Chapter 498 สถานะของหลิวหว่านซี
ด้วยงานประลองอาหารประจำจังหวัดซีเหนียนหยาง ที่จะจัดขึ้นอีกครึ่งเดือน จุนซ่างเซียวได้นำหลิวหว่านซีออกเดินทางไปเข้าร่วม.
เขาไม่ได้นำศิษย์คนอื่น ๆไปด้วย โดยหวังที่จะให้พวกเขายกระดับบ่มเพาะของตัวเองให้มากที่สุด.
นอกจากนี้เขาได้เตรียมเม็ดยารวมวิญญาณระดับกลางหลายพันเม็ดเอาไว้ ให้กับศิษย์เอาไว้ใช้ในช่วงระยะที่เขาไม่อยู่อีกด้วย.
เพื่อยกระดับพลังของสำนัก เจ้าสำนักจุนไม่ได้ตระหนี่เลยแม้แต่น้อย.
“วัตถุดิบ และอุปกรณ์หากไม่ได้เก็บเข้าแหวน เมื่อข้าไม่ได้อยู่ในสำนัก สามารถที่จะใส่ในเครื่องธุรการสำนักแล้วหลอมจากนั้นได้หรือไม่?”จุนซ่างเซียวลอบคิดในใจ.”จุนซ่างเซียวที่ลอบกล่าวในใจ.
ระบบเอ่ย “ได้ หากแต่โฮสน์ต้องเป็นคนสั่งการก่อน.”
“งั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเป็นประกายทันที.
เช่นนั้นเขาก็สามารถท่องไปทั่วทวีปชิงหยุน โดยที่ศิษย์ของเขาไม่ขาดเม็ดยาเลยไม่ใช่รึ?
เป็นอะไรที่ง่ายเป็นอย่างมาก.
เหล่าเหว่ยที่เก็บเกี่ยวสมุนไพร ก่อนที่จะนำมาใส่ในเครื่องธุรการสำนัก จากนั้นเขาก็หลอมเม็ดยาและให้ทุกคนรับเม็ดยาที่ตู้ธุรการสำนัก.
เรื่องสบาย ๆ เช่นนี้ จุนซ่างเซียวถนัดเป็นอย่างมาก.
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง.
เป็นเช่นนี้สำนักของเขาไม่จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญปรุงยาเลยไม่ใช่รึ?
ระบบที่มีฟังก์ชันหอยามาให้ สามารถที่จะปรุงยาที่ยอดเยี่ยมออกมาได้เช่นนี้ ทำไมเขาต้องหานักปรุงยาด้วยล่ะ!
ภายในสำนักแม้นว่าเจ้าสำนักจุน จะตัวคนเดียว ทว่ากับสามารถที่จะปรุงยา หลอมอาวุธและยันต์ แม้แต่ผนวกจิตวิญญาณอาวุธได้ ช่างเป็นความสามารถที่เอนกประสงค์เป็นอย่างมาก.
กล่าวได้ว่า.
ภาระของสำนักหลายอย่าง ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องกังวล โดยใช้ความพยายามที่น้อยกว่าคนอื่น ๆ.
......
“อ๋า!”
เขาที่ยืนอยู่ป่าเขาจ้องมองบรรยากาศที่สดชื่น แขนทั้งสองข้างที่ยื่นออกไปด้านหน้า กลิ่นของดินและหญ้าที่ลอยฟุ้ง พร้อมกับสูดหายใจ “การออกมาผ่อนคลาย ก็ไม่เลวเหมือนกัน!”
หลิวหว่านซีนั่งอยู่บนก้อนศิลา นางที่นั่งท้าวคาง ใบหน้าที่ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง.
“คิดอะไรอยู่รึ?”จุนซ่างเซียวเอย.
“เอ่อ.....ไม่.”หลิวหว่านซีเร่งรีบปฏิเสธทันที.
จุนซ่างเซียวที่นั่งลงไม่ห่าง “หลังจากออกจากสำนัก ดูเจ้าไม่เป็นตัวของตัวเอง เป็นกังวลอะไรอย่างงั้นรึ?”
“ไม่....”
หลิวหวานซีเอ่ย “ไม่ ไม่ได้กังวลอะไร!”
จุนซ่างเซียวถึงกับพูดไม่ออก.
มันเขียนไว้บนใบหน้าหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าใครมอง ก็เห็นทั้งนั้น.
“หากให้เปิ่นจั้วคาดเดาเรื่องที่เจ้ากังวล.”
จุนซ่างเซียวที่แสดงท่าทางครุ่นคิดเล็กน้อยและเอ่ยออกมาว่า “ด้วยความสามารถในการทำข้าวผัดเพิ่มพลัง เจ้าควรจะมีสถานะไม่ธรรมดาอย่างงั้นรึ?”
“เอ๋ ข้านะรึ? จะมีสถานะไม่ธรรมดา อ๊าก.”
หลิวหว่านซีที่ส่ายหน้าไปมา ดวงตาที่กลมโต พร้อมกับปฏิเสธเสียงแข็ง.
จุนซ่างเซียวที่จ้องมอง พร้อมกับเอ่ยต่อว่า “เท่าที่เปิ่นจั้วรู้ ในจังหวัดซีเหนียนหยางนั้น มีตระกูลหนึ่งที่สามารถทำอาหารเพิ่มพลังได้ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในวิถียุทธ์เช่นกัน.”
หลิวหว่านซีเอ่ย “เจ้าสำนักกำลังจะเอ่ยถึงตระกูลโอวหยาง เมืองหลวงบัญชาสวรรค์อย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลิวหว่านซีเอ่ย “เจ้าสำนักจะเอ่ยว่าข้าเป็นคนของตระกูลโอวหยางอย่างงั้นรึ?”
“คนทั่วไปที่ทำอาหารยกระดับพลังได้ เปิ่นจั้วคงยากจะเชื่อลงเช่นกัน.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
คำพูดเหล่านั้น แสดงออกเล็ก ๆ ว่านางเป็นคนของตระกูลโอวหยาง ไม่เช่นนั้นแล้วจะสามารถสร้างอาหารที่ลึกล้ำขึ้นมาได้อย่างไร.
“ใช่แล้วล่ะ.”
หลิวหว่านซีเอ่ย “ข้าขอกล่าวตามจริง ข้าและตระกูลโอวหยางนั้นมีความเกี่ยวพันธ์กัน.”
จุนซ่างเซียวไม่ได้เผยท่าทางประหลาดใจอะไรออกมา.
ในอดีตเมื่อนางเข้ามายังสำนัก แม้แต่ลู่เชียนเชียนยังสงสัยว่านางมีประวัติ แม้นว่าจะไม่ได้จริงจังนัก แต่ในใจแล้วก็ย่อมคาดเอาไว้ว่าควรเป็นเช่นนั้น!
ไม่ใช่แค่หลิวหว่านซี.
ศิษย์หลายคนของเขา เจ้าสำนักเองก็รู้ว่าพวกเขาล้วนแต่มีความลับ.
ไม่ต้องกล่าวถึงใคร ลู่เชียนเชียน เพราะนางไม่เคยเอ่ยอะไรกับตัวเองเลย เกรงว่าความเป็นมาของนางคงไม่ธรรมดาเช่นกัน.
จวบจนถึงตอนนี้ เจ้าสำนักจุนที่เชื่อว่า นางที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา การที่มาเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งเช่นนี้ คงจะหนีจากการไล่ล่าของศัตรู.
ดังนั้นลู่เชียนเชียนที่ออกไปหาประสบการณ์ครั้งนี้ หากว่านางเป็นอันตราย สำนักก็ยินดีที่จะช่วยยืนสนับสนุนนางอยู่ด้านหลังเช่นกัน.
ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ใหน.
หากกล้าทำอะไรศิษย์ของข้า แน่นอนว่าเขาพร้อมจะสังหารคนเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล!
เจ้าสำนักจุนที่คิดว่าตัวเองเป็นเหมือนกับบิดามารดาของพวกเขา.
แม้แต่เมื่อครั้ง ที่สำนักปิศาจของมนทลฮวยหยางข่มเหงศิษย์ของเขาที่หุบเขาแห่งความตาย เขายังยกกำลังเพื่อไปทำลายศัตรูทั้งสำนักเลย.
“เกี่ยวพันธ์อย่างไรงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ยถาม.
หลิวหว่านซีก้มหน้า ขณะมือเล็ก ๆ ของนางกำแน่น กล่าวด้วยเสียงอันเบา “เจ้าสำนัก ข้า...ที่จริงข้าเป็นบุตรนอกสมรสของตระกูลโอวหยาง.”
คำพูดที่นางไม่กล้าเอ่ย ความเจ็บช้ำที่ฝังใจ กว่าจะรวมความกล้าเอ่ยออกมาได้ ร่างกายของนางถึงกับสั่นไปมาเล็กน้อย.
“จริงรึ?” จุนซ่างเซียวที่กล่าวตอบรับ.
เขาคาดเดาว่าหลิวหว่านซีคงเกี่ยวข้องกับตระกูลโอวหยาง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นบุตรนอกสมรส.
ในโลกใบนี้ บุตรนอกสมรสนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนพึงประสงค์ ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในสังคม แตกต่างจากโลกใบเดิมของเขาคนล่ะขั้วทีเดียว.
“มารดาของข้านั้นเป็นคนธรรมดา.”
หลิวหว่านซีเอ่ย “ได้ไปพบกับเจ้าคนบัดซบนั้น ก่อนที่จะมีข้า.”
เจ้าคนบัดซบ แน่นอนว่าต้องเป็นบิดาของนาง.
“หลังจากที่ มารดาของข้าเจ็บป่วยและจากโลกนี้ไป ทำให้ข้าต้องอาศัยอยู่เพียงลำพัง และไม่นานก็พบกับเจ้าบัดซบนั่น และถูกนำกลับไปยังตระกูลโอวหยาง.”
ขณะที่หลิวหว่านซีเล่านั้นแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชัง เพราะว่านับตั้งแต่เข้าไปในตระกูลโอวหยาง ก็เริ่มกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่ต่างกับตกนรกของนาง.
จุนซ่างเซียวสามารถคาดเดาได้.
บุตรนอกสมรส เข้าไปในตระกูลใหญ่ ย่อมถูกเพ่งเล็งจากคนทั้งตระกูล.
ใช่แล้ว หลิวหว่านซีถูกข่มเหงรังแกมากมายจากภายในตระกูล จนต้องเอ่ยคำว่าเจ้าคนบัดซบนั่นออกมา.
เพราะว่านางเกี่ยวพันธ์กับตระกูล ทำให้โลลิน้อยได้แต่ต้องอดทนกล้ำกลืน.
ทว่าความอดทนที่ถูกสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน มันย่อมมีจำกัด ท้ายที่สุดแล้วนางก็ลอบหนีออกมาจากตระกูลโอวหยาง.
เพื่อไม่ให้ใครหาพบ หลิวหว่านซีได้เดินทางมายังมนทลชิงหยาง ก่อนที่จะโชคดีบังเอิญพบกับจุนซ่างเซียวที่เมืองชิงหยางนั่นเอง.
จากนั้นเป็นต้นมานางก็ใช้แซ่ตามมารดาของนาง.
แซ่โอวหยางแม้นว่าจะทรงเกียรติ แต่นางกับไม่ต้องการเลยแม้แต่น้อย.
หากเลือกได้ นางไม่ต้องการมีเลือดเนื้อของตระกูลโอวหยางเลยแม้แต่น้อย นางยินดีที่จะเป็นคนธรรมดาที่ยากจนดีกว่า.
อย่างไรก็ตาม.
สายเลือดที่สืบทอด ถึงแม้นว่าจะไม่ต้องการแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้.
มารดาของหลิงหว่านซีนั้นเป็นคนธรรมดา.
ที่จริงพรสวรรค์ในการทำอาหารของนางนั้น มาจากบิดา มาจากตระกูลโอว แม้นว่าจะอาศัยอยู่ในตระกูลโอวหยางเพียงหนึ่งปี แต่ด้วยพรสวรรค์ทำให้นางเข้าใจศิลปะการทำอาหารได้แม้นว่า จะได้แค่มองก็ตาม.
ในโลกใบนี้ ผู้คนมากมายที่มีพรสวรรค์ในเรื่องต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน.
หลิวหว่านซี.
แม้นว่าเมื่ออยู่ในตระกูลโอวหยาง นางที่ได้แต่ลอบมองผู้คนของตระกูลโอวหยาง แต่กับทำให้นางได้รับรู้และมีความสามารถในการทำอาหารขึ้นมาบ้าง.
หลังจากได้เห็น และฝึกฝนด้วยตัวเองก็ทำให้ฝีมือนางพัฒนา.
น่าเสียดาย.
เพราะเป็นบุตรนอกสมรส ทำให้นางไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดความรู้เรื่องอาหารจากตระกูลโอวหยาง.
กระนั้นแม้ว่าจะไม่ได้ศึกษา ก็ไม่ได้ทำให้พรสวรรค์ของนางหายไป.
หลิวหว่านซีที่ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ด้วยพรสวรรค์ของนาง ทำให้นางสามารถพัฒนาข้าวผัดเพิ่มพลังได้ในที่สุด.
หากเรื่องที่นางทำได้นี้ ตระกูลโอวหยางรู้ จะต้องสั่นสะเทือนไปทั้งตระกูลอย่างแน่นอน.
ต้องไม่ลืมว่า การไม่ได้รับความรู้จากตำราอาหารของตระกูลโอวหยาง การจะทำอาหารเพิ่มพลังได้นั้น เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก.
กับความทรงจำที่เลวร้ายที่หลิวหว่านซีได้รับในอดีต.
นางคล้ายกับหลงจื่อหยางแต่ไม่เหมือนกับหลงจื่อหยาง หลงจื่อหยางยังมีสถานะของบุตรประมุข แม้นว่าจะถูกดูแคลน แต่ก็ไม่ได้ถูกรังแกอย่างเปิดเผย หลิวหว่านซีที่ถูกปฏิบัติที่ต่ำยิ่งกว่าลูกจ้าง ทำให้นางไม่ต้องการจะเกี่ยวข้องกับตระกูลโอวหยางตลอดกาล.
ในการประลองทำอาหารที่เมืองหลวงบัญชาสวรรค์ แน่นอนว่าตระกูลโอวหยางต้องส่งทายาทสายตรงเข้าร่วม การต้องกับไปเผชิญหน้าอีกครั้ง ทำให้นางรู้สึกเป็นกังวลนั่นเอง.
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา เอยออกมาด้วยรอยยิ้ม “การเดินทางไปยังเมืองหลวงบัญชาสวรรค์ในครั้งนี้ หากตระกูลโอวหยางรังแกเจ้า เปิ่นจั้วจะทำให้พวกเขาต้องจ่ายไปในราคาที่สูงลิ่ว.”
เขาได้ตั้งเป้าเรียบร้อยแล้ว!
ดูเหมือนว่าการเดินทางไปยังเมืองหลวงบัญชาสวรรค์ครั้งนี้ กำลังจะสร้างเรื่องใหญ่โตขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน.