บทที่ 26: ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
บทที่ 26: ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
ซูฟ่านเดินผ่านป่าไผ่อย่างสบายๆ
เมื่อเห็นฝูงผึ้งเห็นเขา พวกมันก็พุ่งตรงเข้ามาหาซูฟ่านอย่างบ้าคลั่ง กลับกัน ซูฟ่านยังคงแสดงท่าทีราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตน
“พวกเจ้าทุกตัวคือครอบครัวของข้า”
แสงชวนฝันแผ่ออกมาจากซูฟ่านและฝูงผึ้งทั้งหมดก็มองซูฟ่านราวกับว่าเขาเป็นคนที่พวกมันเคารพมากที่สุด
พวกมันเปิดทางและแยกย้ายกันไปทางด้านข้างราวกับพวกมันกำลังต้อนรับการมาถึงของราชา
เมื่อมองดูรังผึ้งที่สูงกว่าสามเมตร ดวงตาของซูฟ่านก็เริ่มเปล่งประกายสดใส
“น้ำผึ้งเยอะขนาดนี้ ข้าคงรวยเละแน่นอน”
“100 ปอนด์ได้ 200,000 หินวิญญาณ, 1,000 ปอนด์ได้ 2,000,000 หินวิญญาณ ถ้า 10,000 ปอนด์ก็ได้……”
“ถ้าข้าได้รับน้ำผึ้งมา 10,000 ปอนด์ ข้าก็จะสามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงินในโลกแห่งการฝึกตนได้!”
ในขณะนี้ ซูฟ่านก็เห็นผึ้งราชินีซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าผึ้งกลืนวิญญาณทั่วไปหลายเท่ากำลังจ้องมองมาที่เขาจากหน้ารังผึ้งขนาดใหญ่
“พลังวิญญาณของเจ้าค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ลำพังเจ้าเพียงตัวเดียวจะสามารถต้านทานวิชาดวงใจมายาของข้าได้จริงหรอ?”
“ในตอนนี้ จงเชื่อฟังและจมดิ่งลงสู่ภวังค์ของเจ้าซะ”
ด้วยการแตะเบาๆ ในอากาศ จุดแสงสีม่วงก็ปรากฏขึ้นและค่อยๆ ลอยไปทางผึ้งราชินีอย่างสง่างาม
ทันใดนั้น โล่ป้องกันวิญญาณก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ผึ้งราชินี มันปิดกั้นวิชาของซูฟ่านไว้ และในเวลาเดียวกัน ซูฟ่านก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน
ที่แท้นี่คือหนึ่งในธุรกิจของนิกายเทียนฉัว และมันก็เป็นรางวัลลับในดินแดนลับ เหล่าศิษย์จะสามารถเอาน้ำผึ้งไปได้มากที่สุดเพียง 1,000 ปอนด์เท่านั้น
“อ้า ความฝันของข้าพังทลายลงแล้ว” ซูฟ่านกล่าวด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
ในขณะนี้ ในนิกายเทียนฉัว จู่ๆ ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็สะดุ้งแล้วพูดช้าๆ ว่า “ไม่เลวเลย ผู้ฝึกตนขอบเขตฝึกปราณสามารถสะกดจิตฝูงผึ้งกลืนวิญญาณได้ แถมเขายังเกือบจะควบคุมผึ้งราชินีได้ด้วยซ้ำ”
“ดูเหมือนว่าข้าจะมองข้ามเขาไปซะแล้ว” ผู้อาวุโสกล่าวด้วยความเสียใจ
...
ซูฟ่านในดินแดนลับกำลังเก็บน้ำผึ้งอย่างมีความสุข
และเมื่อซูฟ่านรวบรวมมันได้ถึง 500 ปอนด์และกำลังจะดำเนินการต่อ เสียงอันแผ่วเบาก็ดังขึ้น
“เจ้าหนู พอได้แล้ว”
ซูฟ่านหยุดทันที เขาทำความเคารพต่อความว่างเปล่าแล้วพูดว่า “ตามที่ท่านต้องการ”
โดยไม่พูดอะไรอีก เขาก็เรียกเรือเหาะหลิงเฟิงออกมาและบินออกไปในระยะไกล
หลังจากบินออกไปได้หลายร้อยเมตร ซูฟ่านก็ยิ้มเยาะ “ช่างตระหนี่ซะจริง ข้าเพิ่งเก็บไปได้แค่ห้าร้อยปอนด์เอง”
แม้ว่าเขาจะบ่นเกี่ยวกับความตระหนี่ของอีกฝ่าย แต่หัวใจของเขาก็แทบจะระเบิดด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขากำลังคำนวณว่าจะซื้ออะไรหลังจากขายน้ำผึ้งเรียบร้อยแล้ว
เตาหลอมยาซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับสูงก็นับเป็นสิ่งจำเป็น
เขายังจำเป็นต้องซื้อชุดอุปกรณ์การสร้างสิ่งประดิษฐ์สำหรับการสร้างสิ่งประดิษฐ์ด้วย
นอกจากนี้ เขาก็ยังมีวิชาที่อยากได้อยู่อีกด้วย
‘ ฟิ่ว!’
ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่คุ้นเคยดังขึ้น จากนั้นเขาก็เห็นแสงกระบี่สีรุ้งกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เขาจากมา
เมื่อได้ยินเสียง ซูฟ่านก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดทัก เขารีบเปิดการป้องกันและรีบพลางตัวโดยทันที
...
“ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนั่นก็เอาไปตั้งเยอะแล้ว คราวนี้ยังมีเย่เสี่ยวเหยามาต่ออีกหรอ? นี่มันจะเกินไปแล้ว”
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสที่เพิ่งคร่ำครวญถึงการสูญเสียของเขาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้สงบอีกต่อไป กลับกัน เขาเริ่มจะโกรธเล็กน้อยแล้วเช่นกัน
“ที่นั่นมีสัตว์อสูรขอบเขตฝึกปราณมากมาย แต่นอกเหนือจากเขาจะไม่ฟังคำแนะนำของข้าแล้ว เขายังกำลังพยายามจะทำให้ข้าล้มละลายอีก!”
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้อาวุโสจึงโจมตีด้วยแสงกระบี่ลึกลับ มันเจาะทะลุมิติโดยตรงและพุ่งเข้าสู่ดินแดนลับ
ที่รังของผึ้งกลืนวิญญาณ เย่เสี่ยวเหยากำลังใช้ขวดเก็บน้ำผึ้งอย่างมีความสุข เขาพูดอย่างร่าเริงว่า “ข้าไม่คิดเลยว่าการได้กลับสู่ขอบเขตฝึกปราณจะมีประโยชน์เช่นนี้”
“น้ำผึ้งของผึ้งกลืนวิญญาณมากกว่า 10,000 ปอนด์ นั่นหมายถึงหินวิญญาณมากกว่า 2,000,000 ก้อน นี่น่าจะเพียงพอที่จะให้อาจารย์ของข้าเชิญผู้ฝึกตนขอบเขตมหายานมาวินิจฉัยปัญหาในร่างกายของข้าแล้ว”
ทันใดนั้น แสงลึกลับที่ดูเหมือนจะมาจากท้องฟ้าได้ขับไล่เย่เสี่ยวเหยา ออกไปจากป่าไผ่โดยตรง
“ป่าไผ่ผึ้งกลืนวิญญาณถูกผนึกแล้ว มันจะเปิดขึ้นอีกครั้งในดินแดนลับรอบหน้าเท่านั้น”
ทันทีที่เขาเห็นโล่ป้องกันด้านนอกป่าไผ่ ข้อมูลนี้ก็ผุดเข้ามาในใจของเขา
“ขี้เหนียวเป็นบ้า” เย่เสี่ยวเหยาเม้มปากแล้วบ่นออกมา
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นภายในใจของเย่เสี่ยวเหยา
“เจ้าหนู เจ้าอยากจะช่วยจักรพรรดิเซียนผู้นี้ล้างแค้นหรือไม่?”
“ข้าคือจักรพรรดิเซียนผู้มาจากโลกรุ้งนภา...”
โดยไม่รู้ว่าเพื่อนของเขาได้เริ่มต้นการเดินทางแห่งโชคชะตาไปแล้ว ในตอนนี้ ซูฟ่านก็กำลังสำรวจโลกเพื่อค้นหามรดกของปรมาจารย์นักสร้างสิ่งประดิษฐ์ ซูฟ่านสามารถเรียกได้ว่าเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ร่ำรวย เขาสามารถสร้างรายได้เป็นร้อยหินวิญญาณต่อวัน
เมื่อเขาพบกับลำธารหรือทะเลสาบที่ดูเป็นอันตราย เขาก็จะลงจากเรือไปสำรวจโดยไม่ลังเล
เมื่อเขาพบภูเขาและยอดเขาที่ดูเป็นอันตราย เขาก็จะลงจากเรือไปสำรวจโดยไม่ลังเล
เมื่อเขาพบกับที่ราบที่ดูเป็นอันตราย เขาก็จะลงจากเรือไปสำรวจโดยไม่ลังเล
ทุกที่ที่เป็นไปได้ เขาจะลงจากเรือไปสำรวจโดยไม่ลังเล
และแล้ว การทำงานหนักย่อมได้รับผลตอบแทน ซูฟ่านมองไปที่ห้องปรุงยาโบราณตรงหน้าเขาและจมดิ่งลงสู่ความคิดอันลึกซึ้ง
“มรดกของนักปรุงยาก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย”
ซูฟ่านเก็บเกี่ยวแผ่นหยกสูตรยาโบราณจำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับเตาหลอมยาที่ปิดสนิท
“น่าเสียดาย การปรุงยาไม่ได้หอมหวนเท่ากับการสร้างสิ่งประดิษฐ์อีกต่อไปแล้ว” ซูฟ่านกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
เหลืออีกหนึ่งวันก่อนจะสิ้นสุดดินแดนลับ ซูฟ่านมองดูแผ่นหยกนับพันชิ้นในซากปรักหักพัง เขาไม่รู้ว่าเขาจะจัดการกับพวกมันยังไงดี
“การดูแลดอกไม้มากเกินไปไม่ได้ทำให้ดอกไม้บาน การปลูกต้นหลิวอย่างไม่ระมัดระวังจะทำให้เกิดป่าไม้”
“ที่นี่เต็มไปด้วยแผ่นหยกและวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่มีค่า อย่างน้อยๆ พวกมันก็ใช้ฆ่าเวลาได้เมื่อข้ารู้สึกเบื่อ”
ซูฟ่านหยิบแผ่นหยกออกมาและเริ่มดู
“วิชาอัญเชิญ สรุปแล้วมันมีวิชาแบบนี้อยู่ในโลกแห่งการฝึกตนจริงๆ สินะ”
“วิชาถุงสมบัติ ข้าสามารถใช้มันเก็บกองหินวิญญาณได้ไหมนะ?”
“วิชาจันทร์ข้างแรม อันนี้มันวิชามารนี่? ไม่ดีๆ”
“วิชาวิญญาณแท้ สื่อสารกับวิญญาณแท้”
ซูฟ่านรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เขาตรวจดูแผ่นหยกแต่ละแผ่น จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะเขา
“หนึ่งเดือนผ่านไปแล้ว ดินแดนลับกำลังจะปิดตัวลงแล้ว”
ทันใดนั้น ซูฟ่านก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือยอดเขาเทียนหมี่จากนั้นก็ตกลงมา
โชคดีที่ซูฟ่านตอบสนองอย่างรวดเร็วและใช้วิชาตัวเบาเพื่อปรับสมดุลกลางอากาศ
หลังจากฟังคำพูดปราศัยของผู้อาวุโสเล็กๆ น้อยๆ แล้ว ทุกคนก็ค่อยๆ แยกย้ายกันกลับบ้านและเริ่มตรวจนับกำไรของตนเอง
ในเวลานี้ หวังยู่หลุนซึ่งขี่นกกระเรียนบินมาร่วมกับมู่หรงเฉียนเอ๋อก็บินเข้ามาหาซูฟ่าน
“พี่ซู วันนี้ให้ข้าเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวท่านที่หอคอยเซียนเมามายเถอะ”
“เฉียนเอ๋อและข้าอยากจะแสดงความขอบคุณต่อพี่ซูที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้”
ทั้งสองมองไปที่ซูฟ่านด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ
“เอาล่ะ หลังจากอยู่ป่าเขามาได้หนึ่งเดือน ข้าเองก็อยากจะกินอะไรอร่อยๆ บ้างเหมือนกัน”
...
ในหอคอยเซียนเมามาย ซูฟ่านสั่งอาหารมูลค่าเกือบพันหินวิญญาณโดยไม่ลังเล ในบรรดาร้านอาหารของนิกายชั้นนอก ที่นี่ก็ถือเป็นระดับสูงสุดแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าที่ดูเป็นทุกข์ของหวังยู่หลุน ซูฟ่านก็คงจะสั่งอาหารเพิ่มอีกสองสามจานไปแล้ว
ซูฟ่านพบวิชาที่น่าสนใจในกองแผ่นหยก ภายใต้ผลของวิชานี้ อาหารที่กินก็จะถูกย่อยอย่างรวดเร็ว และสารอาหารกับพลังปราณวิญญาณในอาหารก็จะถูกนำมาใช้เพื่อเสริมสร้างร่างกายของผู้ฝึกตน
“พี่ซู ท่านจะกินพวกมันหมดแน่ใช่ไหม? ข้าแค่ไม่อยากให้พวกมันเสียของน่ะ”
เขากำลังบอกเป็นนัยเกี่ยวกับการใช้หินวิญญาณมากเกินไป ซูฟ่านเหลือบมองหวังยู่หลุน
“งั้นมาตกลงกัน ถ้าข้าจัดโต๊ะนี้เสร็จเมื่อไหร่ ข้าจะค่อยสั่งโต๊ะใหม่เพิ่มม เจ้าคิดว่าไงล่ะ?” ซูฟ่านพูดอย่างสนุกสนาน