ตอนที่แล้วตอนที่ 53 พนักงานขายหญิงที่หยิ่งผยอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 55 ของขวัญ

ตอนที่ 54 น่าพึงพอใจยิ่ง


“ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถถามลูกค้าท่านนี้ได้ว่าตอนแรกเป็นฉันที่ออกไปต้อนรับพวกเขาหรือไม่”

พนักงานขายหญิงคนนั้นชี้ไปที่ ซูเหวิน และคนอื่นๆ

จากนั้นเธอก็หันไปมองครอบครัวของ ซูเหวิน อีกครั้ง และพูดอย่างประจบสอพลอว่า : “คุณชายท่านนี้ และคุณอา คุณน้า เมื่อกี้น่าอายจริงๆ ที่ฉันละเลยพวกคุณไป ทั้งสามท่านอย่าถือสาเลยนะค่ะ”

พนักงานขายหญิง พูดออกไปอย่างไร้ความขัดเขิน

ซึ่งเธอลืมไปเลยว่าเมื่อกี้นี้ ใครกันที่วางอำนาจบาตรใหญ่ เต็มไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันคนอื่น

ส่วนพนักงานขายที่ชื่อ เสี่ยวเหมียว นั้น ..เธอดูเหมือนจะมีสีหน้าผิดหวังแล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว เธอเองได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปในคำสั่งซื้อนี้ แต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ เลย ..แม้แต่น้อย

เปลี่ยนเป็นใครในเวลานี้ก็ต้องรู้สึกอึดอัดใจ จริงมั้ย?

“คุณชายท่านนี้ ไม่ทราบว่าสิ่งที่พนักงานของฉันคนนี้พูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ?”

“เธอเป็นคนแรกที่ ..ต้อนรับคุณ?”

เวลานี้.. เจ้านายสาวก็มองดู แล้วพูดถามออกไปอย่างสงสัยเช่นกัน

“เป็นเรื่องจริง” ซูเหวิน พยักหน้า และตอบกลับตามความจริง

พนักงานขายหญิงคนนั้นทันทีที่ได้ยินคําพูดนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขทันที และดูเหมือนจะได้เห็นผลการดําเนินงานของเดือนนี้ และค่าคอมมิชชั่นที่สูงแล้ว

คุณต้องรู้ก่อนว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นเมื่อกี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เงินกว่าสองถึงสามแสนหยวนเห็นจะได้

หากคิดค่าคอมมิชชั่น 2% ของยอดขาย เธอจะได้รับค่าคอมมิชชั่นอย่างน้อย สี่ ถึงห้าพันหยวนจากรายการนี้

แล้วจะไม่ให้เธอตื่นเต้นได้อย่างไร?

แต่ก่อนที่เธอจะมีความสุข ในเวลาไม่กี่วินาทีก็พบว่า ซูเหวิน ได้พูดขึ้นอีกครั้งแล้ว

“แต่ว่า.. ผมไม่พอใจพนักงานขายคนนี้มาก”

“หากถ้าหลังจากนี้ ค่าคอมมิชชั่นนี้นับเป็นของเธอ งั้นผมขอไม่ซื้อมัน”

ซูเหวิน พูดออกไปด้วยสีหน้าราบเรียบ

“เอ่อ...ทำไมล่ะคะ?”

เจ้านายสาวตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง

ซูเหวิน เหลือบมองพนักงานขายหญิงคนนั้น แล้วพูดหัวเราะเยาะไปว่า : “ตอนแรกที่เราเข้ามา เธอมาต้อนรับเราจริงๆ”

“แต่พอเธอเห็นเราแต่งตัวธรรมดาๆ ก็พูดจาออกมาด้วยถ้อยคำเยาะเย้ย เสียดสีอย่างต่อเนื่อง โดยดูถูกเราว่าเป็นคนจน.. จากนั้นพอเห็นลูกค้าใหม่แต่งตัวดี เธอก็เลือกที่จะเมินเฉยใส่เราทันที”

“และผมต้องบอกว่า คุณเลือกจ้างพนักงานได้ดีมากจริงๆ ถ้าผมสามารถวิจารณ์เธอได้ ผมจะให้คะแนนเธอหนึ่งดวงต่ำสุดอย่างแน่นอน..”

ซูเหวิน กล่าวทีละคํา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และเต็มไปด้วยการเสียดสีแก่อีกฝ่าย

“มีเรื่องแบบนี้?”

พอได้ยิน ซูเหวิน พูดแบบนี้ ใบหน้าของเจ้านายสาวก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงทันที เธอมองไปที่ พนักงานขายหญิงคนนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ และถามไปว่า : “สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

“ฉัน...ตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือก”

“คุณชายท่านนี้บอกว่าเขาต้องการซื้อเสื้อผ้าให้พ่อแม่ของเขา แต่พ่อแม่ของเขาไม่ต้องการซื้อ ฉันที่เห็นว่าพวกเขาลังเลจึง ..จึงบ่นออกไปเล็กน้อย…”

พนักงานขายหญิงคนนั้นกล่าวโต้แย้ง

ปึง!

อย่างไรก็ตาม เธอพูดยังไม่ทันจบ

เสียงตบโต๊ะที่คมชัดก็ดังขึ้น ทําให้ทุกคนโดยรอบตกใจ

สีหน้าเจ้านายสาวมืดมนขีดสุด เธอมองพนักงานขายหญิงคนนั้นแล้วตะโกนด้วยความโกรธไปว่า : “เถา เหวินม่าน คุณรู้รึเปล่าว่าตัวเองกําลังทําอะไรอยู่?”

“ในฐานะพนักงานขาย งานของคุณคือการให้บริการลูกค้า ให้พวกเขาทราบ และเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรา แต่คุณกลับหัวเราะเยาะดูถูก ..ลูกค้า อีกทั้งยังละเลยพวกเขา? หรือนี่คุณ ..กินอิ่มเกินไป?” (1)

ในตอนนี้ เจ้านายสาว ไม่กล้าเชื่อว่าตนเองจะจ้างพนักงานขายแบบนี้มา

การปฏิบัติต่อลูกค้าที่แตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับตัวตนของพวกเขา สำหรับผู้ประกอบการแล้ว.. นี่ถือเป็นข้อห้ามในอุตสาหกรรมจริงๆ

ผู้หญิงคนนั้นที่ถูกเรียกว่า เถา เหวินม่าน เมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของ เจ้านาย.. เธอก็ตกใจอย่างแท้จริง

เธอไม่คาดคิดเลยว่า ..อีกฝ่ายจะโกรธขนาดนี้

ความกล้าหาญก่อนหน้านี้ตอนนี้หายไปหมดแล้ว เธอรีบพูดทันทีว่า : “ฉันเข้าใจแล้ว.. เจ้านายคะ คราวหน้าฉันจะระวังสิ่งเหล่านี้ให้มากขึ้น และแน่นอนฉันสัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก..”

“แต่ไม่ว่าอย่างไร คุณไม่สามารถนับรายการนี้ให้ เสี่ยวเหมียว ได้”

พนักงานขายหญิงคนนั้น กล่าวกระซิบ

จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ลืมยอดขายในครั้งนี้!

พอทันทีที่เธอพูดจบ เจ้านายสาวก็หัวเราะแล้ว และสายตาที่จ้องมองเธอนั้นกลับขุ่นมัวอย่างถึงที่สุด

“ฉันว่าคุณมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ นี่คุณยังคิดถึงเรื่องยอดขายนี้อยู่อีกเหรอ?”

“ยอดขายในรายการนี้ทั้งหมดได้มาโดย เสี่ยวเหมียว ตรงส่วนตรงไหนบ้างที่คุณมีส่วนร่วมด้วย?”

ซูเหวิน ก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วกล่าวเสริมว่า : “คําสั่งซื้อนี้ควรเป็นของ พนักงานขาย เสี่ยวเหมี่ยว จริงๆ”

จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้ออีกครั้ง

“ผมขอพูดตามตรงนะ เถ้าแก่เนี้ย ผมต้องบอกว่าคุณภาพของเสื้อผ้าในร้านของพวกคุณนั้นดีจริงๆ”

“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ผมคงจะทำบัตรสมาชิก 500,000 หยวนที่ว่าแน่นอน เพราะนี่เป็นนิสัยของผม”

“แต่เนื่องจากพนักงานขายคนนี้ ความประทับใจของผมที่มีต่อร้านพวกคุณตอนนี้จึงแย่มาก.. ดังนั้นเรื่องการทําบัตรสมาชิกนั้นลืมไปได้เลย!”

“และผมจะจ่ายบิลนี้ให้พวกคุณโดยตรง”

ซูเหวิน พูดคล้ายอดทนมานานแล้ว จากนั้นเขาก็หยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมายื่นให้อีกฝ่าย

และแน่นอนเขาพูดสิ่งนี้โดยตั้งใจ จุดประสงค์ของเขานั้นมันก็ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว

เป็นไปตามคาด เจ้านายสาว พอได้ยินแบบนี้เธอมีใบหน้าเขียวคล้ำขึ้นทันที

เธอจ้องมองไปที่พนักงานขายหญิง เถา และแทบรอไม่ไหวที่จะกลืนกินเธอลงท้องไป

ถ้ามันไม่ใช่เพราะเธอ.. เราจะสูญเสียลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้ไปได้อย่างไร?

ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น ในใจเธอเวลานี้ตัดสินใจแล้วที่จะไล่ เถา เหวินม่าน คนนี้ออกไป

ไม่เช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเสียลูกค้าไปอีกเท่าไหร่..

สําหรับ เสี่ยวเหมียว ที่เมื่อกี้ยังดูมีสีหน้าผิดหวัง เวลานี้มันก็ได้หายไปแล้ว เธอตื่นเต้นมากที่ได้ยินเจ้านายบอกว่าคำสั่งซื้อนี้นับเป็นของเธอ

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที อารมณ์ของเธอก็ขึ้นๆ ลงๆ ราวกับนั่งรถไฟเหาะ

ยังดีที่สุดท้าย ..มันกลายเป็นผลดีแก่เธอ

เธอมอง ซูเหวิน อย่างซาบซึ้งใจ

จากนั้นจึงรีบนำเสื้อผ้าที่ เจ้านายสาว ได้ลงทะเบียนไว้แล้ว มามอบให้ ซูเหวิน และคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว

ซูเหวิน เองไม่คิดจะสนใจเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว

หลังจากเขารับเสื้อผ้ามาหมดแล้ว ก็รับบัตรธนาคารที่ เถ้าแก่เนี้ย ยื่นส่งมอบให้ จากนั้นจึงออกจากร้านไปพร้อมกับพ่อแม่ของเขา ไปภายใต้สายตาที่ขุ่นเคืองของ เถา เหวินม่าน…

เมื่อออกจากร้านมาแล้ว ซูเหวิน ต้องถอนหายใจว่า การมีเงินมันก็ดี มีเงินก็ถือได้ว่า มีความแข็งแกร่ง

อยากซื้ออะไรก็ซื้อ, อยากใช้เงินอย่างไรก็ใช้

..จะว่าไป ช่วงนี้เขาก็ใช้เงินไปไม่น้อยจริงๆ

ตอนแรกวิลล่าหลังใหญ่เขาก็ได้ใช้เงินซื้อเฟอร์นิเจอร์ไปกว่า 8 ล้านหยวน แล้วจากนั้นซื้อนาฬิกาเรือนหนึ่งมอบให้กับ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย บวกกับการเลี้ยงข้าว รวมถึงการใช้จ่ายในวันนี้ ปัจจุบันเงินในบัตรของเขาเหลือเพียง 29 ล้านกว่าๆ เท่านั้น

เฮ้ออ!

ดูเหมือนเรากำลังยากจนลงจริงๆ!

ซูเหวิน ถอนหายใจออกมา หลังจากช่วยซื้อเสื้อผ้าให้พ่อแม่เสร็จแล้ว เขาก็พาทุกคนกลับบ้าน และกลับไปที่มหาลัย

ในฐานะที่เป็นนักศึกษา การโดดเรียนอยู่เสมอมันก็ไม่ใช่เรื่องดี?

และอย่างน้อยก็ต้องเป็นเด็กที่มีทั้งอุปนิสัยที่ดี และมีผลการเรียนที่ดีด้วย

อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ ซูเหวิน คิด...

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และหลายวันผ่านไปในพริบตา

หลายวันมานี้ ซูเหวิน ก็ไม่ได้ทําอะไรมากนัก

นอกจากการแชท VX กับเพื่อนร่วมชั้น เซี่ย อยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการใช้ชีวิต ..ก็ยังคงเหมือนเดิม

คือ..เขาเองเป็นอยู่แบบนี้มานานแล้ว

แต่นักศึกษาหลายคนในมหาลัยกลับมีมุมมองที่แตกต่างกับเขา

หลายวันมานี้ ฟอรั่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง

เหตุผลมันก็เนื่องมาจากรถหรูของ ซูเหวิน

เมื่อไม่นานมานี้ ทุกคนเห็น ซูเหวิน ขับ Aston Martin เข้า และออกในมหาลัย ทุกคนต่างคาดเดามาตลอดว่า รถคันนี้เป็น เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มอบให้กับเขา

และดูมันยอดเยี่ยมจริงๆ ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ซูเหวิน ก็เปลี่ยนรถของเขาแล้ว

และมันถูกแทนที่ด้วย Koenigsegg ที่มีมูลค่ากว่า 20 ล้านหยวน

คราวนี้ทุกคนแทบบ้าคลั่งไปกันหมด

มัน..เกิดอะไรขึ้นกับ เพื่อนร่วมชั้น ซู ที่ยากจนคนนี้ เขามีรถหรูระดับท็อปกี่คันกันแน่?

หรือว่ารถคันนี้ก็เป็นของที่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มอบให้ด้วย?

แต่นานแค่ไหนแล้วที่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ส่งรถหรูสองคันให้กับ เพื่อนร่วมชั้น ซู?

แต่ทั้งหมดมันก็แค่การตกหลุมรักกัน มันจำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหม?

ในขณะที่ทุกคนกําลังพูดคุยกันอยู่นั้น เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็ส่งข้อความ VX อีกข้อความหนึ่งถึง ซูเหวิน

ให้เขาเข้าออกมาพบเจอเธอในป่าที่เดิม แล้วยังบอกด้วยว่า มีเรื่องเซอร์ไพรส์…(??)

(1)[กินอิ่มเกินไป (吃饱了撑的)] - หมายถึง บุคคลที่ใช้พลังงาน(ส่วนเกิน)ไม่ถูกที่ หรือใช้ไปในที่ที่ไม่ควรใช้(ทำสิ่งที่ไม่ใช้ธุระตน) มีความคลุมเครือและสามารถใช้เป็นเรื่องตลกระหว่างคนรู้จักได้ กินอิ่มแล้วไม่มีงานทำ

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด