ตอนที่ 56 ผู้หญิงที่ร่ำรวยอย่างแท้จริง
“คำพูดของฉันมันผิดตรงไหน?”
เซี่ย ชิวเยี่ยน ไม่ยอมแพ้
“เธอ...ไปเรียกคนอื่นว่าอะไร?”
“และนี่ไม่ใช่ว่าเธอตั้งใจจะทำให้ฉัน กับเพื่อนร่วมชั้น ซู อับอายเหรอไง?”
เมื่อเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอทำท่าดูเหมือนหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก(1) เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“แล้วประเด็นคืออะไร แม้ว่าตอนนี้ เพื่อนร่วมชั้น ซู ของ พี่สาว จะไม่ใช่พี่เขยของฉัน แต่ในอนาคตนั้นแน่นอนว่าต้อง ‘ใช่’ อยู่แล้ว!”
“พี่เขย คิดว่าฉันพูดถูกต้องมั้ยล่ะ?”
เซี่ย ชิวเยี่ยน ยิ้มแฉ่ง มองไปที่ ซูเหวิน พลางพูดอย่างเอาใจ
เมื่อเห็นว่า ซูเหวิน ทั้งสูง และทั้งหล่อ เธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบยกนิ้วชื่นชมลูกพี่ลูกน้องที่สายตาดีขนาดนี้
ไม่แปลกใจเลยที่จะอดไม่ได้จนต้องไปส่งชานมให้กับอีกฝ่ายทุกวัน!
“ฮ่าฮ่าๆ เด็กคนนี้นี่..” ซูเหวิน ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
แม้ว่าทั้งสองจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ดูเหมือนว่า ..นิสัยจะแตกต่างกันราวฟ้า กับเหว
“เอาน่า เราขึ้นรถกันเถอะ!”
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ถูก เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ทรมานอีกครั้ง ซูเหวิน จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนเรื่อง
พูดจบเขาก็ชวนทั้งสองคนขึ้นรถ
“ว้าว! Koenigsegg”
“พี่ซู คุณรวยจริงๆ”
ทันทีที่เธอขึ้นรถมา เซี่ย ชิวเยี่ยน ก็สัมผัสสิ่งนี้ได้ เหมือนกับคุณยายหลิวไปเยี่ยมสวนต้ากวนหยวน(2)
“แต่ผมก็ไม่ได้รวยเท่า ลูกพี่ลูกน้องของคุณ..”
ซูเหวิน ยิ้มแล้วถามไปว่า : “แล้วพวกคุณอยากไปที่ไหน?”
“อืมม... ไปที่ถนนต้าหลงกันเถอะ!”
เซี่ย ชิวเยี่ยน ตอบทันที
ถนนต้าหลงเป็นหนึ่งในสามถนนการค้าที่โดดเด่นในเมืองม่อ
เนื่องจากมันยาว และแคบมากเหมือนมังกรตัวยาวที่ทอดยาวไปเป็นพันลี้ มันจึงถูกเรียกว่า ‘ถนนต้าหลง (大龙街)’
ถนนสายนี้มีชื่อเสียงมากกว่า ถนนการค้า จิ๋นหฺวา ที่ ซูเหวิน ได้รับมา และมันก็ใหญ่กว่ามาก
ที่นี่นอกจากจะมีร้านอาหารหลากหลายประเภทแล้ว ยังมีร้านออฟฟิเชียลสโตร์ชื่อดังอีกมากมาย ทำให้ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักแบรนด์
เมื่อ ซูเหวิน ขับรถ Koenigsegg มาถึงถนนสายนี้ เขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่ธรรมดาของที่นี่ได้ในทันที
จากนั้นเขาก็จอดรถไว้ข้างทาง แล้วเดินเข้าไปในถนนย่านการค้ากับ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และเซี่ย ชิวเยี่ยน ลูกพี่ลูกน้องของเธอ
บอกว่าจะมาช็อปปิ้ง จริงๆ แล้วก็คือ มาซื้อเสื้อผ้า
ดังนั้นร้านแรกที่ทุกคนเดินเข้าไปก็คือ ร้านเสื้อผ้า...
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในพริบตาเดียวก็ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว
ใน 2 ชั่วโมงกว่าๆ นี้ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และน้องสาวของเธอก็เต็มไปด้วยพลัง
พวกเธอพา ซูเหวิน เดินไปมารอบๆ เข้าไปในร้านนั้น ออกร้านนี้ไปเรื่อยๆ และที่นี่สมแล้วที่มีแบรนด์สินค้าต่างๆ มากมาย ซึ่งราวกับว่า พวกเธอไม่รู้สึกเบื่อเลย..
