ตอนที่แล้วChapter 489 เปิ่นจั้วจะพาบุกเบิกโลกใบนี้ เอาชนะไปทั่วสารทิศ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 491 ยกระดับสิ่งก่อสร้างระดับหก

Chapter 490 หนึ่งฝ่ามือปลุกฉินเห่าหราน.


เมืองเจิ้นหยาง มนทลเจิ้นหยาง ภายในตำหนักที่ใหญ่โตและมีสถาปัตยกรรมที่ซับซ้อน.

ที่นี่คือที่พักของผู้พิทักษ์มนทล จะเรียกที่นี่เป็นวังหลวงก็ว่าได้.

เห็นจากที่พักอาศัยที่ใหญ่โตโอ่อ่า เห็นได้ชัดเจนว่าผู้พิทักษ์มนทลเจิ้นหยางนั้นมีความทะเยอทะยานขนาดใหน ที่พักของเขาเวลานี้ไม่ได้ด้อยกว่าที่พักของราชาเลย.

ราวกับว่าเขาไม่ได้พอใจแค่ผู้พิทักษ์มนทล.

ในเวลานี้ภายในห้องโถงที่หรูหรา มีชายวัยกลางคนที่มีอายุ 30-40 ปี นั่งอยู่บนบัลลังก์.

โจวเฉาชุน ผู้พิทักษ์มนทลเจิ้นหยาง.

ใบหน้าที่ไว้เคราแหลมสองข้าง ดูบ้าคลั่ง แววตาที่เป็นประกายราวกับพยัคฆ์ร้าย ร่างกายแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ออกมาตลอดเวลา.

ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าเพียงแค่ภาพลักษณ์ของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยานแล้ว.

ทว่าที่ด้านล่างนั้น มีเหล่าแม่ทัพและกุนซือที่กำลังก้มหน้า หัวใจกำลังสั่นไปมา.

บรรยากาศในห้องโถงที่ดูอึมครึมเป็นอย่างมาก.

ในเวลานี้ ศีรษะของไป่รุ่ยหู่ที่วางไว้ในกล่องวางอยู่กลางห้อง.

“แก๊ก!”

โจวเฉาชุนที่ฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะ เอ่ยออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “ทัพสามแสนคน ไม่เพียงไม่สามารถยึดเมืองชิงหยาง ยังถูกจับ แม้แต่ศีรษะยังถูกกุดอีก!”

ผู้พิทักษ์มนทลที่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก.

ต้องไม่ลืมว่า กองกำลังพยัคฆ์ขาวเป็นหนึ่งในสี่ทัพใหญ่ ตอนนี้ถูกทำลายย่อยยับไปแล้ว.

“ผู้พิทักษ์!”

แม่ทัพที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า “แม่ทัพผู้นี้ยินดีนำกองกำลังเต่าดำ ไปทำลายล้างมนทลชิงหยาง และนำศีรษะของเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งกลับมาให้!”

“กองกำลังมังกรเขียวยินดีรับหน้าที่ครั้งนี้!”

“กองกำลังหงส์แดงของข้าขอนำทัพออกไปเอง!”

กองกำลังพยัคฆ์ขาวที่ถูกทำลาย ไม่เพียงแค่ผู้พิทักษ์มนทลโกรธเกรี้ยว อีกสามกองกำลังก็โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากเช่นกัน.

สามกองกำลังรวมกัน อย่างน้อยก็มีทหารกว่าล้านคน หากเข้าโจมตีเมืองชิงหยางพร้อมกัน แน่นอนว่าเจ้าสำนักจุนคงลำบากอย่างไม่ต้องสงสัย.

แม้นว่าโจวเฉาชุนจะโกรธเกรี้ยวจนหนวดกระตุก ทว่าเขาก็ยังคงข่มใจให้สุขุมลงได้ “เวลานี้มนทลเจิ้นหยางของพวกเราต้องรับศึกหลายด้าน มีหลากหลายมนทลใหญ่ที่ไม่พอใจพวกเรา ไม่สามารถที่จะใช้ทัพขนาดใหญ่เพื่อเข้าโจมตีดินแดนเล็ก ๆ นั่นได้.”

สำนักไท่กู่เจิ้งปกป้องเมืองชิงหยาง ทำลายกองกำลังพยัคฆ์ขาวของเขาจนสิ้น แม้แต่ส่งศีรษะของแม่ทัพกลับมา เห็นชัดเจนว่านี่เป็นการเตือน.

ศัตรูของเขาหากมีเพียงสำนักไท่กู่เจิ้ง แน่นอนว่าโจวเฉาชุนย่อมไม่ต้องคิดอะไรมาก.

ทว่าตอนนี้ หลากหลายดินแดน ต่างก็จับจ้องมองมายังมนทลเจิ้นหยางแล้ว ทำให้เขาต้องคิดใคร่ครวญให้ดี.

อีกอย่าง กองกำลังพยัคฆ์ขาวที่ถูกจัดการไปทั้งหมด นั่นก็แสดงว่าสำนักไท่กุ่เจิ้ง มีความแข็งแกร่งเช่นกัน การยกทัพเข้าปะทะต้องเสียหาย ไม่น้อยก็มาก.

อีกอย่างหนึ่งเป้าหมายของเขาก็คือการขยายดินแดน ดินแดนระดับเก้านั้นไม่ได้มีทรัพยากรมีค่าอะไร ไม่คุ้มค่าอย่างรุนแรงที่เขาจะต้องทุ่มกำลังเข้าโจมตี.

โจวเฉาชุนนั้นไม่ได้ดื้อรั้นไร้สมอง ที่จะแข็งขืนทำอะไรไร้ความหมาย ไม่ยอมที่จะทำเรื่องอะไรขาดทุนอย่างแน่นอน.

และสิ่งที่เขาต้องทำที่สุดเวลานี้คือจัดการดินแดนขนาดใหญ่ที่จ้องมองดินแดนของเขา หากจัดการปัญหาทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ค่อยคิดว่าจะโจมตีมนทลชิงหยางอีกครั้งก็ได้.

และนี่ก็เป็นไปตามที่เจ้าสำนักจุนหวัง.

เพราะว่า ตอนนี้เขาขาดแค่เวลาเท่านั้น หากมีเวลาเพียงพอ เขาสามารถที่จะยกระดับสำนัก ที่จะมีพลังเพียงพอ ที่จะทำให้ทั่วโลกหวั่นเกรงได้!

......

“เจ้าไม่ได้ยินรึอย่างไร กองกำลังพยัคฆ์ขาว ได้นำทัพ 300,000 บุกมนทลชิงหยาง ท้ายที่สุดก็พ่ายแพ้ไม่มีโอกาสแม้แต่เข้าไปในเมืองชิงหยางได้เลย!”

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะไม่ได้ยินได้อย่างไร นอกจากนี้ข้ายังรู้ด้วยว่า แม่ทัพที่นำทัพไปนั้นคือแม่ทัพไป๋รุ่ยหู่ ตอนนี้ถูกกุดศีรษะแล้วส่งคืนมนทลเจิ้นหยางด้วย!”

“โอ้วสวรรค์ หนึ่งในสิบแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของจังหวัดซีเหนียนหยาง คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกกุดหัวที่เมืองชิงหยาง!”

เรื่องที่น่าตื่นตะลึงนี้ได้กระจายไปทั่วจังหวัดซีเหนียนหยางอย่างรวดเร็ว สร้างความตื่นตะลึงให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก!

โดยเฉพาะเรื่องที่พวกเขารู้ว่ามาอีกว่า คนที่รับผิดชอบปกป้องเมืองชิงหยางนั้น เป็นสำนักไท่กู่เจิ้ง แววตาของทุกคนยิ่งเผยความไม่อยากเชื่อออกมาอีก!

พวกเขาที่ได้ยินเกี่ยวกับสนามประลองแห่งความตายมาก่อน ในเวลานั้นก็ทำให้พวกเขาตื่นตกใจแล้ว เวลานี้สำนักไท่กู่เจิ้งที่เข้าร่วมสงครามฆราวาสอีก แม้แต่ทำลายกองกำลังพยัคฆ์ขาวจนย่อยยับ ทำให้กลายเป็นที่พูดคุยของผู้คนอีกครั้ง.

ไม่ว่าจะเป็นใคร ตระกูลใหญ่ที่ใหนต่างก็พูดคุยเรื่องเดียวกัน.

แม้แต่เรื่องต่าง ๆ ที่อื้อฉาว ทั้งเรื่องพ่อบ้านและภรรยาน้อยประมุข ที่เป็นชู้กัน ยังถูกกลบด้วยข่าวสำนักไท่กู่เจิ้ง.

ที่น่าตื่นเต้นที่สุด คงจะเป็นเจ้าเมืองอีกเจ็ดเมืองของมนทลชิงหยาง เมื่อได้รับข่าว พวกเขาถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจทันที.

เมืองชิงหยางคือเมืองหลักของมนทลแห่งนี้ ได้รับการปกป้องจากสำนักไท่กู่เจิ้ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหายนะครั้งนี้ได้ถูกปัดเป่าไปแล้ว.

มนทลเจิ้นหยางดินแดนระดับหก.

พวกเขาไม่ได้ไร้เทียมทานอีกต่อไป!

ข่าวชัยชนะของมนทลชิงหยาง เวลานี้ทำให้ประชาชนทุกคนได้ออกมากระจายข่าวไปทั่ว แม้แต่ออกมาตีฆ้องประกาศฉลองชัยครั้งใหญ่เลยทีเดียว.

ผู้คนมากมายถึงกับคุกเข่าคำนับไปยังทิศทางของเทือกเขาไท่กู่กันมากมาย.

หากมนทลชิงหยางตกอยู่ในมือศัตรู ไม่ต้องบอกเลยว่าพวกเขาจะต้องกลายเป็นทาส ด้วยการที่สำนักไท่กู่เจิ้ง เจ้าสำนักจุนที่ลุกขึ้นสู้เพื่อพวกเขา ทำให้ประชาชนทั้งหมดเต็มไปด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้ง.

หากว่าว่ามีรูปปั้นจุนซ่างเซียวตั้งขึ้น คงจะมีคนมากมายมาจุดธูปเพื่อคารวะขอพรเป็นแน่.

......

ห้องโถงสำนักเห่าฉี.

หลังจากฉินเห่าหรานได้รับข่าว เขาถึงกับทำลายจดหมาย นั่งงงงวยไปชั่วขณะ ผ่านไปนานถึงจะกลับคืนสู่ความเป็นจริง.

สำนักไท่กู่เจิ้ง ต้านทัพ 300,000 คนได้อย่างงั้นรึ?

มันจะเป็นไปได้อย่างไร!

หากไม่เพราะว่าเขาได้ตรวจสอบข่าวหลายครั้งแล้ว ผู้นำฉินคงคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่!

มนทลเจิ้นหยางบุกมนทลเหอหยางและฮวยหยาง เขาก็ได้รับข่าว เวลานั้นเขาได้ปรึกษากับเหล่าพันธมิตรท้ายที่สุดก็สรุปว่าพวกเขาจะเก็บตัว ทำให้กลายเป็นที่จับจ้องของทุกคนทั่วมนทลชิงหยาง.

จากนั้นสำนักเห่าฉีและพันธมิตรได้ปิดประตูสำนัก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจของปุถุชน.

เมื่อมนทลชิงหยางมีอันตราย พวกเขาก็ปิดประตูสำนัก วางตัวเป็นกลางเช่นนี้ ทำให้พวกเขาโดนดูถูกอย่างหนัก.

และที่หนักยิ่งกว่านั้นก็เพราะจุนซ่างเซียวได้นำศิษย์ออกมาปกป้องเมืองชิงหยาง ต้านทัพของมนทลเจิ้นหยาง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขานั้นเหมือนกับถูกตบหน้าอย่างรุนแรง.

เสียงของฝ่ามือนี้ดังลั่น หากแต่ฉินเห่าหรานก็ยังคงแกล้งหลับไม่ยอมตื่น.

ท้ายที่สุดเขาก็ตระหนักได้ในที่สุด ตัวตนของสำนักไท่กู่เจิ้งนั้น ทำให้พันธมิตรของเขาตกต่ำลงเรื่อย ๆ!

นับตั้งแต่ท้าทายนิกายเซิ่งชวน.

การประลองแห่งความตายกับหอเทพสังหาร.

ตอนนี้ยังรับมือกับทัพใหญ่ของมนทลระดับหก.

ทุกการกระทำที่เกิดขึ้น ทำให้ฉินเห่าหรานถูกหักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า.

หากแต่พวกเขาจะทำอะไรได้.

แม้นว่าจะโต้กลับก็ทำได้เพียงแค่ฝันเท่านั้น.

ก่อนหน้านั้นสำนักไท่กู่เจิ้งต่อหน้าฉินเห่าหรานและพันธมิตร เป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น.

ตอนนี้กลับกลายเป็นยักษ์ใหญ่ ที่พวกเขาได้แต่แหงนหน้ามอง.

แม้แต่ไม่สามารถมองเห็นแผ่นหลังได้อีกต่อไป.

เมื่อเถาหยวนยอมรับจุนซ่างเซียว ทหารกองกำลังเหนือพยัคฆ์ 2472 คนก็ได้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งด้วย.

สมาชิกครบ 5000 พัน ได้กระตุ้นภารกิจสำนักขึ้น!

เมื่อเหล่าสมาชิกทำภารกิจเสร็จ ยกระดับสี่ก่อสร้าง สมาชิกสำนักก็จะเพิ่มขึ้นอีก.

สำนักไท่กู่เจิ้งเวลานี้เทียบกับนิกายระดับห้าแล้ว!

ทำไม?

เพราะว่าการเติบโตของพวกเขา เหลือเพียงสมาชิกครบหนึ่งหมื่นคน เวลานี้เจ้าสำนักก็มีระดับกษัตริย์ยุทธ์และศิษย์สิบบรรพชนยุทธ์ตลอดอาจารย์ยุทธ์หนึ่งพันก็เข้าเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว.

กล่าวได้ว่าเหลือเพียงสมาชิกเพียงพอ ก็จะทำเรื่องยกระดับสำนักได้.

แน่นอนว่าการรับศิษย์นั้นไม่มีปัญหา!

เพราะว่าทหารที่เถาหยวนเคยฝึกเวลานี้ได้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว เพราะว่าจำนวนสมาชิกที่รับเข้ามาจำกัด จึงยังไม่ได้รับเข้ามาทุกคน.

ขอเพียงจุนซ่างเซียวไม่สนใจรากวิญญาณ การจะยกระดับสำนักไท่กู่เจิ้ง เป็นนิกาย ก็เป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด