บทที่ 29: การซุ่มโจมตี
บทที่ 29: การซุ่มโจมตี
ซูฟ่านรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเมื่อเขาต้องบอกลาคู่หนุ่มสาว วัสดุสำหรับการสร้างสิ่งประดิษฐ์ทั้งสองนั้นไม่ได้มีค่ามากนัก แต่การสร้างพวกมันก็เป็นส่วนที่ลำบากที่สุด
“ข้าจะออกจากนิกายในวันที่ 15 ของเดือนหน้าเพื่อไปร่วมงานแต่งงานของพวกเขา”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเดินทางไกล ดังนั้นข้าควรจะเตรียมตัวไว้” ซูฟ่านพูดพร้อมกับดูคำเชิญในมือของเขา
เขาหยิบโทรศัพท์(?)ออกมาแล้วส่งข้อความถึงผางฟู่
วันรุ่งขึ้น ซูฟ่านไปที่ฐานที่มั่นของกลุ่มพันธมิตรซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นหอการค้าแล้ว ผางฟู่กำลังรออยู่นอกประตูมานานแล้ว
หลังจากสามปีของการพัฒนา หอการค้าที่ก่อตั้งโดยผางฟู่ก็ได้กลายเป็นหอการค้าที่มีชื่อเสียงในนิกายชั้นนอก ว่ากันว่ามันเป็นที่ซ่อนตัวของปรมาจารย์นักปรุงยา และบางครั้งมันก็จะมียาวิญญาณระดับสูงราคาถูกปรากฎขึ้นภายในหอการค้า
นอกจากนี้ มันก็ยังมีปรมาจารย์นักสร้างสิ่งประดิษฐ์อีกด้วย ตราบใดที่เป็นไปตามเงื่อนไข ปรมาจารย์ท่านนี้ก็จะสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์วิเศษนี้ให้กับคุณได้ ซึ่งจะไม่ด้อยไปกว่าสิ่งประดิษฐ์ชั้นดีทั่วไปอย่างแน่นอน
เนื่องจากหอการค้ามีปรมาจารย์ทั้งสองคนนี้ จำนวนบุคลากรที่อยากมาอยู่ใต้ร่มเงาของที่นี่จึงเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10,000 คนในระยะเวลาไม่นาน
ในห้องรับรองแขก ผางฟู่ยื่นถุงเก็บของให้กับซูฟ่านด้วยความเคารพ
“อาจารย์ซู คนจากยอดเขาขัดเกลาสิ่งประดิษฐ์ต้องการขอให้ท่านเข้าไปร่วมกับพวกเขาเพื่อซ่อมแซมเรือเหาะลอยร่อง” ผางฟู่กล่าวด้วยความเคารพ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความเคารพอีกฝ่ายเนื่องจากซูฟ่านเป็นเสาหลักของหอการค้าอย่างเป็นทางการในขณะนี้
อาจกล่าวได้ว่าครึ่งหนึ่งของการพัฒนาของหอการค้าเป็นผลมาจากปรมาจารย์ลึกลับสองคน ซึ่งสองในนั้นก็อยู่ตรงหน้าเขา ซูฟ่าน!
“อืม ข้าจะไปแน่ แต่ข้าไม่สามารถไปในนามของหอการค้าได้ ไม่งั้นชื่อเสียงของข้าจะดังเกินไป”
“ข้าเข้าใจ” ผางฟู่พยักหน้า
“อย่างไรก็ตาม ศิษย์สวรรค์โปรดที่ได้รับการเลื่อนขั้นใหม่ในนิกายของเราก็ต้องการให้ท่านปรับแต่งสิ่งประดิษฐ์ให้กับเขา ท่านต้องการจะรับงานนี้หรือไม่?” ผางฟู่กล่าวต่อ
“สิ่งประดิษฐ์อะไร?”
มีตัวเอกกำลังขอร้องให้เขาช่วยสร้างสิ่งประดิษฐ์ให้หรอ?
“กล่องกระบี่ที่สามารถเก็บกระบี่ได้ 100 เล่ม และระดับของมันจะต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ล้ำค่า”
“รางวัลคือชิ้นส่วนของแร่เหล็กวิญญาณที่ท่านพยายามจะซื้อแต่ไม่สามารถทำได้ แร่เหล็กวิญญาณนี้หนักประมาณสี่ปอนด์”
เมื่อซูฟ่านได้ยินว่ารางวัลคือแร่เหล็กวิญญาณ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นโดยทันที นี่เป็นวัตถุดิบชิ้นสำคัญที่เขาขาดไป
“ไม่มีปัญหา แล้วเขายังต้องการอะไรอีกไหม?” ซูฟ่านพูดอย่างมีความสุข โดยรู้สึกว่าพระเจ้ากำลังดูแลเขาและเขากำลังจะได้รับทุกสิ่งที่เขาต้องการ
“กล่องกระบี่ควรเสริมพลังกระบี่และจิตวิญญาณของพวกมัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ กล่องกระบี่ควรมีระบบในการแปลงหินวิญญาณเป็นปราณวิญญาณ”
“นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดแปลกๆ อีกประการหนึ่ง นั่นคือห้ามทำให้กระบี่เบื่อเมื่ออยู่ข้างใน” ผางฟู่พูดด้วยสีหน้างุนงง
“ห้ามเบื่อ?” ซูฟานคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเข้าใจว่าพวกเขาหมายถึงอะไร
“ข้าทำได้ ท่านตอบตกลงไปได้เลย” ซูฟานกล่าวอย่างมั่นใจ
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากออกจากหอการค้าแล้ว ซูฟ่านก็ตรงไปที่จัตุรัสดวงใจปฐพีเพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เขาต้องการสำหรับการเดินทาง
...
หนึ่งเดือนต่อมา ซูฟ่านที่ติดอาวุธครบมือเดินออกมาจากนิกายเทียนฉัวเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกที่เขาออกไปคือการทดสองหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ของเขา
งานแต่งงานของหวังยู่หลุนจัดขึ้นในเมืองที่มีชื่อว่าเมืองไต้ติง ซึ่งอยู่ห่างจากนิกายไปมากกว่า 6,000 กิโลเมตร ครอบครัวของหวังยู่หลุนถือเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกลางในเมืองแห่งนี้
ทันทีที่ซูฟ่านก้าวออกมาจากนิกายเทียนฉัว เขาก็กำลังจะหยิบเรือเหาะหลิงเฟิงออกมาและเปิดใช้งานฟังก์ชั่นการล่องหน แต่แล้วเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยแสงที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มรูปงามผู้ไร้ความกังวลปรากฏตัวขึ้นข้างเรือเหาะหลิงเฟิง
เมื่อเห็นชายคนนี้ ความตื่นเต้นของซูฟ่านเกี่ยวกับการเดินทางก็ถูกรบกวนโดยทันที
ทำไมต้องเป็นเขา? เขาคงไม่ได้คิดจะไปทางเดียวกันกับข้าหรอกใช่ไหม?
“ศิษย์น้องซู นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้วนับตั้งแต่เราพบกันครั้งสุดท้าย”
“หลังออกมาจากดินแดนลับ ข้าก็ออกตามหาเจ้าและอยากจะเป็นเพื่อนกับเจ้า แต่ข้าก็มักจะจมอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสมอเลย”
“วันนี้ข้าไม่คิดเลยว่าจะเจอเจ้าที่นี่ มันช่างบังเอิญจริงๆ”
เย่เสี่ยวเหยายื่นมือของเขาไปจับไหล่ซูฟ่านแล้วพูดโดยมองซูฟ่านด้วยสายตาจริงใจ
เขายังคงจำถ้อยคำให้กำลังใจอันอบอุ่นระหว่างที่เขาตกอยู่ในความทุกข์ยากได้
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่พี่เย่ได้มาพบข้า ข้าได้ยินมาว่าท่านกลายเป็นความภาคภูมิใจของนิกายเราไปแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีด้วย” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้มและป้องมือของเขาไว้ ด้วยการแสดงออกที่จริงใจเช่นนี้ มันก็คงจะไม่เหมาะสมสำหรับซูฟ่านที่จะปฏิเสธคนถ่อมตนมากขนาดนี้
“เจ้าไม่ต้องสุภาพมากก็ได้”
เย่เสี่ยวเหยากล่าว จากนั้นเขาก็มองดูเรือเหาะของซูฟ่าน
“ปีกเรือของน้องซู่ดูท่าจะได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความเร็วใช่ไหม?” เย่เสี่ยวเหยาถามอย่างสงสัย
ซูฟ่านตัดสินใจว่าก่อนออกจากนิกายครั้งหน้า เขาจะสวมชุดปลอมตัวก่อนอย่างแน่นอน
“ข้าได้รับสิ่งนี้มาจากดินแดนลับ ปีกนี้ได้เพิ่มรูนลมเข้าไป ซึ่งสามารถเพิ่มความเร็วได้เพียงเสี้ยววินาทีในช่วงเวลาวิกฤติ”
“พี่ใหญ่เย่ ท่านล่างหน้าไปทำธุระของท่านก่อนเถอะ ข้าเกรงว่าท่านอาจจะล่าช้าได้หากรอข่า” ซูฟ่านพูดโดยกลัวว่าการเดินทางจะล่าช้าหากชายคนนี้ยังไม่ยอมจากไปในเร็วๆ นี้
“โอ้ พอดีข้าจะไปร่วมงานแต่งงานของศิษย์น้องของข้า แล้วเจ้าล่ะน้องซู?” เย่เสี่ยวเหยากล่าว เขารู้สึกสงสารเล็กน้อยที่ต้องปล่อยน้องชายผู้แสนดีคนนี้ให้ต้องเดินทางเพียงลำพัง
“ศิษย์น้องของท่านชื่อหวังยู่หลุนใช่ไหม?”
ซูฟ่านเริ่มรู้สึกไม่ดี
“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว เจ้าเองก็จะไปที่นั่นด้วยอย่างงั้นหรอ? มาสิ เราไปด้วยกันเถอะ.. เผื่อว่าเราจะได้คุยกันมากขึ้น” เย่เสี่ยวเหยากล่าว และมีแสงกระบี่พุ่งออกมาจากด้านหลังเขา เรือเหาะลำหนึ่งปรากฏขึ้นข้างๆ เรือเหาะหลิงเฟิง
“ศิษย์น้อง มานั่งเรือเหาะกระบี่ของข้าดีกว่า มันเร็วกว่านะ” ก่อนที่ซูฟ่านจะทันได้ตอบตกลง เย่เสี่ยวเหยาก็ได้ฉุดซูฟ่านขึ้นไปบนเรือเหาะแล้ว
ข้า... เอิ่ม...
เมื่อไม่มีทางเลือก ซูฟ่านจึงทำได้เพียงออกเดินทางไปพร้อมกับเย่เสี่ยวเหยาได้เท่านั้น
' บู้ม~~'
ด้วยโซนิคบูมที่เร่งความเร็วจาก 0 เป็นความเร็วเสียงภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที ซูฟ่านก็แทบจะเสริมเกราะป้องกันตนเองไม่ทัน
บนเรือเหาะกระบี่ความเร็วเหนือเสียง เย่เสี่ยวเหยารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ลืมเปิดเกราะป้องกันขึ้นมา
“ขออภัยด้วยน้องซู เมื่อกี้ข้าประมาทเอง” เย่เสี่ยวเหยาขอโทษโดยลืมไปว่าระดับพลังของซูฟ่านนั้นอยู่ที่ขอบเขตฝึกปราณขั้นสูงเท่านั้น
“ไม่เป็นไร มันเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เตรียมตัวให้ดี” ซูฟ่านพูดอย่างเฉยเมย และมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ในใจ
บนเรือเหาะ เย่เสี่ยวเหยาเริ่มดูแลซูฟ่านอย่างสุดใจ โดยนำเสนอผลไม้เซียนและชาวิญญาณชั้นเลิศอย่างต่อเนื่อง
“พอแล้ว พอแล้ว พี่เย่ อย่าเอาอะไรออกมาอีกเลย มันไม่มีที่ว่างให้วางบนโต๊ะแล้ว” ซูฟ่านมองไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยผลไม้วิญญาณและพูดอย่างช่วยไม่ได้
ดัชนีความใกล้ชิดได้เตือนเขาว่าตอนนี้พวกเขาได้ไปถึงโซนอันตรายแล้ว
และในขณะนี้ เกือบจะในเวลาเดียวกัน ทั้งคู่ก็มุ่งความสนใจออกไปนอกเรือ
เย่เสี่ยวเหยากลายเป็นแสงกระบี่และรีบพุ่งออกไปจากเรือเหาะ
“ศิษย์น้องซูรอสักครู่ ข้าจำเป็นต้องเก็บกวาดอะไรสักหน่อยก่อน”
“เจ้าผู้ฝึกตนมาร สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากนิกายเทียนฉัวของข้าไปไม่ถึงหมื่นลี้ แต่เจ้ายังกล้าที่จะมาเดินอวดดีเช่นนี้อีกเรอะ!”
เย่เสี่ยวเหยายืนหยัดอย่างภาคภูมิใจต่อหน้าเรือเหาะ เขาถือกระบี่ของเขาโดยมีกระบี่บินไร้เทียมทานห้าเล่มหมุนอยู่รอบตัวเขา
“ ดิน น้ำ ไฟ ไม้และทอง?” ซูฟ่านคิดในขณะที่เขามองไปที่กระบี่ทั้งห้าเล่ม
“เย่เสี่ยวเหยา เจ้าฆ่าเพื่อนร่วมนิกายประสงค์อสูรของข้าไป แม้จะอยู่ภายในเขตนิกายเทียนฉัว แต่เจ้าก็ยังต้องตาย!”
ขณะที่เสียงที่นุ่มนวลและเศร้าหมองดังขึ้น ผู้ฝึกตนมารห้าคนก็ล้อมรอบเรือเหาะ
“ให้ตายเถอะ ข้าว่าแล้วว่าเขาต้องนำพาข้าไปฉิบหายแน่!” ซูฟ่านคิดพลางขมวดคิ้ว...