบาท อะไรทำให้ท่านมีความสุขเช่นนี้?”
"ท่านอาจารย์โปรดดูนี่"
เซี่ยซวนยื่นฎีกาฉบับหนึ่งออกไป และดวงตาคู่หนึ่งก็เปิดขึ้นในความว่างเปล่า และมองสิ่งที่เขียนอยู่ภายใน
[ ในจังหวัดเทียนเฟิง จ้าวยุทธวัยสิบเก้าปี! ใช้เพียงสองถึงสามดาบเพื่อทำลายสำนักกลั่นโลหิต ]
มีข้อมูลมากมายในนั้น รวมถึงความสำเร็จของซูหยาง อดีตของซูหยาง และคำพูดของซูหยาง
อย่างไรก็ตาม เซี่ยซวน และเจียงเซิงที่เป็นเซียนยุทธ์ของต้าเซี่ยถูกดึงดูดอย่างสมบูรณ์ด้วยคำพูดของซูหยางมากกว่าความสำเร็จอื่นๆ
"ฝ่าบาทนี่เป็นโอกาสอันนี้ ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญด้วย นี่คือจุดเปลี่ยนของต้าเซี่ย!"
แม้แต่เจียงเซิงก็ยังรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
สถานการณ์ของต้าเซี่ยในตอนนี้ต้องการคนที่สามารถยืนหยัด และรับมือกับภัยอันตรายต่างๆ ได้
คนที่ถูกกล่าวถึงในฎีกาฉบับนี้น่าจะเป็นคนที่จะเปลี่ยนของต้าเซี่ยที่ต้องประสบในเวลานี้ได้
ต้าเซี่ยต้องการเซียนยุทธ์คนใหม่เพื่อก้าวไปข้างหน้า
จ้าวยุทธวัยสิบเก้าปีคนนี้คือ ความหวัง!
สิ่งสำคัญมากกว่าความแข็งแกร่งคือ สิ่งที่ซูหยางทำ และทัศนิคติของเขา
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยซวนรู้สึกพึงพอใจมากยิ่งขึ้น
“อาจารย์ เราควรทำอย่างไรต่อไป”
“ก่อนอื่นท่านต้องตรวจสอบตัวตน และอดีตของคนๆ นี้อีกครั้ง และในขณะเดียวกันก็เรียกเขามาที่เมืองหลวง ข้าจะไปพบกับเขาอย่างลับๆ และลองพูดคุยกันสักครั้ง”
“ตอนนี้ควรปิดข่าวเอาไว้ก่อน แค่จ้าวยุทธยังไม่เพียงพอ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”
จากนั้นเขาออกคำสั่ง
มันถูกปิดเป็นความลับ และไม่มีใครค้นพบสิ่งใดเลย
แต่ในไม่ช้า ตระกูลขุนนาง และผู้มีอำนาจจำนวนมากก็สังเกตเห็นเบาะแสบางอย่างจากท่าทีของเซี่ยซวน
อารมณ์ของเซี่ยซวนแตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้มากนัก
แต่ถึงกระนั้น บางคนที่สายตาดีก็มองเห็นได้
แม้ว่าตระกูลขุนนาง และผู้มีอำนาจเหล่านั้นจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขารู้ว่าต้องมีบางอย่างๆ แน่นอน
แต่ละคนจึงใช้อำนาจ และสิ่งที่ตัวเองมีเพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแน่
หลังจากผ่านไปอีก 1 วัน เจตจำนงดาบของซูหยางก็ยกระดับเป็นระดับ 34
เมื่อเจตจำนงดาบไปถึงระดับ 34 ก็เพียงพอที่จะครอบคลุมรัศมี 300 ลี้เพียงแค่ปลดปล่อยออกมา
หากใช้วิชาดาบใยแมงมุม มันจะครอบคลุมได้ถึง 600 ลี้
ในเวลาเดียวกัน ร่างกายของเขาก็ทะลวงผ่านไปถึงระดับ 7 ก่อนหน้านี้ไม่นาน
หลังจากไปถึงระดับ 7 แล้ว ความเร็วในการขัดเกลาก็ได้ช้าลงเล็กน้อย
หากเป็นผู้ฝึกฝนทั่วไปที่มีพรสวรรค์ที่ดี และด้วยความช่วยเหลือจากยาที่เพียงพอ ควรใช้เวลาประมาณครึ่งปีในการเปลี่ยนก้าวจากระดับ 7 ไปสู่ระดับ 6
แน่นอนว่านี่หมายถึงต้องพรสวรรค์ที่ดีพอ และมีทรัพยากรที่เพียงพอในระดับหนึ่ง
หากไม่ค่อยมีพรสวรรค์ และทรัพยากรไม่เพียงพอก็เป็นเรื่องปกติที่จะเสียเวลามากกว่า 10 ปี
ซูหยางเองก็ใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนเพื่อก้าวไปสู่ระดับ 6 ด้วยความช่วยเหลือจากวิชาดาบวายุโหม และสูตรน้ำยากายเพชรซึ่งเร็วกว่าอัจฉริยะเล็กน้อย
หลังจากร่างกายถึงระดับ 7 แล้ว เขาก็สามารถใช้สูตรน้ำยากายเพชรได้
ตอนนี้ในหนึ่งวัน เขาสามารถแกว่งดาบได้ถึง 50,000 ครั้ง
ความเร็วของการพัฒนาความแข็งแกร่งจะเร็วยิ่งขึ้น
วันนี้ ซูหยางแหว่งดาบในลานบ้านเหมือนทุกวัน
ตอนเที่ยง อี้เทียนป้าได้ส่งคนมาเรียกหาเขา
หลังจากมาถึงบ้านพักชั่วคราวของอี้เทียนป้า และทักทายกัน อีกฝ่ายก็พูดขึ้นว่า
“ซูหยาง ฝ่าบาทได้เรียกเจ้าให้ไปเข้าเฝ้า และจะมอบรางวัลให้เจ้าต่อหน้าขุนนางในท้องพระโรง”
“นี่ทำให้เจ้าต้องเดินทางไปที่เมืองหลวง”
อี้เทียนป้าหัวเราะ และพูดถึงการตอบกลับที่เขาเพิ่งได้รับ
“โอ้?” ซูหยางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “มีกำหนดเวลาหรือไม่?”
"นี่" อี้เทียนป้าพูดอย่างลังเล "ไม่ แต่ทางที่ดีที่สุดคือควรไม่เกินเจ็ดวัน ด้วยความเร็วของเรา แม้ว่าจะต้องจัดการกับบางสิ่ง แต่ก็ยังมีเวลาเพียงพอที่จะเดินทางไปถึงเมืองหลวงในช่วงเวลานี้ ดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดถ้าไม่เกินเจ็ดวัน”
“เจ็ดวัน?” ซูหยางกล่าวต่อ “นั้นเพียงพอแล้ว ข้าจำเป็นต้องจัดการกับบางสิ่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และข้าอาจต้องรอจนถึงวันสุดท้าย”
“ว่าแต่หลังจากที่ข้าไปถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าควรไปที่ไหน? หรือไปพบใคร?”
ในเจ็ดวันนี้ ถ้าเขาแกว่งดาบเป็นเวลาหกวัน เจตจำนงดาบจะไปถึงระดับ 40 ได้ไม่ยาก
อี้เทียนป้ายิ้มและพูดว่า "ไม่ต้องกังวล เจ้าไม่ได้ไปที่นั่นคนเดียว ข้าจะตามเจ้าไปด้วย ข้าจะคอยแนะนำให้เมื่อถึงเวลานั้น"
ซูหยางพยักหน้า "ขอบคุณ"
“เอ่อ ข้ามีคำถามหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าควรจะถามดีหรือเปล่า?”
“เจ้าหนู ถ้าเจ้าต้องการถามอะไรก็ถามมา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลง”
ซูหยางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ใต้เท้าอี้ ท่านสามารถไปถึงเมืองหลวงจากที่นี่ภายในหนึ่งวันได้หรือไม่? ถ้าไม่ เราจะได้ออกเดินทางเร็วขึ้น"
อี้เทียนป้า "..."
ทำไม จู่ๆ ข้าถึงรู้สึกอยากต่อยใครสักคนขึ้นมา?
"ด้วยความแข็งแกร่งของยอดปรมาจารย์ ข้าสามารถไปถึงเมืองหลวงได้ภายในวันเดียว มันจะไม่มีปัญหาใดๆ"
“เช่นนั้น ข้าจะมาพบท่านเมื่อถึงเวลาออกเดินทาง”
"ตกลง"
หลังจากหารือกันเรื่องนี้ก็ยุติลง
ก่อนไปที่นั่น เขาต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองก่อน
เขาต้องแข็งแกร่งถึงจุดที่ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ แม้ว่าเขาจะไปที่เมืองหลวงก็ตาม
เมื่อนั้นเท่านั้นจึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้
ที่จริง เมื่อเจตจำนงดาบถึงระดับ 34 ซูหยางรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้ว
เซียนยุทธ์นั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง หากผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ใช้พลังเต็มที่จะสามารถทำลายดินแดนหนึ่งที่มีขนาดหลายร้อยลี้ได้อย่างง่ายดาย
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในเวลานี้ เขาสามารถทำในสิ่งนี้ได้เช่นกัน
แต่แม้จะมีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ แต่เพื่อความปลอดภัย ทางที่ดีควรจะพัฒนาขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้ ในอีกหกวันข้างหน้า ซูหยางแกว่งดาบต่อไปในเมืองเทียนเฟิง และรอกำหนดเวลาที่จะมาถึงอย่างเงียบๆ
ในเวลาเดียวกัน อดีตของซูหยาง และเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับเขาได้ถูกรวบรวมกลับไป
เมื่อเซี่ยซวนได้รับรู้ เขาก็ยิ่งตกใจ และประหลาดใจ
ในเวลาเพียงสองเดือน จากคนธรรมดาไปสู่การเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างจ้าวยุทธ นี่เป็นไปได้ด้วยเหรอ