ตอนที่ 57 เพื่อนร่วมชั้นเก่า (เพื่อนเก่า)
“ติงอวี่ ซุน จื่อเซียน หวงอิ๋ง?”
“ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอพวกคุณที่นี่..”
พอเห็นพวกเขา ซูเหวิน ก็ตกตะลึงก่อนจะจําพวกเขาทั้งสามคนได้ทันที
แม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพื่อนสมัยมัธยมที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี จะจำกันไม่ได้ไปได้อย่างไร?
แต่.. ความสัมพันธ์ของเขา กับสามคนนี้ไม่ค่อยดีนัก
อีกทั้งดูเหมือนจะไม่มีเหตุการณ์ใด(ในอดีต)ที่ควรค่ากับคำว่า ‘มิตรภาพ’ อันลึกซึ้งได้เลย…
“ใช่! เราเองไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่เหมือนกัน”
ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
คนที่พูดกับ ซูเหวิน เธอคือ ..หวงอิ๋ง
เธอมีหน้าตาค่อนข้างสวย ตอนเรียนมัธยมก็ถือว่าสวยที่สุดในชั้นเรียนแล้วก็ว่าได้
ทันใดนั้นเธอก็มองไปที่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และเซี่ย ชิวเยี่ยน แล้วยิ้มก่อนจะพูดไปว่า : “เฮ้ๆ ดูสิ ยังพาสาวสวยมาสองคนด้วย!”
“จุ๊ๆ ดูไม่ออกจริงๆ ว่า เพื่อนร่วมชั้น ซู จะร้ายขนาดนี้ เมื่อก่อนดูคุณค่อนข้างซื่อสัตย์ แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่า…”
เพียงแต่เธอพูดยังไม่ทันจบ ก็ต้องตกใจไปกับรูปลักษณ์ของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย โดยตรง
สวยจัง เธอสวยจังเลย..
หวงอิ๋ง ไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยขนาดนี้มาก่อน แต่เมื่อเห็นเธอก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลย
ในขณะเดียวกัน ผู้ชายหลายคนที่อยู่ข้างๆ ก็สังเกตเห็น เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย แล้ว และดวงตาของพวกเขาก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจในทันที
“ซู...เพื่อนร่วมชั้น ซู ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับนาย เธอคงไม่ใช่ว่าเป็นแฟนของนายหรอกมั้ง ใช่ไหม?”
เพื่อนร่วมชั้นชายที่มีชื่อว่า ติงอวี่ ถามด้วยความตกใจ
ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเปรี้ยวเล็กน้อยในใจ (อิจฉา เปรียบได้เหมือนกับ ‘องุ่นเปรี้ยว’)
“เพื่อนร่วมชั้น ติง ล้อเล่นแล้ว พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่มหาวิทยาลัยของฉัน”
ซูเหวิน กลับมีสีหน้าสงบ และพูดออกไปอย่างใจเย็น
“โอ้ เป็นแบบนี้เอง~”
พอได้ยิน ซูเหวิน พูดแบบนี้ ติงอวี่ และซุน จื่อเซียน ก็รู้สึกโล่งใจทันที
เออมันก็จริง.. ซูเหวิน คนนี้เป็นคนซื่อสัตย์ ซื่อตรง และถ่อมตัว อีกทั้งเขายังยากจน
..จะไปมีแฟนสวยขนาดนี้ไปได้ยังไง?
จากนั้นเขาก็ยิ้ม แล้วพูดว่า : “เพื่อนร่วมชั้น ซู ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เหรอ?”
“นั่นแน่นอนว่า เพื่อนร่วมชั้น ซู เคยเป็นนักเรียนหัวกะทิระดับต้นๆ ในชั้นเรียนของเรา ฉันได้ยินว่าเขาสอบเข้าเรียนได้ที่มหาวิทยาลัยเทียนเวย เขาจะไม่เรียนได้อย่างไร?”
ซูเหวิน ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร ซุน จื่อเซียน ก็กลับเป็นคนแรกที่พูดก่อนแล้ว
“ก็คือ.. เมื่อก่อนครอบครัวเขายากจนขนาดนั้น การเรียน อ่านหนังสือก็คงจะเป็นทางออกเดียวที่จะหลุดพ้น”
หวงอิ๋ง ยังหัวเราะ และในน้ำเสียงของเธอยังแฝงคำพูดประชดอยู่เล็กน้อย
ซูเหวิน กลับไม่สนใจอะไร เขาถามอย่างสงสัยไปว่า : “พวกคุณมาทําอะไรในเมืองม่อ?”
“แน่นอนว่า เรา.. มาทํางาน ฉันกับ ซุน จื่อเซียน ตอนนี้ทำงานอยู่ที่บริษัทการเงินแห่งหนึ่ง”
“ใช่แล้ว เงินเดือนเดือนหนึ่งก็ไม่สูงมากนัก ก็แค่ 20,000 กว่าหยวนเท่านั้น!”
เมื่อพูดถึงเรื่องงาน ติงอวี่ และซุน จื่อเซียน ต่างก็แสดงสีหน้าที่ภาคภูมิใจ
ท้ายที่สุดแล้ว ในสถานที่อย่างเมืองม่อ 20,000 กว่าหยวนต่อเดือน แม้ว่าจะไม่สูงมากนัก แต่ก็ไม่ต่ำอย่างแน่นอน
หลังจากฟังคําพูดของอีกฝ่ายแล้ว ซูเหวิน ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยจริงๆ
พวกเขาไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่กําลังทํางานอยู่
หมายความว่าพวกเขาจบการศึกษาแค่มัธยมปลาย?
เดี๋ยวนะ.. แล้วมันด้วยวิธีไหนกันพวกเขาถึงสามารถหางานที่ได้เงินเดือนมากกว่า 20,000 หยวนต่อเดือนในเมืองม่อ ..ได้ พวกเขาทำได้อย่างไร?
ในระหว่างที่เขากำลังสงสัย ติงอวี่ ก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“แต่พอเทียบกับ เพื่อนร่วมชั้น หวง แล้ว ..เรายังห่างไกลมาก”
“ตอนนี้เธอแต่งงานกับสามีที่ดีแล้ว เราสองคนเองแค่พึ่งเธอ และทํางานภายใต้ชื่อบริษัทสามีของเธอเท่านั้น”
ทันทีที่พูดจบ หวงอิ๋ง ที่อยู่ข้างๆ ก็แสดงท่าทีภาคภูมิใจในทันที เห็นได้ชัดว่าความหยิ่งยะโสของ เธอ.. ได้รับความพึงพอใจ …อย่างมาก
โดยเฉพาะต่อหน้าคนยากจนอย่าง ซูเหวิน..
ซูเหวิน เองพยักหน้า และเข้าใจทันที
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาสามารถหางานดีๆ แบบนี้ได้ ที่แท้ก็เพราะมีความสัมพันธ์ของพวกเขาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย!
เมื่อฟังการสนทนาระหว่างทุกคน เซี่ย ชิวเยี่ยน ก็มองออกแล้วว่า ซูเหวิน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เพื่อนร่วมชั้นกลุ่มนี้ ดังนั้นเธอจึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา แล้วพูดไปว่า : “พี่เขย เราสั่งอาหารกันก่อนเถอะ.. ท้องของฉันหิวแล้ว”
“แม้ฉันรอได้ แต่พี่สาวฉันก็รอไม่ไหวแล้ว เธอหิวกว่าฉันอีก”
พอคําพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของ หวงอิ๋ง และคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปตามที่คาดไว้จริงๆ
พวกเขาจะฟังไม่ออกได้อย่างไรถึงความหมายของอีกฝ่ายที่ตั้งใจจะขับไล่ผู้คนออกไป?
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง
คือ...เมื่อกี้นี้ ผู้หญิงคนนี้พูดว่าอะไรนะ?
พี่สาว พี่เขย?
สาวสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ เป็นพี่สาวของเธอหรือ?
แล้วพี่เขยที่เธอหมายถึงคือใคร หรือเป็น ซูเหวิน?
ชั่วขณะหนึ่ง ติงอวี่ และคนอื่นๆ สับสนแล้ว
เยี่ยมมาก เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน, แล้วตอนนี้ไหงกับเปลี่ยนเป็นคู่สามีภรรยา ไปแล้ว?
ติงอวี่ และซุน จื่อเซียน ได้ติดดาเมจคริติคอลไปโดยตรง 10,000 แต้ม
หากสาวสวยเช่นนี้เป็นภรรยาของ ซูเหวิน พวกเขาคงต้องอิจฉาแทบตายแน่
แต่คราวนี้ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ไม่ได้ปฏิเสธ หรือโต้แย้งลูกพี่ลูกน้องของเธอ
เพราะสิ่งนี้เธอมองออกว่าเป็นสิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอจงใจบอกให้คนเหล่านี้ได้ยิน
“ฮ่าฮ่าๆ ในเมื่อ เพื่อนร่วมชั้น ซู กำลังจะกินข้าว งั้นเราก็ไม่ขอรบกวนแล้ว”
หลังจากตกใจอยู่นาน หลายคนก็ได้สติ
จากนั้น ติงอวี่ ก็มองไปที่ ซูเหวิน และพูดอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
พูดพลางหลายคนก็พร้อมจะจากไป
“จริงสิ ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว ทำไมเราไม่มาแลกเบอร์โทรศัพท์กันหน่อยล่ะ?”
“อีกสองวัน สามีของฉันจะเชิญเพื่อนสองสามคน และเพื่อนร่วมชั้นของฉันหลายคนมาทานอาหารด้วยกัน ไม่รู้ว่า เพื่อนร่วมชั้น ซู สนใจมาเข้าร่วมด้วยไหม?”
ทันใดนั้น หวงอิ๋ง ก็หันไปมอง ซูเหวิน แล้วพูดด้วยรูปลักษณ์ที่ดูไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และสัตว์ (1)
เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ?
ซูเหวิน ขมวดคิ้ว
เราไม่ใช่ว่ามีมิตรภาพที่ดีอะไรต่อกัน แล้วเหตุใดจึงต้องไปงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วย?
ในขณะนี้ ระบบได้ส่งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในใจ(หัว)ของ ซูเหวิน
“ติ๊ง!”
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่กระตุ้นภารกิจสำเร็จ”
“ระบบออกภารกิจ : ยอมรับคำเชิญของ เพื่อนร่วมชั้น หวงอิ๋ง และเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ”
“รางวัลภารกิจ : หุ้น 67% ของอาคารศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าเมืองม่อ”
อาคาร ..ห้างสรรพสินค้า?
ดวงตาของ ซูเหวิน เป็นประกายทันทีเมื่อเขาได้ยินรางวัล..
นั่นคืออาคารพาณิชย์ที่เป็นหนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดในเมืองม่อแห่งนี้ มีทั้งหมด 120 ชั้น ตั้งอยู่ในใจกลางถนนวงแหวนแรกของเมือง
ถ้าคุณเป็นเจ้าของอาคารนี้ คุณสามารถมองลงมาแล้วเห็นเมืองม่อทั้งหมดได้โดยตรงเลย ทําไมเขาจะไม่รับล่ะ?
“ยอมรับภารกิจ” ซูเหวิน ตอบอย่างมีความสุขทันที
จากนั้นเขาก็มองไปที่ เพื่อนร่วมชั้นเก่าหลายคน แล้วพูดว่า : “โอเค งั้นเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์กันก่อนเถอะ!”
หวงอิ๋ง ดูเหมือนจะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงจริงๆ และเธอเองก็รู้สึกดีใจทันที แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแลกเปลี่ยนหมายเลขกับ ซูเหวิน
ที่เธอทําแบบนี้ แน่นอน.. ว่าไม่ใช่เพราะความกระตือรือร้น หรือว่าชอบ ซูเหวิน แต่อย่างใด เธอเพียงแค่อยากจะใช้ประโยชน์จากงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้ เพื่อทำให้ ซูเหวิน อับอาย
สำหรับ ซูเหวิน เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก
ตราบใดที่มันเป็นประโยชน์ ต่อให้เขาต้องบุกน้ำลุยไฟ เขาก็จะไป
หลังจากแลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์กันแล้ว หวงอิ๋ง และคนอื่นๆ ก็จากไปอย่างมีความสุข
“ทําไมคุณถึงแลกเบอร์กับพวกเขา พอดูดีๆ พวกเขาก็ไม่ใช่ว่าเข้ากับคุณ..”
หลังจากรอให้คนอื่นๆ จากไปแล้ว เซี่ย ชิวเยี่ยน ก็พูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ผมแค่อยากดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาชวนผมไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ..”
ซูเหวิน บังเอิญหาเหตุผลได้ เลยพูดออกไป..
พอพูดไป พวกเขาก็เริ่มสั่งอาหาร และเตรียมกินข้าวกันแล้ว
หลังจากทานอาหารเสร็จ
ในช่วงบ่าย ซูเหวิน ขับรถพา เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และคนอื่นๆ นั่งรถไปเที่ยวรอบๆ เมืองม่ออีกครั้ง วนไปรอบๆ ก่อนที่จะส่งพวกเธอกลับบ้าน
และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือตัวเขาเองที่เพิ่งกลับถึงบ้านได้ไม่นานก็ได้รับข้อความจาก หวงอิ๋ง ว่าให้เขาไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ
งานเลี้ยงอาหารค่ำที่ว่าคือ พรุ่งนี้
สถานที่นั่นคือ เดอะ ซี แซนด์ โฮเทล (The Sea Sand Hotel) โรงแรมหรูระดับ 7 ดาว…
วันต่อมา โรงแรม ซี แซนด์
โรงแรม ซี แซนด์ ตั้งอยู่ในเขตผู่ซิน แม้จะมีชื่อเสียงน้อยกว่าโรงแรม ฮิลส์ แต่สิ่งอํานวยความสะดวก และสภาพแวดล้อมยังคงเป็นอันดับต้นๆ
ไม่นานนัก ก็เห็นรถซุปเปอร์คาร์สุดหรู และสง่างามขับมาจากระยะไกล และนั่นมันก็คือ Lamborghini Veneno ของ ซูเหวิน
รถขับมาถึงหน้าโรงแรม ซูเหวิน เดินลงจากรถ หลังจากยื่นกุญแจไปให้กับพนักงานจอดรถแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในล็อบบี้
จากนั้นขึ้นลิฟต์ไปตามชั้นของโรงแรม และไปที่ห้องส่วนตัวที่ หวงอิ๋ง บอกกับเขา
ในเวลาเดียวกัน ในห้องสุดหรูหมายเลข 7 บนชั้น 13 ของโรงแรม หวงอิ๋ง และเพื่อนร่วมชั้นของเธอกําลังคิดพิจารณาอยู่ว่า เดี๋ยวจะจัดเต็มกับ ซูเหวิน อย่างไรดี! (เต็มถังเลยไหมครับ ลูกเพ่!!)
(1)[ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และสัตว์ (人畜无害)] - อนึ่ง ใช้ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ หมายความว่า ผลิตภัณฑ์นี้ ไม่เป็นพิษต่อ มนุษย์ หรือสัตว์ หลังการใช้
แต่เมื่อใช้กับบุคคล โดยทั่วไปหมายความว่าบุคคลนั้นไร้เดียงสา และไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร โดยทั่วไปใช้เพื่ออธิบายตัวละครที่ไร้เดียงสาในการ์ตูน ประมาณใจดี มีเมตตา มีความเอาใจใส่ รักเด็ก