ต้องบอกเลยว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ช่างงดงามเหลือเกิน
ทุกครั้งที่เธอเดินเข้าไปในร้านออฟฟิเชียลสโตร์ทุกแห่ง เกือบจะทําให้ร้านค้า และพนักงานขายต้องประหลาดใจอยู่เสมอ
เสื้อผ้าทุกชุดที่เธอใส่ก็เหมือนจะเป็นเสื้อผ้าที่ตัดเย็บมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
“เป็นไงบ้าง ดูดีไหม?”
ครั้งนี้พวกเธอเข้ามาที่ร้านขายชุดเดรสโดยเฉพาะ
เมื่อ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย สวมชุดเดรสผ้ากอซสีขาวโปร่งออกมาจากห้องลองเสื้อ อย่าว่าแต่ ซูเหวิน เลย แม้แต่หญิงสาวอีกคนที่เป็นพนักงานขายของร้านก็เกือบจะน้ำลายไหลแล้ว
นี่ นี่ นี่... เธอสวยขนาดนี้จะบอกไม่สวย ได้เหรอ?
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มีความงดงามอยู่ก่อนแล้ว และแถมยังมีผิวขาวกระจ่างใส ไร้ที่ติ
เมื่อมาจับคู่กับชุดเดรสผ้ากอซสีขาวบริสุทธิ์ตัวนี้ เธอดูเหมือนเทพธิดาที่ลงมายังโลก สวย งดงาม ..เกินจะบรรยายจริงๆ
“มันสวยมาก, สวยจริงๆ..”
ซูเหวิน พยักหน้า และพูดตามความจริงออกไปด้วยสีหน้าราวกับคนต้องมนต์สะกด..
เมื่อได้รับคําชมจาก ซูเหวิน เซี่ย ซินเหยา ดูเหมือนเธอจะมีความสุขมาก ซึ่งเธอระบายยิ้มหวานออกมา
และเธอตัดสินใจซื้อชุดตัวนี้ที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 หยวนทันที
“เป็นยังไงบ้างคะ? ลูกพี่ลูกน้องของฉันสวย และดูดีมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
“และก็ เพื่อนร่วมชั้น ซู ต่อไปนี้คุณต้องพยายามทำงานให้หนักขึ้น และพยายามแต่งงานกับพี่สาวฉันให้ได้ เพื่อแบบนี้ต่อไปพวกเราก็จะได้กลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันไง”
เซี่ย ชิวเยี่ยน กล่าวพลางคลี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
มันดูราวกับว่าคนที่หน้าตาสวยที่สุดไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของเธอ แต่เป็นเธอเสียเอง, ขณะเดียวกันเธอก็ไม่ลืมที่จะให้กำลังใจ ซูเหวิน
ซูเหวิน ยิ้มพลางส่ายศีรษะไปมาอย่างช่วยไม่ได้
เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าทําไมอีกฝ่ายถึงหมกมุ่นอยู่กับการให้เขาเป็นพี่เขยของเธอขนาดนี้
ระหว่างพูดคุยกันอยู่นั้น เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็ซื้อเสื้อผ้า และได้จ่ายเงินเสร็จแล้ว
ซูเหวิน จึงช่วยเธอถือถุงเสื้อผ้า แล้วเดินออกจากร้านไปด้วยกัน
“เพื่อนร่วมชั้น ซู วันนี้ขอบคุณมากนะ”
“ขับรถพาเรามาเที่ยวเล่นที่นี่ แถมยังต้องมาช่วยถือเสื้อผ้าให้อีก”
ทันทีที่พวกเขาออกจากร้าน เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็กล่าวขอบคุณ ซูเหวิน
ยังไม่ทันรอให้ ซูเหวิน พูด เธอก็ยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง แล้วพูดว่า : “เอาอย่างงี้ไหม คุณเข้าไปในร้านกับฉัน แล้วฉันจะเลือกหาดูซื้อเสื้อผ้าให้กับคุณ เพื่อแสดงความขอบคุณ ..เป็นไง?”
พูดพลางไม่ว่า ซูเหวิน จะเห็นด้วยหรือไม่ เธอก็ดึงเขาเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายแล้ว
และภายใต้การกํากับดูแลของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ดังนั้น ซูเหวิน จึง ‘ถูกบังคับ’ ให้เป็นหุ่นลองเสื้อผ้าต่างๆ ไปหลายแบบ
ไม่ว่าจะเป็นแบบลุคสไตล์พังก์ สไตล์ลำลอง สไตล์สปอร์ต
มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกล่าวว่า ซูเหวิน เวลานี้เขากลายเป็นไม้แขวนเสื้อเดินได้ไปแล้ว!
แม้จะด้อยกว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ในแง่ของรูปลักษณ์เล็กน้อย แต่เขาก็ยังเป็นหนุ่มหล่อระดับแนวหน้าได้ ..อย่างแน่นอน
ตัวเขาเข้ากันได้กับเสื้อผ้าทุกแบบ ซึ่งดูไม่มีความคลุมเครือเลยแม้แต่น้อย
ทุกครั้งที่ ซูเหวิน ออกมาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า ดวงตาของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็อดไม่ได้ที่จะเปล่งประกายออกมา เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ประหลาดใจไปกับอารมณ์ และความหล่อเหลาของคนตรงหน้านี้แล้ว (หมายถึง ผู้แปล เปล่าว้า?)
ในที่สุดหลังจากเลือกได้แล้ว
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็เลือกซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะสมเป็นพิเศษให้กับ ซูเหวิน ไปหลายชุด
และเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นชุดโปรดของ ซูเหวิน
ในจำนวนนั้นมีเทรนช์โค้ท(Trench Coat)ตัวหนึ่งที่มีมูลค่ามากกว่า 30,000 หยวน
“ผมจ่ายเอง!”
ในเวลานี้ ซูเหวิน ที่เห็นว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย กำลังจ่ายบิลจึงรีบห้ามเธออย่างรวดเร็ว
อย่าลืมว่าเมื่อวานนี้ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ได้มอบนาฬิกาให้เขาเรือนหนึ่งแล้ว ซึ่งมันก็มีราคามากกว่า 500,000 หยวน
หากวันนี้ต้องมาเสียเงินซื้อเสื้อผ้าให้เขาอีก แถมเสื้อผ้าพวกนี้ก็ยังเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ เขารู้สึกเกรงใจจริงๆ
แต่ เซี่ย ชิวเยี่ยน กลับพูดอย่างเมินเฉยไปว่า : “ไม่เป็นไร แค่จ่ายบิลเท่านั้น”
“ขอบอกเลยว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันรวยมาก เธอเปรียบได้กับคลังสมบัติเคลื่อนที่ได้เลย ในมืออย่างน้อยๆ ก็ต้องมีหลายสิบล้าน หรือไม่ก็หลายร้อยล้าน”
“พ่อของเธอซึ่งก็คือลุงใหญ่ของฉันยิ่งกว่าคลังสมบัติเคลื่อนที่ได้เสียอีก เขามีทรัพย์สมบัติมากมายไม่หมดไม่สิ้น ฉันล่ะอิจฉาลูกพี่ลูกน้องของฉันแทบตาย..”
เซี่ย ชิวเยี่ยน ยิ้มหัวเราะเบาๆ มอง ซูเหวิน ทันที แล้วพูดว่า : “ฉันรู้ว่า เพื่อนร่วมชั้น ซู เองก็ต้องเป็นคลังสมบัติขนาดใหญ่แน่นอน และหลังจากนี้ ฉัน เซี่ย ชิวเยี่ยน จะขอติดตาม พี่เขย แล้ว”
“ต่อไปในอนาคต หาก พี่เขย กําลังเจรจาแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของฉัน ถ้าเจอปัญหาใดๆ ฉัน เซี่ย ชิวเยี่ยน จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่แน่นอน แต่ฉันมีข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวเท่านั้น และหวังว่า เพื่อนร่วมชั้น ซู จะไม่ลืมฉัน ในทุกครั้งที่กำลังกินอาหารหอมอร่อย และดื่มเหล้ารสเผ็ดร้อน(3) ฮี้ฮี คุณเข้าใจนะ…”
พูดจบยังไม่ลืมยิ้มอย่างมีเลศนัย อีกทั้งนัยตานั้นอีก ..จะเจ้าเล่ห์ไปไหน
ซูเหวิน เหงื่อตก และในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทําไม สาวน้อยคนนี้ถึงกระตือรือร้น และตั้งตารอที่จะได้เขาเป็นพี่เขยของเธอ..
ที่แท้ทั้งหมด.. ก็เพื่อการนี้!
แต่เขาเองก็ต้องยอมรับคําพูดของอีกฝ่ายเมื่อกี้ด้วย
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย รวยมากจริงๆ แถมยังรวยกว่าเขาด้วยซ้ำ
ไม่ หากพูดให้ถูกต้องคือ เธอ.. เป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยอย่างแท้จริง
ฮ่าฮ่าๆ.. ทำไมอยู่ดีๆ ฉันถึงรู้สึกไม่อยากทำงานหนักอีกต่อไปแล้วนะ…
ระหว่างพูดคุยกันอยู่นั้น เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็จ่ายบิลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
หลายคนก็ถือถุงใบเล็กใบใหญ่หิ้วเสื้อผ้ากองใหญ่ออกมาจากร้าน และเดินกลับออกไป
พอมาถึงรถแล้วขนข้าวของขึ้นรถ และจัดของเสร็จ, เวลาล่วงเลยมาเกือบจะ 11 โมงแล้ว
ซูเหวิน เสนอว่าให้ไปหาอะไรทานกันก่อน เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และเซี่ย ชิวเยี่ยน ลูกพี่ลูกน้องของเธอเอง ย่อมไม่คัดค้านแต่อย่างใด
ดังนั้นหลายคนจึงขึ้นรถ และขับรถออกจากถนนการค้าต้าหลง และไปหาร้านอาหารทันที
ไม่กี่นาที Koenigsegg ก็ขับมาที่ร้านอาหารจีนที่ชื่อว่า ‘เฟิงหม่านโหลว’
ร้านอาหารแห่งนี้แค่ดูรูปลักษณ์ภายนอกก็ค่อนข้างดูมีระดับ และหรูหรามากทีเดียว
หลังจากลงจากรถแล้ว พวกเขาก็เดินไปทาง เฟิงหม่านโหลว
ด้วยเสียง “ยินดีต้อนรับ” ไม่กี่เสียง ซูเหวิน และคนอื่นๆ ก็มาถึงห้องโถง
เมื่อมองแวบแรก มันกว้างขวาง และสว่างมาก
แม้ว่าจะมีคนเยอะ แต่ก็ไม่แออัดเลย
ซูเหวิน มองไปรอบๆ จากนั้นพวกเขาเลือกตําแหน่งริมหน้าต่าง และนั่งลงกับ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย
“โอ้วว บ้าจริง.. ซูเหวิน นั่นคุณเหรอ?”
“นายก็อยู่ที่นี่ด้วย?”
และไม่นานหลังจากที่ ซูเหวิน และคนอื่นๆ นั่งลง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
จากนั้นเห็นคนสองสามคนเดินตรงมาทาง ซูเหวิน
ซูเหวิน เงยหน้าขึ้น แล้วอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
เพราะหลายคนที่เดินอยู่ข้างหน้าเขา ..ไม่ใช่ใครอื่น และซึ่งเขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายของเขา
(1)[หมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก (不怕开水烫的模样)] - หมายถึงไม่มีความยำเกรงหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น เป็นคำเปรียบเทียบถึงคนผิวหนา โกง ครอบงำ และไร้ยางอาย และมักใช้สำหรับการเยาะเย้ย หรือดูถูก
(2)[คุณยายหลิวไปเยี่ยมสวนต้ากวนหยวน (刘姥姥进大观园)] - จาก ‘ความฝันในหอแดง’ เป็นคำอุปมาของบุคคลที่ไม่เคยเห็นโลก และได้ออกมาเปิดหูเปิดตา ตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งที่เห็น สามารถใช้เพื่อเยาะเย้ยผู้ที่มีสายตาสั้น และโง่เขลา หรือใช้เพื่อทำให้ตนเองประหม่า หรือไม่เห็นค่าตนเอง
ปัจจุบัน มีการนำไปใช้เพื่ออธิบายถึงใครบางคนซึ่งมักจะเรียบง่าย และไม่ซับซ้อน ซึ่งได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และได้อยู่สภาพแวดล้อมที่หรูหรา
(3)[กินอาหารหอมอร่อย และดื่มเหล้ารสเผ็ดร้อน (吃香的喝辣的)] - ‘กลิ่นหอม’ หมายถึง เนื้อสัตว์ และ ‘รสเผ็ด’ หมายถึง เหล้า บ่งบอกถึง การมีชีวิตที่ดี เครื่องดื่ม(เหล้า)รสเผ็ดร้อนเป็นที่นิยม ทั้งยังเป็นคำอุปมาถึง ชีวิตที่หรูหราของผู้คน..