บทที่ 22: เย่เสี่ยวเหยา
บทที่ 22: เย่เสี่ยวเหยา
ภายในห้องหลอม ซูฟ่านมองไปที่กระบี่บินที่หลอมรวมเข้ากับอักษรรูนอย่างสมบูรณ์ มีร่องรอยแห่งความตื่นเต้นฉายเป็นประกายอยู่ในดวงตาของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสร้างสิ่งประดิษฐ์ได้สำเร็จ
เมื่อมองดูกระบี่บินอันมืดมิดตรงหน้าเขา ซูฟ่านก็นึกถึงความฝันในวัยเด็กของเขาจากชาติที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้น เมื่อเขามีกระบี่ยาวเล่มนี้ เขาก็จะสามารถสานฝันในวัยเด็กของเขาได้แล้ว
“ในเมื่อมันมีสีมืดมนแบบนี้ งั้นข้าจะเรียกมันว่าถงหยูก็แล้วกัน”
“กระบี่บินถงหยู ช่างเป็นชื่อที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” ซูฟ่านยกย่องตนเอง
ในขณะนั้นเอง พลังวิญญาณของซูฟ่านก็ปะทุขึ้นภายในตัวเขา และเขาก็ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตฝึกปราณขั้นห้าโดยทันที
ซูฟ่านพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง
“ข้าทะลวงผ่านโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ข้าสามารถควบคุมสิ่งประดิษฐ์ได้แล้ว”
หลังจากชื่นชมผลงานชิ้นเอกชิ้นแรกของเขาเสร็จ ซูฟ่านก็เริ่มสร้างสิ่งประดิษฐ์ชิ้นต่อไปโดยทันที
สามวันต่อมา ซูฟ่านมองไปที่สิ่งประดิษฐ์ทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าเขาและหัวเราะดังสนั่น
ชิ้นแรกคือกระบี่บินถงหยู ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกที่ซูฟ่านได้ทำการหลอมได้สำเร็จ
ชิ้นที่สองเป็นชุดสิ่งประดิษฐ์ที่ประกอบด้วยเข็มปักบางเฉียบสามสิบหกเล่ม มันปรากฏขึ้นและหายลับไปอย่างต่อเนื่อง เข็มแต่ละเล่มเปล่งแสงอันเยือกเย็นซึ่งทำให้จิตใจของผู้คนสั่นสะท้านออกมา
ชิ้นที่สามเป็นโล่ขนาดยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายกระดองเต่า ซึ่งประกอบด้วยแร่วิญญาณที่มีความแข็งต่างกันสามชั้น ชื่อของมันคือกระดองยักษ์
เสียงระฆังแจ้งเตือนดังขึ้น จากนั้นหวังยู่หลุนก็เดินเข้ามาพร้อมกับมู่หรงเฉียนเอ๋อ
ด้วยการโบกมือของเขา สิ่งประดิษฐ์ทั้งสามก็หดตัวลงจนมีขนาดเล็กและห้อยอยู่รอบเอวของเขา
“พี่ซู ถึงเวลามุ่งหน้าไปยังยอดเขาเทียนหมี่แล้ว” หวังยู่หลุนตะโกนเสียงดัง
ซูฟ่านกลอกตา “ทำไมพวกเขาต้องมากันเป็นคู่ด้วย?”
“ข้าพร้อมแล้ว เอาล่ะ ไปกันได้เลย” ซูฟ่านพูดอย่างสบายๆ
“ได้เลย!”
เมื่อพวกเขาจากไป ซูฟ่านที่เดินตามหลังก็กลอกตาอีกครั้ง “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาทั้งคู่จะแม้แต่ขี่นกกระเรียนตัวเดียวกัน ไร้ยางอาย!”
“พี่ซู มาแข่งกันเถอะว่าใครจะไปถึงยอดเขาเทียนหมี่ก่อนกัน!” หวังยู่หลุนตะโกนเสียงดัง
ทันทีที่หวังยู่หลุนพูดจบ มันก็เกิดเสียง 'อืม' และมีเงาสีดำแวบผ่านไป ซูฟ่านหายลับไปบนขอบฟ้าพร้อมกับกระบี่บินของเขาแล้ว!
ถ้ารู้ว่าข้าหายตัวไป เจ้าก็ได้แพ้ข้าแล้ว!
ซูฟ่านกำลังขี่กระบี่บินถงหยูบินผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วที่รวดเร็ว เมื่อมองดูกระแสลมที่พัดผ่าน ซูฟ่านก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาโดยทันที
นี่คือการบินที่แท้จริง นี่คือความเร็วที่แท้จริง!
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ซูฟ่านมาถึงยอดเขาเทียนหมี่ก่อนที่พลังวิญญาณของเขาจะหมดลง
ในเวลานี้ ยอดเขาเทียนหมี่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนขอบเขตฝึกปราณ ซูฟ่านทำได้เพียงหาจุดยืนรอบริเวณขอบเท่านั้น
ครึ่งนาทีต่อมา ในที่สุดหวังยู่หลุนก็ลงจอดบนยอดเขาเทียนหมี่โดยจับมือเดินลงมาพร้อมกับมู่หรงเฉียนเอ๋อ และเริ่มมองหาซูฟ่านอย่างตื่นเต้น
หวังยู่หลุนมองดูฝูงชนและพบซูฟ่านที่อยู่ตรงขอบ
“พี่ซู ทำไมเมื่อกี้ท่านถึงเร็วได้ขนาดนั้นกัน?”
“กระบี่บินนั่นเป็นสิ่งที่ท่านสร้างขึ้นมาเองหรอ?”
มู่หรงเฉียนเอ๋อเองก็มองซูฟ่านด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากความเร็วของเขาตอนนี้เทียบได้กับความเร็วของผู้ฝึกตนขอบเขตก่อเกิดรากฐาน
“ทำไมพวกเจ้าถึงมีคำถามมากมายกันจัง? พวกเจ้าไม่รู้รึไงว่าตอนนี้ข้าเป็นนักสร้างสิ่งประดิษฐ์แล้ว?” ซูฟ่านกล่าวโดยไม่สนใจ
ในขณะนั้นเอง ชายชราผมขาวที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า และพลังลึกลับก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยประตูมิติขนาดยักษ์กลางอากาศ
“ดินแดนลับขอบเขตฝึกปราณจะต้องไม่มีการฆ่ากันภายในนั้น พวกเจ้าทั้งหมดจะถูกส่งกลับมาโดยอัตโนมัติหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน”
“ในตอนนี้ ศิษย์ทุกคนที่เข้าร่วมดินแดนลับจะต้องนำหินวิญญาณออกมา 1,000 ก้อน แล้วข้าจะรวบรวมพวกมันไว้”
“เอาล่ะ ดินแดนลับได้เปิดขึ้นแล้ว”
เสียงอันบริสุทธิ์ของเขาทำให้ศิษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังฟังเสียงของเต๋าอันยิ่งใหญ่
มีเพียงดวงตาของซูฟ่านเท่านั้นที่กะพริบด้วยสีสันที่ต่างออกไป “นี่เป็นวิชาเสียงอะไรรึเปล่านะ? น่าสนใจ”
เขาหยิบหินวิญญาณ 1,000 ก้อนที่เตรียมไว้ออกมา และค่อยๆ โยนมันขึ้นไปในอากาศ ถุงหินวิญญาณลอยขึ้นไปอย่างช้าๆ
มีถุงหินวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่กลางอากาศ
หลังจากรวบรวมหินวิญญาณเสร็จ เงาบนท้องฟ้าก็หายตัวไป และทุกคนก็กลับมาได้สติอีกครั้ง พวกเขาบินไปยังประตูมิติยักษ์บนอากาศโดยใช้สิ่งประดิษฐ์ของพวกเขา
“พี่ซู ท่านต้องการจะเข้าร่วมกับเราไหม?” หวังยู่หลุนพูดกับซูฟ่าน
“ไม่ แต่พวกเจ้าเอาสิ่งนี้ไปด้วยได้ พวกเจ้าเพียงแค่ใส่พลังวิญญาณลงไปในกรณีฉุกเฉินเท่านั้นพอ”
ซูฟ่านมอบหินวิญญาณที่เขาดัดแปลงแล้วให้กับหวังยู่หลุน ตราบใดที่พลังวิญญาณถูกป้อนเข้าไป มันก็จะปล่อยแรงสั่นสะเทือนความถี่สูงออกมา
“ขอบคุณพี่ซู” ทั้งสองคนยิ้มแล้วขี่นกกระเรียนบินหายเข้าไปด้วยกันอย่างแนบชิด
แม้แต่ซูฟ่านก็ยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้ แต่กระนั้นเขาก็ส่ายหัวหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“การรีบมีคู่มันจะไปมีประโยชน์อะไร? มันจะทำให้อายุยืนยาวรึไง!”
ซูฟ่านเรียกกระบี่บินของเขาออกมาและบินไปยังประตูมิติยักษ์เพื่อเข้าสู่ดินแดนลับ
ทันทีที่เขาเข้าไปในประตู ท้องฟ้าและผืนดินก็มีการเปลี่ยนแปลง ปราณวิญญาณอันบริสุทธิ์เกือบจะทำให้เขาสำลักออกมา
“ให้ตายเถอะ ปราณวิญญาณนี่บริสุทธิ์มาก”
ซูฟ่านมองไปรอบๆ และพบว่าตัวเองอยู่ในป่า
“นี่คือป่าต้นหลิงเฟิง และพวกมันก็ล้วนโตเต็มที่แล้ว”
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของซูฟ่าน
“ในเมื่อต้องอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือน งั้นข้าก็จะสร้างฐานที่มั่นไว้ชั่วคราว”
ซูฟ่านมีถุงเก็บของสองใบ และทั้งสองใบก็มีพื้นที่สิบตารางฟุต
ในป่าต้นหลิงเฟิง ซูฟ่านควบคุมกระบี่บินถงหยูและตัดต้นไม้ สร้างกระท่อมแบบเรียบง่าย พร้อมด้วยจัดวางเตียงและชุดโต๊ะเก้าอี้
ทันใดนั้น เสียงคำรามต่ำหลายเสียงก็ดังขึ้นใกล้กับซูฟ่าน
กลุ่มอสูณหมาป่ามากกว่าสิบตัวล้อมรอบซูฟ่าน ดวงตาของพวกมันกะพริบด้วยความตื่นเต้นและความกระหายเลือด
“สัตว์อสูรขอบเขตฝึกปราณขั้นสี่! พวกมันช่างกล้า!”
'*สแน็ป*'
ซูฟ่านดีดนิ้วของเขา และอสูรหมาป่าก็พลิกนอนคว่ำอยู่บนพื้นและยอมจำนนต่อเขา แม้แต่หมาป่าตัวเมียบางตัวก็ยังถึงกับยื่นหน้าท้องมาให้กับเขาด้วย
“...ข้าอาจจะทำเกินไปรึเปล่า?”
หลังจากออกคำสั่งให้พวกมันออกไปตามหาสมบัติในบริเวณโดยรอบแล้ว พวกมันก็ออกเดินหน้าวิ่งลึกเข้าไปในป่าโดยทันที
“พวกมันจะสามารถมองหามรดกรูนของนักสร้างสิ่งประดิษฐ์ได้บ้างไหมนะ?”
...
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ซูฟ่านมองไปที่กองสมุนไพรวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าเขา เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ซื้อถุงเก็บของเพิ่ม
“เห็ดมู่หลิง, หญ้าเทียนหยิน, ไผ่สหายดารา, ต้นชาหัวใจบริสุทธิ์, ป่านฟ้าดำ, โสมไม้……”
กองสมุนไพรวิญญาณกองนี้อาจมีมูลค่ามากกว่า 100 หินวิญญาณ และซูฟ่านก็สามารถใช้พวกมันเพื่อปรุงยาได้
“สมแล้วที่เป็นดินแดนลับ ที่นี่มีสมุนไพรวิญญาณอยู่ทุกหนทุกแห่งเลย” ซูฟ่านกล่าวอย่างตื่นเต้น
ค่าใช้จ่ายของเขาในช่วงที่ผ่านมานับได้ว่าค่อนข้างสูง ดังนั้นการหาหินวิญญาณมาเติมเงินคงคลังของเขาจึงเป็นความคิดที่ดี
ซูฟ่านมาถึงริมทะเลสาบเล็กๆ
“ตามบทละคร มันก็น่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในทะเลสาบ” ซูฟ่านพูดอย่างครุ่นคิดขณะที่เขามองไปที่พื้นผิวของทะเลสาบ
'บู้มมมม!'
ทันใดนั้นทั้งทะเลสาบก็ระเบิดขึ้น และแสงกระบี่สีน้ำเงินก็ทะลุผ่านน่านน้ำในขณะที่ศิษย์ชั้นนอกที่หล่อเหลาก็บินออกไปพร้อมกับแสงกระบี่
ในขณะนี้ ซูฟ่านก็ได้ถอยห่างจากทะเลสาบไปหนึ่งร้อยเมตรแล้ว โดยซ่อนตัวอยู่ใต้เกราะป้องกันสามชั้นและโล่ยักษ์
“ศิษย์น้องไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก ตอนนี้ข้าแค่พยายามจะทำให้สิ่งประดิษฐ์นี้เชื่อง ดังนั้นทุกอย่างจึงน่าจะเรียบร้อยดี”
เสียงแผ่วเบาและสงบกล่าว
ศิษย์นิกายชั้นนอกที่หล่อเหลากวักมือเรียกและกระบี่บินสีน้ำเงินก็บินเข้ามาในมือของเขา
เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รับกระบี่บินมา เขาไม่คาดคิดว่าจะมีสมบัติเช่นนี้ซ่อนอยู่ในดินแดนลับ โชคของเขาพิเศษจริงๆ
“ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยที่ได้รับกระบี่บินมา” ซูฟ่านพูดเหมือนกับ NPC ในเกม โดยไม่มีเนื้อหาอื่นใดในคำพูดของเขา
“ข้ามีนามว่าเย่เสี่ยวเหยา ศิษย์น้อง เจ้าล่ะชื่ออะไร?”
เมื่อได้ยินชื่อเย่เสี่ยวเหยา ซูฟ่านก็ตระหนักรู้ได้โดยทันที
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะได้พบกับตัวเอกแล้ว?