ตอนที่แล้วChapter 474 สองบุคลิก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 476 คำมั่นของลูกผู้ชาย

Chapter 475 แผนการของซีจิงเสวียน


จุนซ่างเซียวไม่ได้อัปลักษณ์ ทว่าสง่างามต่างหาก.

เช่นนั้นแล้วทำไมถึงได้ทำให้ซีจิงเสวียนควบคุมตัวเองไม่ได้และขาดสติไปล่ะ?

อีกอย่างเขาและนางเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะชอบเขา.

ซีจิงเสวียนตาบอดมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเห็นผู้คน สิ่งที่นางพอเข้าใจนั้นก็เพียงรูปร่างสัณฐานของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น.

จุนซ่างเซียวคาดเดาได้ว่าจากสัมผัสของนางควรจะเข้าใจได้ว่าอะไรคือตา หู จมูกหรือแม้แต่ศีรษะ.

สรุปแล้ว.

ลักษณะทั่วไปของมนุษย์นั้น ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกัน.

เป็นไปได้ว่าขณะที่ซีจิงเสวียนฟื้นคืนการมองเห็นชั่วคราว ขณะปรับแสง ก็เห็นจุนซ่างเซียวที่ลางเลือน พอจะบ่งบอกลักษณะได้ ทว่ากับพบว่ามันแตกต่างจากที่จินตนาการณ์ เลยผิดหวังอย่างมากอย่างงั้นรึ?

…..หลังจากนั้นก็ทำให้นางเศร้า และขาดสติไป.

หากเป็นจริงเช่นนั้น.

เอิ่ม....

ไม่ใช่ว่าซีจิงเสวียนไม่เคยเห็นผู้คนหรอกรึ? ไม่ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรก็ไม่ควรแบ่งแยกออกว่าแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร.

เจ้าสำนักจุน ที่ไม่สามารถยอมรับคำว่าอัปลักษณ์และลบมันออกไปจากใจได้ ราวกับมันเป็นเสี้ยนหนามที่ตำใจกระตุ้นสงสัยของเขาอยู่เป็นระยะ.

“ขี้เหร่...อัปลักษณ์.....”

คำพูดของระบบที่ยังคงก้องอยู่ในหู ราวกับกระบี่ที่กำลังเฉือนร่างทะลวงใจ ความรู้สึกของเขาที่ราวกับบาดเจ็บเป็นอย่างมาก.

เจ้าดูแคลนข้าได้!

เจ้าหัวเราะเยาะข้าได้!

เจ้าเอ่ยหยันพลังที่ต้อยต่ำของข้าได้.

อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ควรสงสัยในความสง่างามของข้าได้ หากข้าขี้เหร่ ทั้งโลกนี้ จะยังมีคนน่ามองอีกรึ?!

อารมณ์ของจุนซ่างเซียวที่พลุ้งพล่าน ครุ่นคิดมากมาย ไม่หยุด ระบบที่รู้สึกหมดคำจะพูด “ข้าไม่เคยเห็นคนที่หลงตัวเองอย่างไม่ละอายใจเช่นนี้มาก่อนเลย!”

“เจ้าสำนักจุน?”

ซีจิงเสวียนที่เอ่ยเสียงเบา “ท่านเป็นไรหรือไม่?”

ด้วยนางที่ไม่ได้ตระหนักได้ เพราะว่าการที่นางเห็นรูปร่างของเขาแล้วหมดสติไปนั้น ได้ทำร้ายจิตใจของจุนซ่างเซียวอย่างรุนแรง.

“ฟู่!”

จุนซ่างเซียวที่พ่นลมหายใจยาว และกล่าวออกมาว่า “ไม่เป็นไร.”

ซีจิงเสวียนเผยยิ้ม เอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน อย่างไรก็ต้องขอบคุณที่มอบเม็ดยาให้ข้า ทำให้ข้าได้เห็นแสงสว่าง แม้นว่าจะเพียงพริบตาเดียว ทว่าก็ทำให้ข้ามีความสุข.”

ท่าทางของนางที่เผยยิ้มน่ารักออกมาทันที.

ราวกับเด็กสาวไร้เดียงสาที่ไร้พิษภัย.

จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ “โรคของนาง ไม่เพียงแค่แปลกประหลาด ยังยากจะเข้าใจอีกด้วย.”

“เจ้าวังซี.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ในเมื่อท่านสามารถมองเห็นแสงได้ ก็หมายถึงว่าโรคนี้ยังมีทางรักษา ดังนั้นก็จงตั้งความหวังเอาไว้เถิด ก้าวไปข้างหน้าด้วยความสุขในทุก ๆ วัน!”

ในเมื่อรู้แล้วว่าหากนางควบคุมตัวเองไม่ได้ ขาดสติ อันตรายขนาดใหน เขาก็ย่อมต้องกระตุ้นนางให้นางมีแต่ความสุขในทุก ๆ วัน.

“อืม!”

ซีจิงเสวียนทีเผยยิ้ม.“ข้าจะทำเช่นนั้น!”

แม้ว่าจะเพียงแค่พริบตาเดียว ทว่าก็ถือว่านางก็พอจะมองเห็นสภาพแวดล้อมได้อย่างเลือนลาง แม้แต่เห็นจุนซ่างเซียว ทำให้นางตื่นเต้นจนแบกรับไม่ไหว และเสียการควบคุมไปซะก่อน ซึ่งมีโอกาสที่นางจะหายได้ในอนาคต.

“เจ้าสำนักจุน.”

ซีจิงเสวียนที่เผยยิ้ม “ท่านมายังวังเมี่ยวฮัว คงไม่เพียงแค่ส่งเม็ดยากระมั้ง?”

“เอ่อ......”

จุนซางเซียวที่เกาศีรษะไปมา เอ่ยออกมาว่า ”เจ้าวังซี สำนักไท่กู่เจิ้งของข้านั้นประสบปัญหา ได้แต่หวังว่านิกายของท่านจะยื่นมือช่วยสักหน่อย.

“ปัญหาใดอย่างงั้นรึ?”ซีจิงเสวียนเอ่ย.

จุนซ่างเซียวเอ่ยถึงมนทลเจิ้นหยางที่รุกราน ตลอดจนนิกายระดับสี่สองแห่งที่ได้ล่วงเกินไปก่อนหน้านี้ให้นางได้รับฟัง.

“อะไรนะ?”

ซีจิงเสวียนที่เผยความประหลาดใจออกมา “เจ้าสำนักจุนสังหารกษัตริย์ยุทธ์ไปอย่างงั้นรึ?”

“อืม.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย.“สามคน.”

ซีจิงเสวียนที่เผยท่าทางไม่อยากเชื่อ “บางทีเจ้าสำนักจุนตัดผ่านไปยังระดับกษัตริย์ยุทธ์แล้วอย่างงั้นรึ?”

“อืม.”

“ไม่ใช่สิ.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “แม้จะเพิ่งตัดผ่านระดับได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารกษัตริย์ยุทธ์ขั้นที่สามได้!”

“เรื่องนี้.....”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้าเป็นกษัตริย์สองวิถี ยุทธ์และกระบี่.”

น้ำเสียงที่ดูเหมือนเจียมเนื้อเจียมตัว ทว่าทำไมไม่รู้ หลังจากที่เอ่ยออกมานั้น กับแผ่กลิ่นอายสูงส่งดูยอดเยี่ยมสุด ๆ ออกมา!

“หะ?”

ซีจิงเสวียนถึงกับยืนขึ้น ตื่นตะลึงไม่อยากเชื่อ “เป็นเจ้าสำนักจุนหรอกรึ?ที่สำเร็จกษัตริย์สองวิถี ยุทธ์และกระบี่.”

“ข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น!”

นางเอ่ยออกมว่า “ก่อนหน้านั้นอาวุโสบอกว่าเห็นปรากฏการณ์บนท้องฟ้าการมาถึงของกษัตริย์สองวิถี ที่จริงแล้วเป็นเจ้าสำนักจุนนี่เอง ที่ตัดผ่านระดับ.”

เฮ้ย!

เขาตัดผ่านในครั้งนั้น เห็นมาถึงวังเมี่ยวฮัวเลยอย่างงั้นรึ?

หากเป็นเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าจะมีคนทั่วทั้งทวีปชิงหยุนรับรู้เรื่องนี้เลยอย่างงั้นรึ?

เฮ้อ.

ข้าต้องการจะอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว คาดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นตรงข้าม.

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงจะต้องยืดอกรับแล้วสิ.

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา กล่าวอย่างภาคภูมิ “ไม่ผิด ปรากฏการณ์ก่อนหน้านั้นเป็นเพราะข้าตัดผ่านระดับนั่นเอง.”

“ว้าว!”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “หลายพันปี ไม่เคยปรากฏกษัตริย์สองวิถี ยุทธ์และกระบี่ คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักจุนจะทำได้ ถือว่าเป็นมังกรในหมู่ผู้คน.”

หากได้ยินคำชมจากปากของเจ้าเมืองเซี่ย เจ้าสำนักจุนอาจจะสงบใจได้ ทว่าได้ยินจากปากของหญิงสาวที่งดงามน่ารัก ทำให้เขารู้สึกราวกับลอยได้ไปเหมือนกัน.

“เหล่าผู้คนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ก็ต้องมองหาสิ่งนอกกายมาช่วยให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น.” ระบบกล่าวเสริม

“...”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “เจ้าสำนักจุนสังหารกษัตริย์ยุทธ์ของสองนิกาย แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ยอมแพ้แน่.”

“ดังนั้น จึงทำได้แค่มาขอความช่วยเหลือจากเจ้าวังซี.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ซีจิงเสวียนเอ่ย “ในเมื่อสำนักไท่กู่เจิ้งกำลังยากลำบาก เปิ่นกงแน่นอนว่าคงไม่สามารถนิ่งดูดายได้.”

ด้วยคำพูดที่น่าเกรงขามทรงพลังของนาง ก็เรียกทุกคนมายังห้องโถง พร้อมกับเอ่ยกล่าวเรื่องดังกล่าวให้กับเหล่าอาวุโสทุกคนฟัง.

จางซุนฟางฮัวและเหลิงซิงเยว่แน่นอนว่าต้องแย้งอย่างเต็มกำลัง.

การที่พวกเขาต้องล่วงเกินสองนิกายระดับสี่เพื่อสำนักไท่กู่เจิ้ง เป็นการไม่ฉลาดเลยจริง ๆ!

“อาวุโสทุกท่าน.”

ซีจิงเสวียนที่นั่งอยู่บนที่นั่งลำดับแรก เอ่ยออกมาทันที “เปิ่นกงได้ตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว.”

คำพูดที่เปี่ยมไปด้วยพลังและอำนาจ.

เหล่าอาวุโสได้แต่เงียบ รับคำของเจ้าวังที่จะช่วยสำนักไท่กู่เจิ้งเท่านั้น.

ช่วยอย่างไร?

ซีจิงเสวียนไม่เพียงแต่ไปด้วยตัวเอง ทว่ายังจะนำศิษย์หลายพันคนแม้แต่อาวุโสใหญ่และอาวุโสสองไปด้วย.

นี่คือกองกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.

“เจ้าสำนักจุน.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “เปิ่นกงคงต้องพักฟื้นสักระยะ อีกครึ่งเดือนหลังจากนี้จะเดินทางไปยังสำนักไท่กู่เจิ้งอีกที.”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานอกเอ่ยออกมาว่า “ขอบคุณเจ้าวังซีที่ยื่นมือช่วยเหลือ บุณคุณครั้งนี้ จุนโหมวจะจดจำเอาไว้ หากว่าวันหน้าสำนักไท่กู่เจิ้งของข้าสามารถช่วยอะไรได้ ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ ก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน!”

ซีจิงเสวียนเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “บุญคุณที่เจ้าสำนักจุนช่วยชี้แนะวิถียุทธ์ที่เทือกเขาหัวซาน และยังส่งมอบเม็ดยามาให้อีก ตอนนี้สำนักของท่านกำลังลำบาก จะเมินเฉยได้อย่างไรกัน.”

“เช่นนั้นจุนโหมวคงต้องขอลาก่อน ไว้จะรอคอยต้อนรับเจ้าวังและคนอื่น ๆ.”จุนซ่างเซียวที่กล่าวลาจากนั้นก็ขี่ราชาหมาป่าเฮอริเคนกลับสำนักไท่กู่เจิ้งในทันที.

แม้นว่าวังเมี่ยวฮัวจะไม่ได้ส่งจักรพรรดิยุทธ์ไป ทว่าด้วยกองกำลังเสริมของนางก็เพิ่มความมั่นใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก เพราะสามารถที่จะทำให้นางคอยต้านดูแลป้อมปราการณ์ได้!

“เจ้าวัง.”

หลังจากที่จุนซ่างเซียวจากไปแล้ว จางซุนฟางฮัวที่ทนไม่ได้จนต้องเอ่ยออกมาว่า “การที่พวกเราช่วยสำนักไท่กู่เจิ้ง ก็เท่ากับล่วงเกินทั้งสองนิกายระดับสี่ และมนทลเจิ้นหยางไปด้วย.”

“ผู้พิทักษ์มนทลเจิ้นหยางนั้นเป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก การล่วงเกินเขา ไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก!”เหลิงซิงเยว่เอ่ย.

ซีจิงเสวียนเอ่ย “เปิ่นกงรู้ สองอาวุโสคิดถึงนิกายเป็นหลัก ทว่าท่านไม่คิดว่าเจ้าสำนักจุนผู้นี้ ที่จริงเองก็มีความทะเยอทะยานไม่น้อยไม่ใช่รึ?”

จางซุนฟางฮัวเอ่ย “เจ้าสำนักเล็ก ๆ มีความทะเยอทะยาน แล้วจะมีประโยชน์อันใด.”

ซีจิงเสวียนส่ายหน้าไปมา เอ่ยออกมาว่า “เปิ่นกงนั้นดูคนไม่ผิด จุนซ่างเซียวและสำนักไท่กู่เจิ้ง จะต้องกลายเป็นคนสำคัญของทวีปชิงหยุนในอนาคตอย่างแน่นอน.”

แม้นว่านางไม่สามารถมองเห็นด้วยตัวเอง ทว่ากับสามารถมองเห็นได้ด้วยใจ.

เป็นความจริง.

การที่นางยื่นมือออกไปช่วยอีกฝ่ายด้วยตัวเอง เป็นการเดิมพันอย่างหนึ่ง ซึ่งนางเดิมพันกับสำนักไท่กู่เจิ้งในอนาคตนั่นเอง.

ในวันข้างหน้า หากว่าสำนักไท่กู่เจิ้งกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งในทวีปชิงหยุนแล้วล่ะก็ วังเมี่ยวฮัวของนางย่อมได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน.

นางที่ได้ยินเรื่องของเขามาตลอด ทั้งการท้าประลองนิกายเซิ่งชวน ทำลายสำนักปิศาจมนทลฮวยหยาง ตอนนี้ยังตัดผ่านระดับเป็นกษัตริย์สองวิถี ยุทธ์และกระบี่อีก.

เหล่าอาวุโสที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แม้นว่าพวกนางจะแสร้งเป็นไม่เห็น ทว่าก็เห็นด้วยกับซีจิงเสวียนลึก ๆเช่นกัน.

หากไม่เอาอารมณ์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ย่อมต้องคิดเช่นนั้น.

จุนซ่างเซียวและสำนักของเขา ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก แน่นอนย่อมเหมาะสมที่จะเป็นพันธมิตรกัน.

ดังนั้น ซีจิงเสวียนที่ช่วยสำนักไท่กู่เจิ้ง ไม่เพียงแค่ต้องการสร้างบุณคุณ ยังต้องการสร้างความประทับใจต่อเจ้าสำนักจุนด้วย เป็นแผนการที่นางคิดมาดีแล้ว.

“เจ้าสำนักจุน.”

ขณะที่จุนซ่างเซียวกลับสำนัก ซีจิงเสวียนที่กล่าวในใจ “อย่าทำให้ข้าผิดหวัง.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด