ตอนที่แล้วChapter 476 คำมั่นของลูกผู้ชาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 478 หากคุณเบ่งบานดั่งดอกไม้ ทุกหนแห่งก็เปรียบเสมือนฤดูใบไม้ผลิ.

Chapter 477 มันเป็นเพียงความฝัน.


หลังจากที่เหยาเมิ่งหยิงปลุกร่างกำเนิดมารขึ้นมา ก็ทำให้นางหมดสติไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ในเวลาดังกล่าวทำให้นางได้ฝันอย่างมืดมัวขึ้นมา.

นางที่จดจำได้เพราะมันเป็นฝันที่ลึกล้ำ มีคนมากมายบุกมายังสำนักไท่กู่เจิ้ง บอกว่านางเป็นสมาชิกผู้ฝึกยุทธ์อสูรที่ยังมีชีวิตอยู่ กล่าวหาว่านางเป็นปิศาจร้าย.

เหยาเมิ่งหยิงที่หวาดกลัวมาก นางซ่อนอยู่หลังเจ้าสำนัก แขนทั้งสองข้างที่สั่นไปมาอย่างรุนแรง.

ศิษย์พี่และศิษย์พี่หญิงที่คอยปกป้องนาง เหล่าคนไม่ดีนั้นทรงพลัง ทำให้นางหวาดกลัวยิ่งนัก.

“เมิ่งหยิง.”

เจ้าสำนักที่หันหน้ามาพูดคุยกับ “ไม่ต้องกลัว เจ้ายังมีเปิ่นจั้วและเหล่าศิษย์พี่อยู่ข้างเจ้า.”

ภายในฝันของเหยาเมิ่งหยิง เจ้าสำนักที่ยืนอยู่ด้านหน้าของนาง.

คำพูดของเขา ดูอบอุ่น ทำให้ความกลัวของนางค่อย ๆหายไป.

หลังจากนั้น.

ในความฝันนั้น เหล่าศิษย์พี่ที่ปกป้องนางที่ถูกสังหารเป็นสระเลือด.

แม้นว่าจะไม่สามารถบอกรายระเอียดได้หมด ทว่านางก็บอกได้ว่า นี่เกิดจากการต่อสู้กับคนไม่ดี.

เหยาเมิ่งหยิงที่เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก เห็นเจ้าสำนักที่ได้บาดเจ็บ ทั่วร่างอาบด้วยโลหิต ทว่ากับยืนปกป้องนางอยู่.

ในเวลานั้น.

หัวใจของนางเจ็บปวดเป็นอย่างมาก น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด.

“จุนซ่างเซียว!”

ชายชราฝ่ายตรงข้ามที่มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามแผ่ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ส่งสมาชิกมารออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วพวกเราจะปล่อยสำนักไท่กู่เจิ้งรอด.”

แววตาของจุนซ่างเซียวที่เผยความเย็นชาเป็นอย่างมาก “เปิ่นจั้วได้กล่าวออกมาแล้ว เป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งหนึ่งวัน เท่ากับเป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งตลอดชีวิต ไม่มีใครจะสามารถทำร้ายนางได้!”

แม้นว่าจะเป็นความฝัน ทว่าคำพูดของเจ้าสำนักนั้น เหยาเมิ่งหยิงจำได้เป็นอย่างดี.

ถึงจะตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ยังไม่ลืม.

คำพูดดังกล่าวนั้น เป็นเหมือนกับนิสัยของเจ้าสำนัก ที่ไม่ยอมให้ใครมาสังหารศิษย์ของตัวเอง แม้แต่ยอมแบกรับทุกอย่างเพื่อปกป้องศิษย์ของเขา.

นับเป็นโชคดี.

ที่ทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน.

จุนซ่างเซียวที่ลูบศีรษะของเหยาเมิ่งหยิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย อย่าได้คิดอะไรให้ฟุ้งซ่าน ไปหาหลิวหว่านซีหาอาหารอร่อย ๆ กินกันเถอะ.”

จากนั้นเขาที่ออกมา.

หลังจากกลับมายังห้องโถงแล้ว เขาที่เรียกเจียงเซี่ยและคนอื่น ๆมา “เกี่ยวกับเหยาเมิ่งหยิงที่ปลุกร่างกำเนิดมาร อย่าบอกให้ใครรู้.”

“รับทราบ.”

ศิษย์ทุกคนที่รับคำสั่งทันที.

ลี่ลั่วฉิว เอ่ย “เจ้าสำนักเดินทางไปยังวังเมี่ยวฮัว สามารถเก็บเกี่ยวอะไรได้หรือไม่?”

“เจ้าวังซีจะนำคนมาช่วยพวกเราเร็ว ๆ นี้.”

“คริ คริ.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักช่างทรงเสน่ห์นัก ที่สามารถทำให้นิกายระดับสี่เคลื่อนไหวได้.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วก็มีเสน่ห์เช่นนี้แล ไม่เช่นนั้นจะทำให้ถางจู่ลี่เข้าร่วมสำนักได้อย่างไร.”

“ใช่แล้ว.”

เขาที่กลับสู่หัวข้อหลัก “แล้วสถานการณ์มนทลเจิ้นหยางเป็นอย่างไรบ้างเร็ว ๆ นี้?”

เกี่ยวกับข่าวที่นางได้มา ลี่ลั่วฉิวเอ่ยออกมาว่า “มนทลเจิ้นหยางที่กำลังรวมกำลังกัน ดูเหมือนว่าจะวางแผนเพื่อโจมตีดินแดนอื่นอยู่.”

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ “การที่มนทลเจิ้นหยางเข้ายึดครองมนทลฮวยหยางและเหอหยาง ไม่มีใครตำหนิพวกเขาเลยอย่างงั้นรึ?”

เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย“การเข้ายึดครองพื้นที่อื่นนั้นไม่เพียงแค่ได้อาณาเขตยังสามารถเพิ่มขนาดของกองทัพตัวเองได้อีกด้วย.”

“ดินแดนใหญ่อื่น ๆ เองก็ไม่เคลื่อนไหว ปล่อยให้มนทลเจิ้นหยางขยายพื้นที่เช่นนี้นะรึ?”จุนซ่างเซียวถามเอ่ย.

เซี่ยเหรินกุยเอ่ย “มนทลเจิ้นหยางที่ควบคุมกองกำลังขนาดใหญ่ ถึงแม้นว่าดินแดนอื่นจะมีความเห็น ทว่าก็ยากที่จะประกาศตัวเป็นศัตรูอย่างชัดเจน.”

จุนซ่างเซียวเคาะนิ้วบนพนักพิงไปมา “เรื่องนี้นับเป็นปัญหาใหญ่ หากว่าไม่จัดการ ก็เหมือนกับนอนหลับอยู่บนเตียงเข็ม.”

“เรียกจื่อหยางมา.”

เพียงไม่นานหลงจื่อหยางที่เข้ามาในห้องโถง รู้ดีว่าเจ้าสำนักต้องการไปเมืองหลงหยางเพื่อขอกำลังเสริม เขาที่ส่ายหน้าไปมาเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนัก เมืองหลงหยางนั้น จะไม่เข้าร่วมสงครามของปุถุชน.”

“ไม่สามารถเจรจาได้เลยรึ?”

“ไม่เลย.”

จุนซ่างเซียวที่หมดคำพูดเหมือนกัน.

เอาล่ะ.

คงต้องหาวิธีอื่น.

......

ความกังวลมากมายของจุนซ่างเซียวที่เขาต้องครุ่นคิด.

เหยาเมิ่งหยิงที่ปลุกร่างกำเนิดมารขึ้นมา เวลานี้นางถูกสั่งให้บ่มเพาะวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น.

เหล่าศิษย์พี่ของนางที่คอยชี้แนะเพื่อให้นางแข็งแกร่งและมีร่างกายแข็งแรง.

ส่วนวิชามารนั้น สามารถบ่มเพาะได้ ไม่ได้ห้ามเช่นกัน.

ตราบเท่าที่พวกเขามีใจภัคดีต่อสำนัก ไม่กระทำเรื่องชั่วร้าย จุนซ่างเซียวย่อมไม่รังเกียจผู้ฝึกยุทธ์วิถีอสูรแต่อย่างใด.

อาวุโสเจียงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สายมาร ดังนั้นจึงเป็นเขาที่คอยชี้แนะเหยาเมิ่งหยิง.

กล่าวตามตรง.

โลลิน้อยที่ปลุกร่างกำเนิดมารขึ้นมา ทว่าก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าศิษย์พี่เหมือนเดิม.

ซึ่งแตกต่างกับศิษย์ปิดประตูเหออู๋ตี้ ที่ต้องบ่มเพาะอยู่คนเดียว แม้แต่บางครั้งต้องมาคอยรับลูกบอลแห่งความสุขกระแทกร่าง.

อย่างไรก็ตาม.

พรสวรรค์ของเขานั้นสูงมาก.

เขาที่บ่มเพาะครั้งที่สี่ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สำเร็จระดับศิษย์ยุทธ์ เป็นความเร็วที่มากกว่าก่อนหน้านี้มาก.

หลังจากที่เขาศึกษาวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น เหออู๋ตี้ก็ฝึกฝนในสำนักไท่กู่เจิ้งอย่างจริงจัง เขาที่ลอบอุทานในใจ “ทักษะยุทธ์ที่ดูธรรมดา แต่กับมีความพิเศษเป็นอย่างมาก คู่ควรแล้วเป็นบ้านเกิดของปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำ!”

เย่ซิงเฉินที่เข้าใจว่า จุนซ่างเซียวนั้นมาจากดินแดนเบื้องบน.

ส่วนเหออู๋ตี้นั้น เข้าใจว่าสำนักไท่กู่เจิ้งและปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำมีความเกี่ยวข้องกัน.

......

ผ่านไปอีกครึ่งเดือน.

หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและศิษย์สายในทุกคน ด้วยศิลาวิญญาณจำนวนมาก และค่ายกลรวมวิญญาณ พวกเขาทั้งหมดก็ก้าวไปถึงบรรพชนยุทธ์ขั้นที่สี่กันทุกคน เห็นชัดเจนว่าเติบโตเร็วเป็นอย่างมาก.

เหล่าศิษย์สายนอกเองก็อยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ระดับสูง ถือเป็นการเติบโตที่รวดเร็วเช่นกัน.

ยกตัวอย่าง ลี่ซ่างเทียน ซือหม่าจงต้า.

แม้นว่าจะมีพรสวรรค์ไม่สูงนัก ทว่าด้วยทรัพยากรมากมาย ก็ทำให้พวกเขาก้าวไปถึงอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลาย.

เพราะว่ามีหอคอยเก็บประสบการณ์ชั้นที่สาม ตราบเท่าที่พวกเขากลั่นพลังวิญญาณได้ชำนาญ พวกเขาก็จะตัดผ่านไปยังระดับบรรพชนยุทธ์ได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับหลี่ชิงหยาง.

ต้นไม้ที่บรรพชนปลูก สามารถให้ร่มเงาให้กับลูกหลาน.

สำนักไท่กู่เจิ้งที่พัฒนาขึ้น ไม่หยุดหย่อน และยังเติบโตด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง.

ในครึ่งเดือนมานี้ เหออู๋ตี้ที่เข้าใช้ห้องปั้นกล้ามเนื้อเพื่อยกระดับกายเนื้อ.

ด้วยการถูกบีบอัดหลายชั่วโมง ครั้งแรกแทบทำให้เขากระดุกกระดิกไม่ได้ ทว่าวันถัดมาร่างกายของเขากลับมาสดชื่น ความเจ็บปวดนั้นหายไปจนหมดสิ้น.

ส่วนศิษย์เฝ้าประตูอีกคน เถาหยวน ที่เริ่มปรับเข้ากับสำนักไท่กุ่เจิ้งแล้ว หากไม่บ่มเพาะ เขาก็จะไปพูดคุยกับเสวี๋ยเหรินกุยเกี่ยวกับกลยุทธ์.

“ถางจู่เสวี๋ย.”

เขาที่ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า “กองกำลังที่ท่านบัญชา ในจังหวัดซีเหนียนหยางนั้น คงไม่มีใครเทียบได้!”

......

ศิษย์ของเขาที่ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ทว่าเจ้าสำนักจุนที่ต้องขมวดคิ้วไปมา.

เพราะว่าครึ่งเดือนมานี้ เขาที่บ่มเพาะด้วยการใช้ศิลาวิญญาณและยามากมาย ทว่ากับไม่มีทีท่าว่าจะตัดผ่านระดับได้เลย.

ระบบเอ่ย “โฮสน์ที่เป็นกษัตริย์สองวิถี จุดตานเถียนมีสองแกนวิญญาณ การยกระดับบ่มเพาะนั้นย่อมยากกว่ากษัตริย์ยุทธ์ทั่วไปหลายเท่า.”

“บัดซบ.”

จุนซ่างเซียวที่พูดไม่ออก “นี่มันเป็นเหมือนดาบสองคมสินะ!”

“เจ้าสำนัก!”

หลี่ชิงหยางที่เร่งรีบเข้ามารายงาน “เจ้าวังเมี่ยวฮัว นำศิษย์มาแล้ว!”

“จริงรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ก้าวออกไปรับด้วยตัวเอง.

ขณะที่เขาก้าวออกไปต้องการเข้าไปจับมือทักทาย เห็นจางซุนฟางฮัวและเหลิงซิงเยว่ที่เผยความเย็นชาออกมา ทำให้เขาละทิ้งความคิดดังกล่าวออกมา ก่อนที่จะเผยยิ้มออกมา “เจ้าวังซี ยินดีต้อนรับ.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด