ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 710 ปะทะผู้พิทักษ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 712 ล่อเสือออกจากถ้ำ

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 711 ยกมาทั้งจักรวรรดิ


ร่างของกู่เชียงนั้นแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ แต่ดาราจักรชีวิตยังคงรักษาตัวตนของเขาเอาไว้ได้อยู่

แต่การโจมตีครั้งนี้ทำให้ร่างเนื้อของเขานั้นไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป กู่เชียงไม่คิดเลยว่าพลังของซู่เสี่ยวไป่จะมากล้นขนาดนี้

และนี้เป็นแค่ร่างเงาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ไม่ใช่เงาเทพด้วยซ้ำ และไม่ต้องถึงคิดร่างที่แท้จริง

พูดกันตามตรงในเขตแดนเดียวกันตอนนี้ ต่อให้ซู่เสี่ยวไป่ไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้อีกฝ่ายสู้กับเงาของเขาไปเรื่อยๆ คงไม่มีการโจมตีหรือมีใครหลุดมาถึงร่างจริงของเขาได้

“มหาภัยพิบัติกู่เชียง มอบเศษดวงวิญญาณที่เก็บไว้มาซะ”

จุดมุ่งหมายของซู่เสี่ยวไป่ยังคงชัดเจนนั้นคือรวบรวมเศษดวงจิตของสิ่งมีชีวิตโบราณกลับคืน การแบ่งดวงวิญญาณก็เหมือนการยึดพลังของตัวตนนั้นไว้ ทำให้พวกเขาไม่มีทางต่อต้านหรือขัดขืนได้

ซู่เสี่ยวไป่ยกมีดขึ้น และดึงดวงวิญญาณที่เหลือของกู่เชียงออกมา ก่อนที่จะมีเส้นแสงวิญญาณฉายออกไปสองทางมุ่งหน้าไปยังสองสถานที่ ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นที่ผนึกเศษดวงวิญญาณเอาไว้

มู่เหลียงตวัดคลื่นดาบออกไปสองทางและทำลายทั้งสองจุดนั้นเป็นเสี่ยงๆ

ตอนนั้นเองที่จิตวิญญาณมากมายได้โพยพุ่งออกมาขึ้นสู่ท้องฟ้า

ซู่เสี่ยวไป่จัดการสองผู้พิทักษ์ได้แล้ว และไม่ลืมที่จะดูดกลืนศพ ของที่ได้รับจากการย่อยตัวตนพวกนี้ย่อมมีมูลค่ามหาศาลอยู่แล้ว

“-ติ๊ง ทำการดูดกลืนร่างมหาภัยพิบัติ ได้รับวิชาระดับภัยพิบัติระดับสูงสองวิชา-”

วิชาระดับภัยพิบัตินั้นแบ่งออกเป็นหลายระดับ แม้ว่าซู่เสี่ยวไป่จะครอบครองวิชาภัยพิบัติไว้มากมาย แต่วิชาระดับสูงนั้นน้อยมาก แต่ปรากฏว่าการดูดกลืนร่างนี้ทำให้เขาได้รับวิชาระดับสูงถึงสองวิชา

ซู่เสี่ยวไป่นำสองวิชานี้เข้าพื้นที่ฝึกวิชาในคลิกเดียวทันที จากที่ระบบคำนวนคาดว่าใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็จะบรรลุทั้งสองวิชานี้

ในขณะที่เขากำลังจะโจมตีผู้พิทักษ์คนอื่นต่อไป ทั้งวิหารสูงสุดก็สั่นสะเทือน

ซู่เสี่ยวไป่ใช้เงาของเขาดูสถานการณ์จากภายนอก

และเห็นว่ามีกลุ่มเมฆสีดำปกคลุมอยู่เหนือวิหารแห่งนี้

ลมจากทุกทิศทางพัดเข้ามาสู่วิหาร และเมฆนี้มีกระแสพลังของเจ้าภัยพิบัติ และยังพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็เริ่มก่อตัวเป็นพายุที่ทรงพลังปกคลุมไปทั่ววิหาร

ซู่เสี่ยวไป่ออกมาสำรวจด้านนอกก็เห็นมีร่างสองร่างยืนรอเขาอยู่

เจ้าของร่างนั้นอยู่ในเมฆหมอกสีดำ และมีแววตาสีแดงที่ส่องแสงออกมานั้นคือมหาภัยพิบัติฉิวเหวิง และที่ข้างๆ คือมหาภัยพิบัติหยุนเจียว

เดิมที่ทั้งสองนั้นเฝ้าดูทุกอย่างจากอีกฝั่งหนึ่ง แต่เมื่อสัมผัสได้ว่ามหาภัยพิบัติหลงก๊วย กับมหาภัยพิบัติกู่เชียงตาย ทำให้ทั้งคู่ออกจากวิหารของตนเดินทางมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง

“ที่แท้ก็มีสิ่งมีชีวิตจากโลกชั้นต่ำบุกเข้ามานี้เอง คงเป็นผู้กลับชาติมาเกิด ไม่แปลกใจเลยที่จะฆ่าหลงก๊วยกับกู่เชียงได้”

ฉิวเหวิงมองซู่เสี่ยวไป่ผ่านนัยน์ตาสีแดง แต่ก็ไม่อาจจะตรวจสอบอะไรได้เลย เหมือนกับมองก้อนหินก้อนหนึ่งที่เห็นเพียงรูปร่างภายนอกเท่านั้นและไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างใน

การปรากฏตัวของผู้กลับชาติมาเกิดแบบนี้ จะเป็นไปได้ไหมว่าจะไม่มีพันธะแห่งชีวิต

เพราะถ้านี้เป็นแค่หุ่นเชิด ศพ วิญญาณ ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมถึงตรวจค้นหาที่มาที่ไปไม่ได้

ร่างกลับชาติมาเกิดตรงหน้านี้นั้นไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้เลย เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งนี้ไม่มีชีวิต

“ยอดฝีมือทั้งสองอย่าได้เสียเวลาสืบหาเส้นทางหรือตรรกะของข้าให้ลำบากเลย เพราะไม่มีทางหาเจอหรอก”

ซู่เสี่ยวไป่พูดขึ้นพร้อมกับลดปลายมีดลง หนึ่งในสองคนนี้สามารถควบคุมหมอกและความมืดได้ อีกคนสามารถควบคุมลมฟ้าได้ หากเพียงคนเดียวการผ่าร่างตัวตนพวกนี้ไม่ได้ยากลำบากเลย

แต่เมื่อมาสองคนทั้งสองจะช่วยเหลือกันปิดจุดบอดให้กันทำให้การต่อสู้ไม่เสียเปรียบกันมากนัก

แล้วยิ่งทั้งสองร่วมมือกันแบบนี้บวกกับพายุที่เกิดขึ้นมันช่วยส่งเสริมเส้นทางสู่สวรรค์โบราณของพวกเขาด้วย

นี่เป็นการรวมพลังสองให้เป็นหนึ่ง หากว่าจักรพรรดิกระเรียงขาวอยู่ ซู่เสี่ยวไป่คงไม่มีทางเลยที่จะรับมือไหว

ซู่เสี่ยวไป่เปิดการเสริมพลังทันที

ทุกอย่างจะต้องจบในครั้งเดียว

แต่หากเอากันตามจริง เส้นทางสู่สวรรค์ทั้งสามหมื่นเส้นไม่มีใครเทียบซู่เสี่ยวไป่ได้ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่บรรลุเส้นทางทั้งหมดในขั้นผู้คิดค้น ไม่ว่าจะหยิบเอาเส้นทางไหนขึ้นมามันล้วนทรงพลัง

และหากใช้พลังของเส้นทางทั้งหมดออกมา มันมากเกินไปกว่าที่เขตแดนนี้จะรับได้

เงาศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ได้รับการเสริมพลังจากระบบนับไม่ถ้วน ทำให้พลังต่อสู้ของมันไม่ได้ธรรมดาอีกต่อไป

ซู่เสี่ยยวไป่จะใช้เงาศักดิ์สิทธิ์เพียงร่างเดียวรับมือสองจ้าวมหาภัยพิบัติ

การฆ่าทั้งหลงก๊วยกับกู่เชียงก่อนหน้านี้นั้นเกิดขึ้นในพริบตาเดียว ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเพียงเงาศักดิ์สิทธิ์ก็ทรงพลังขนาดไหนแล้ว

ในตอนนี้พายุที่ก่อตัวขึ้นได้ดึงดูดมวลเมฆเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้กระแสพลังกดทับลงมาจากทุกทิศทาง

“เมฆพายุรวมตัวกันเสร็จแล้ว แกหมดหนทางที่จะหนีแล้ว ต่อให้แกเล็ดรอดออกไปได้ก็มีจ้าวภัยพิบัติทั้งจักรวรรดิกระเรียงขาวรอรับแกอยู่!!”

หยุนเจียวพูดขึ้นขณะที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า และจับตามองดูซู่เสี่ยวไป่ไม่ให้ตัวตนนี้หนีไปไหนได้

เป็นอย่างที่เขาพูดที่นอกพายุเมฆสีดำ มีจ้าวภัยพิบัติมากมายได้มารวมตัวกันภายใต้คำสั่งฉุกเฉิน ด้วยจำนวนที่มากมายทำให้ไม่สามารถมองข้ามได้เลย

เงาระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้แสดงความรู้สึก และไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกของซู่เสี่ยวไป่ออกไปเลยด้วยซ้ำ

ความจริงแล้วยิ่งศัตรูมากเท่าไหร่ ซู่เสี่ยวไป่ยิ่งชอบใจมากขึ้นไปอีก เพราะแบบนี้เขาจะได้ทดสอบพลังของเงาด้วย

เปรี้ยง! เปรี้ยง!! เปรี้ยง!

มีร่างเงาหลายร่างผ่านเมฆพายุเข้ามา

“ทหารผู้ต้อยต่ำมาช้า ต้องให้ท่านแม่ทัพรอโปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย”

“โจรชั้นต่ำกล้าดียังไงบุกเข้ามาในวิหารสูงสุด วันนี้ข้าจะทำลายเจ้าไม่ให้เหลือซาก”

“ไอพวกสิ่งมีชีวิตโง่เขลาจากโลกเบื้องล่าง มารนหาที่ตายแท้ๆ!!”

จ้าวภัยพิบัตินั้นลงมือรวดเร็วมากเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ

ในตอนนั้นเองที่บนท้องฟ้านั้นมีกระแสพลังของจ้าวมหาภัยพิบัติมากมาย มีขั้น 10 มากกว่าเกือบ 100  และขั้น 11 มากกว่าครึ่งโหล ทั้งหมดได้มารวมตัวกันสร้างฉากที่อลังการอย่างมาก

หากเป็นยามปกติ พวกเขาเหล่านี้รวมตัวกันนั้นคือการบุกโจมตีจักรวรรดิระดับสูงสุดด้วยกันเท่านั้น

ตอนนี้พวกเขากำลังทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อจัดการเงาศักดิ์สิทธิ์เพียงร่างเดียว มันไม่ต่างจากการฆ่าไก่ด้วยมีดฆ่าวัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด