ตอนที่ 42 ถูกแย่งสิทธิ? งั้นใช้อันนี้ได้ไหม (อ่านฟรี 27/04/2567)
การเดินทางในครั้งนี้ราบลื่นเป็นอย่างมาก ไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ ที่สร้างความเดือดร้อนจนรับไม่ได้เกิดขึ้นเลย ถึงแม้ระหว่างทางจะมีสัตวอสูรโผล่มาบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นระดับหนึ่งถึงระดับสาม ล้วนถูกฟิชเขมือบลงท้องไปทั้งหมด ไม่มีโอกาศให้ผู้ฝึกตนของทางโรงเตี๊ยมพลบค่ำลงมือสักนิด
“เหมือนว่าจะถึงแล้วใช่ไหม ?” ชายหนุ่มกล่าวถามขึ้นมา เพราะด้านหน้าห่างไปสองลี้มีกำแพงขนาดมหึมาปรากฎขึ้น มีผู้คนต่อแถวรอเข้าเมืองยาวเหยียด ทำให้ประตูที่กว้างถึงสี่วาดูเล็กไปเลย
“ใช่แล้วเถ้าแก่ ตั้งแต่อาณาจักรนี้ก่อตั้งมา ยังไม่เคยมีสัตว์อสูรหรือศัตรูที่ไหนบุกฝ่ามาถึงเมืองหลวงแห่งนี้ได้เลย” หายจุนหมิงกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ ตัวเขาก็เป็นพลเมืองของอาณาจักรวูดเสธแห่งนี้เช่นกัน
เวลาผ่านไปประมาณสามก้านธูปก็ถึงคิวของพวกเขาสักที
เนื่องจากมีผู้คนจำนวนหนึ่ง ขบวนของโรงเตี๊ยมพลบค่ำจึงได้จับกลุ่มกันเดินแถวฝั่งขวา เพื่อไม่ให้เกะกะผู้คนมากนัก
“ขอทราบชื่อ เมืองที่สังกัด ธุระที่เข้าเมืองหลวง” ทหารเฝ้าประตูในชุดเกราะสีดำตัดทอง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งครัดออกมา
เย่ซีลองตรวจสอบดูก็พบว่าเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับสามเลยทีเดียว แถมทหารที่อยู่รอบๆก็เป็นผู้ฝึกตนระดับสามเหมือนกัน แค่คนเฝ้าประตูก็เป็นผู้ฝึกตนระดับสามแล้ว ดูเหมือนเมืองหลวงจะไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
[ติ๊ง! พบ............]
เสียงรายงานถึงสิ่งของล้ำค่าดังขึ้นไม่หยุด จนชายหนุ่มต้องปิดการแจ้งเตือนไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเป็นบ้าตายกับเสียงแจ้งเตือนที่กล่าวรายงานทุกสิบวินาที
“พวกเรามาจากโรงเตี๊ยมพลบค่ำ เขตยี่หลง จะมาร่วมประมูลสามที่ดินทองคำของเมืองหลวงน่ะ” หายจุนหมิงยื่นป้ายแสดงตนและเอกสารบางอย่างให้กับทหารคนนั้นดู เมื่อหารคนนั้นได้เห็นก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเรียกทหารอีกคนให้เอาเอกสารไปตรวจสอบ
ผ่านไปหนึ่งเค่อ
ชายชราในชุดขุนนางสีน้ำเงินเดินมาพร้อมกับทหารที่หายไปก่อนหน้านี้ เขาทำสีหน้าหนักใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมา
“ท่านหานจุนหมิง คือ ข้าต้องขออภัยด้วย แต่เหมือนว่าสิทธิในการประมูลของท่านจะถูกมอบให้ผู้อื่นไปแล้ว...” กล่าวจบชายชราก็โค้งตัวเป็นเชิงขออภัยให้กับผู้ที่เขากล่าวด้วย
“อะไรกัน! ทำไมถึงไม่มีใครแจ้งเรื่องนี้กับข้าล่ะ ตอนที่ข้าติดต่อมาก่อนหน้านี้ก็เรียบร้อยดีไม่ใช่รึ ?” หานจุนหมิงโวยวายออกมาทันที เขาอุตส่าห์ใช้หินสื่อสารระดับสูงติดต่อกับคนรู้จักในเมืองหลวงเพื่อให้จัดการเรื่องนี้ให้ แถมยังเสียเงินไปอีกหมื่นผลึกเป็นค่าดำเนินการ
แต่มาตอนนี้ ดันมาบอกว่ามอบสิทธิให้ผู้อื่นเนี่ยนะ ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน !
“ต้องขออภัยท่านจริง ๆ นายท่านก็ลำบากใจในเรื่องนี้มาก มันเป็นคำสั่งด่วนที่นายท่านได้รับมาเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน ด้วยทราบว่าท่านกำลังจะมาถึงเมืองหลวง นายท่านจึงสั่งให้ข้ามารอรายงานท่านอยู่ที่แห่งนี้” ชายชราได้แต่โค้งตัวให้ไม่หยุด ทำให้หานจุนหมิงอารมณ์เย็นลงไปบ้าง เขาเข้าใจในตัวเพื่อนของเขาคนนี้ดี ทั้งสองคนสนิทกันมากถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายก็คงไม่ทำอะไรโดยไม่บอกกันล่วงหน้าแบบนี้
“ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ ? ว่าเป็นผู้ใด” เขาลองถามดู แต่คำตอบก็ตามที่คาดไว้ ชายชราได้แต่ส่ายหน้า
“เฮ้อ... ท่านเย่ซี ดูเหมือนว่าเราอาจจะมาเสียเที่ยว แต่ข้าจะลองพาท่านดูที่ดินแปลงอื่นในเมืองหลวงแทน ถึงจะไม่ได้ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ก็ยังอยู่ในเมืองหลวงเหมือนกัน” หานจุนหมิงได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปกล่าวกับชายหนุ่ม เขาได้แต่หวังว่าที่ดินแปลงอื่นจะพอเข้าตาเถ้าแก่หนุ่มคนนี้บ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคงหมดโอกาสจะมีชีวิตแล้ว
“แผ่นป้ายนี้พอจะช่วยอะไรได้ไหม ?” ชายหนุ่มยื่นแผ่นป้ายสีขาวดุจหิมะออกมาก่อนจะใส่พลังปราณเข้าไป กุ้ยหลินบอกว่ายามจะใช้แผ่นป้ายให้ทำแบบนี้ มันจึงเกิดแสงสว่างสีขาวบริสุทธิ์แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ทำให้ผู้คนต่างหันมามอง
ครึ่งหลัง
“หน่วยหิมะคราม!” ทหารผู้เฝ้าประตูถึงกับตะโกนออกมา
ผู้คนโดยรอบก็รู้สึกประหลาดใจกันมาก ต้องบอกว่าชื่อเสียงของหน่วยหิมะครามโด่งดังอย่างมากในอาณาจักรแห่งนี้ พวกเขาเป็นทหารกล้าคอยเป็นแนวหน้าในการสู้รบมาโดยตลอด ระดับพลังขั้นต่ำในการจะเป็นหน่วยนี้ได้ก็คือระดับสาม ขึ้นห้าเป็นต้นไป มีข่าวลือว่าหัวหน้าหน่วยเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับสี่แล้วด้วย
ทหารหน่วยนี้ขึ้นชื่อเรื่องความยุติธรรมมาโดยเสมอ ทำงานตรวจตราทุกเขตตลอดเวลา และหน่วยนี้ยังรับสมัครทั้งผู้ฝึกตนชายหญิง ทำให้มีผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนอยากเข้าร่วมหน่วยนี้ ถึงแม้การเป็นทหารของอาณาจักรจะได้รับผลตอบแทนน้อยมากเมื่อเทียบกับการเข้าสำนักต่าง ๆ ก็ตาม
“นี่มัน ท่านมาจากหน่วยหิมะครามรึ ?” ชายชราที่เห็นแผ่นป้ายดังกล่าว หลังจากได้สติก็กล่าวถามออกมา ตั้งแต่อยู่ที่อาณาจักรนี้มา เขาเพิ่งเคยเห็นแผ่นป้ายนี้เป็นครั้งแรกก็ตอนนี้!
“ไม่ใช่ ข้าแค่ได้รับมา” ชายหนุ่มตอบกลับไปตามจริง
“ถ้าท่านมีแผ่นป้ายนี้ ท่านสามารถเข้าร่วมประมูลได้แน่นอน” ชายชราตอบกลับอย่างนอบน้อม ผู้ที่จะได้รับแผ่นป้ายนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะหน่วยนี้เป็นของกองทหารฝ่ายซ้าย ซึ่งขึ้นตรงกับองค์จักรพรรดิโดยตรง
“ไม่คิดว่าเจ้าแผ่นนี้มันจะมีประโยชน์แบบนี้” เย่ซีกล่าวออกมาขณะพลิกแผ่นป้ายไปมา
“แล้วพวกข้าผ่านประตูไปได้รึยัง ?” ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับทหารที่ยืนอึ้งอยู่ ทำให้ฝ่ายที่ถูกถามรีบเปิดทางให้ทันที
“เชิญพวกท่านผ่านไปได้เลย” หลังจากกล่าวจบเขาสั่งให้ทหารที่ยืนกั้นอยู่เปิดทางให้ขบวนของโรงเตี๊ยมพลบค่ำ
“สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ช่างดูแข็งแกร่งนัก เขตยี่หลงเทียบไม่ติดเลย” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นเมื่อเดินผ่านประตูมา เขาสัมผัสได้ว่าแม้จะเป็นเพียงบ้านเรือทั่วไปก็เหมือนจะมีพลังปราณเคลือบอยู่บางเบา
“ใช่แล้วเถ้าแก่ ทั่วทั้งเมืองหลวงนั้นถูกก่อสร้างด้วยช่างฝีมือที่เป็นผู้ฝึกตน เวลาที่พวกเขาก่ออิฐ ฉาบปูนขาวจะแฝนพลังปราณเข้าไปด้วย ทำให้สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายมีความแข็งแกร่งกว่าบ้านเรือนธรรมดา หมดปัญหาเรื่องไฟไหม้ไปได้เลย” หานจุนหมิงกล่าวอธิบายออกมา
บ้านเรือนแทบทั้งหมดล้วนก่อขึ้นจากอิฐ มีแค่บางส่วนที่ใช้หิน หรือไม้ในการก่อสร้าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ มากกว่าโลกเดิมที่ชายหนุ่มจากมา
“แล้วท่านมีแผนจะทำอะไรต่อ เถ้าแก่” เมื่อเห็นว่ายามนี้ชายหนุ่มหันมองทางไปเรื่อย หานจุนหมิงจึงกล่าวถามขึ้นมา
“เจ้ามีโรงเตี๊ยมในเมืองหลวงด้วยใช่หรือไม่ ?” ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงถามกลับไป เขากำลังคิดว่าไปที่พักก่อนค่อยแยกย้ายกันไปจะดีกว่า
“ใช่แล้วเถ้าแก่” หานจุนหมิงกล่าวตอบ
“งั้นไปโรงเตี๊ยมเจ้าก่อนเลย จะได้ให้คนอื่น ๆแยกย้ายกันไปพักผ่อนด้วย” ชายหนุ่มกล่าวจบก็โบกมือให้อีกฝ่ายนำทางไป เวลานี้เขาลงจากรถมานั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีเจ้าฟิชที่แปลงเป็นร่างมนุษย์กำลังเข็นแทนแล้ว
ภาพที่เห็นก็คงจะประหลาดสักหน่อย มนุษย์ปลาเข็นรถเข็นสีชมพูพาสเทล โดยมีชายหนุ่มผู้หล่อเหลาในชุดคลุมสีดำนั่งอยู่ด้านใน ทำให้ตลอดทางที่ขบวนของพวกเขาผ่านทางไปจะมีผู้คนหันมามองไม่ขาดสาย
“มองอะไร ไม่เคยเห็นปลาหล่อรึไง ? เสียมารยาทจริง ๆ” แต่เมื่อเจ้าตัวประหลาดที่กำลังเดินเข็นรถอยู่เปิดปากออกมา ก็ทำให้ทุกคนที่มองหันหนีแทบไม่ทัน
ปลาหล่อ ? เกิดคำถามขึ้นในใจของทุกคนที่กำลังมองอยู่
ว่าแต่ มาตรฐานความหล่อของปลามันเป็นยังไง มนุษย์อย่างพวกเขาคงเข้าไม่ถึงจริง ๆ....
“ถึงแล้วเถ้าแก่ ยินดีต้อนรับสู่โรงเตี๊ยมพลบค่ำสาขาหลัก” หานจุนหมิงผายมือให้ชายหนุ่มได้มองตาม
กำแพงสีขาวสะอาดที่กินเนื้อที่กว่าหนึ่งร้อยไร่ โรงเตี๊ยมด้านในยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะนอกจากโรงเตี๊ยมที่สูงถึงสิบชั้นซึ่งทำจากไม้ล้ำค่าแล้ว ยังมีศาลาริมน้ำ น้ำตกจำลอง สวนหย่อน ลานประลอง กระจายกันอยู่ทั่วบริเวณเลยทีเดียว
หนึ่งร้อยไร่อาจจะไม่เยอะ แต่ต้องบอกก่อนว่าเนื้อที่ในเมืองหลวงนั้นแพงอย่างมาก การจะครอบครองพื้นที่ขนาดนี้ในเมืองหลวงได้ ไม่ใช่ง่ายๆเลย
“ใช้ได้นี่ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่อยู่ที่นี่ ดันไปอยู่เขตยี่หลงกันล่ะ ?” ชายหนุ่มกล่าวชื่นชมออกมาหลังผ่านรั้วกำแพงเข้ามาแล้วได้เห็นสิ่งปลูกสร้างด้านใน
“พอดีข้าต้องไปจัดการธุระที่สาขานั้น ความจริงข้าก็พาลูกตระเวนไปทุกสาขา ทุกเขตอยู่แล้ว นับว่าเป็นโชคดีที่ได้พบเถ้าแก่เข้า” หานจุนหมิงตอบกลับไป เขาไม่ได้ติดใจเรื่องที่ชายหนุ่มตรงหน้าจะอายุน้อยกว่า หรือทำสัญญาที่จะทำลายวิญญาณของเขา เพราะความจริงแค่ชายหนุ่มต้องการก็ฆ่าเขาได้ง่ายๆแล้ว
“งั้นเจ้าให้พวกเขาแยกย้ายกันได้แล้ว ข้าจะได้คุยกับเจ้าส่วนตัว” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น ทำให้หานจุนหมิงหันไปแจกจ่ายเงินตามที่ตกลงกันไว้ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไป