ตอนที่แล้วChapter 473 เกิดอะไรขึ้น.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 475 แผนการของซีจิงเสวียน

Chapter 474 สองบุคลิก


ซีจิงเสวียนที่ลุกขึ้นจากที่นั่ง ร่างกายของนางมีปราณสีแดงปกคลุม แม้นว่าจะเป็นปราณที่สามารถมองผ่านเข้าไปได้ ทว่ากลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันที่แผ่ออกมานั้นกับมากมายมหาศาล.

ความรู้สึกนี้ เหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังเสียสติ กลิ่นอายกระหายโลหิตและความดุร้าย ทำให้ทุกคนขนลุกตั้งชัน!

จุนซ่างเซียวที่กลายเป็นโง่งมไปเหมือนกัน.

สตรีงดงามสดใสดั่งผ้าขาว ทำไมถึงได้เปลี่ยนเป็นน่าพรั่นพรึงได้ในทันทีกัน!

เหล่าอาวุโสวังเมี่ยวฮัวที่เพิ่งมาได้ยินเขาถามถึง ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้พวกนางแทบทนไม่ไหวต้องการตะโกนใส่หน้า.

ในห้องโถง มีเพียงเจ้าและเจ้าวังสองคน.

ตอนนี้นางอยู่ในสภาพขาดสติ เจ้ายังถามพวกเราอีกว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นพวกเราสิที่ต้องถามเจ้า!

“จุนซ่างเซียว!”

จางซุนฟางฮัวที่คำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “หมายความว่าอย่างไร!”

อาวุโสห้าที่ราวกับจะคิดอะไรได้ “เม็ดยาที่เขานำมานั้น ทำให้เจ้าวังอยู่ในสภาพเช่นนี้!”

“เจ้าคนน่ารังเกียจ!”

จางซุนฟางฮัวจ้องเขม็งยังจุนซ่างเซียว ก่อนเอ่ยออกมาว่า “ตั้งค่ายกล สะกดเจ้าวังไว้!”

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

ระหว่างที่กล่าวนั้น เหลิงซิงเยว่และเหล่าอาวุโสคนอื่น ๆ ที่พุ่งออกไป มือของพวกนางที่วาดไปบนอากาศ สร้างลักษณ์บางอย่าง บนพื้นของตำหนักแปล่งแสงสว่างจ้าออกมา.

“ตาย!”

ซีจิงเสวียนที่ครางเสียงต่ำออกมา.

ดวงตาของนางที่ว่างเปล่า ทว่าจิตสังหารที่แผ่ออกมานั้นกับรุนแรงเป็นอย่างมาก.

มือเล็ก ๆ ของนางที่สะบัด ปราณสีแดงที่คลุมร่างกาย กำลังไหลแผ่พุ่งออกมาราวกับสายน้ำ.

“ระวังด้วย!”

จางซุนฟางฮัวและเหลิงซิงเยว่มือทั้งสองของนางกดไปด้านหน้า พลังวิญญาณที่มากล้นปะทุออกมา เข้าปะทะกับปราณสีแดงที่กำลังพลุ้งพล่าน.

วู๊ซซ! วูซซซ!

พลังสามเส้นที่เข้าปะทะกัน ก่อให้เกิดแรงผลักต้านที่หนักหน่วง ทำให้พื้นที่รอบ ๆ สั่นเป็นระลอกคลื่น กระจายไปทั่วตำหนัก โต๊ะเก้าอี้เครื่องเรือนทั้งหมดสั่นไปมา ก่อนที่จะพังแตกสลายกลายเป็นเสี่ยง ๆ.

ระบบเอ่ย “พลังแข็งแกร่งมาก นี่แม้แต่รับมือกับสองกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลายได้เลย!”

“เย้ดเข้!”

จุนซ่างเซียวถึงกับสะดุ้ง “ร้ายกาจขนาดนั้นเลย!”

ในความเห็นของเขานั้น ซีจิงเสวียนมีระดับบรรพชนยุทธ์ ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าการปะทุพลังออกมาจะน่าพรั่นพรึงขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าเป็นประมุขนิกายระดับสี่ ไม่สงสัยเลยว่าเหล่าอาวุโสถึงเผยความหวาดกลัว!

“แต่ว่า......”

ระบบที่กล่าววิเคราะห์ออกมา “นางเวลานี้อยู่ในสภาวะไร้สติ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้.”

จุนซ่างเซียวที่เวลานี้ทำได้เพียงแค่เฝ้ามองเท่านั้น.

โดยเฉพาะดวงตาที่ว่างเปล่าแต่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารนั้น เพียงพอที่จะทำให้คนทั่วไปตกตายไปได้ในทันที!

พลังที่มากมายขนาดนี้ มาจากการที่นางขาดสติอย่างงั้นรึ?

ตูมมมม!

ในเวลานั้น ปราณสีแดงของซีจิงเสวียนที่เอาชนะอีกฝั่งได้ สองกษัตริย์ยุทธ์ที่ถูกผลักถอยออกไปทันที!

กึก! ครืนนนน! ครืนนนน!

จางซุนฟางฮัวและเหลิ่งซิงเยว่ถูกผลักลากถอยออกไปหลายก้าว ใบหน้าที่กลายเป็นบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที.

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

เหล่าอาวุโสที่เหลือที่เคลื่อนไหว.

พวกนางที่กระจายรายล้อม กลายเป็นริ้วแสงที่ตัดไปมาก่อนก่อร่างสร้างม่านพลัง กักขังการเคลื่อนไหวของซีจิงเสวียนเอาไว้.

ตูมมม! ตูมมม!

ริ้วแสงสีแดงที่พุ่งปะทะพื้นที่รอบ ๆ ม่านพลังป้องกันที่สั่นไหวไปมา ราวกับจะแตกได้ทุกเมื่อ!

“อาวุโสใหญ่ อาวุโสสอง!”

อาวุโสห้าที่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “เร็วเข้า!อ๊าก!”

จางซุนฟางฮัวและเหลิ่งซิงเยว่ที่เร่งรีบพุ่งเข้ามา ฝ่ามือทั้งสองของนางที่ยื่นปะทับบนม่านพลัง เพิ่มพลังแห่งม่านพลังกักขังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

“ฟู่!”

เหล่าอาวุโสที่พ่นลมหายใจยาว.

ตูมมม! ตูมมม!

ซีจิงเสวียนที่อยู่ในม่านกักขัง กระแทกม่านพลังที่กษัตริย์ยุทธ์แปดคนสร้างขึ้นมา ทว่ามันแข็งแกร่งเกินกว่าจะทำลายได้.

“......”

จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.

ใครก็ได้ บอกข้าที นี่มันเกิดอะไรขึ้น!

......

“อาวุโสใหญ่ ข้าคิดว่า พวกเราคงจะเข้าใจอะไรกันผิดแล้ว.”

จุนซ่างเซียวที่ถูกนำมาขังคุก เวลานี้หน้าม่อยกล่าวออกมาอย่างห่อเหี่ยว.

หลังจากที่เจ้าวังซีถูกแปดอาวุโสสะกดได้แล้ว เขาก็ถูกจับมาขังคุก.

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาทำได้แต่ยืนเซ่อเต็มไปด้วยความงงงวย.

จางซุนฟางฮัวที่รัดประตูด้วยโซ่เหล็ก กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าจงภาวนาเถอะ อย่าให้เจ้าวังเป็นอะไร ไม่เช่นนั้นเจ้าไม่มีทางมีลมหายใจออกจากวังเมี่ยวฮัวแน่.”

จุนซ่างเซียวที่พูดไม่ออก.

เขามีเจตนาดี นำส่งยารักษามาให้ ท้ายที่สุดกับกลายเป็นผู้ต้องขังซะอย่างงั้นรึ? โอ้ยมารดา พระแม่มารี ช่างทำงานได้ดีเกินคาดซะเหลือเกิน!

ระบบที่เผยท่าทางสงสัย “เม็ดยารักษาโรคระดับต้น ถึงแม้นว่าจะไม่ได้ผล แต่ก็ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้.”

“.”

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนเตียงไม้ในคุก กล่าวออกมาว่า “บิดาต้องอยู่ในสภาพอนาถเช่นนี้เพราะ ความห่วยของเจ้า.”

“จะมาโทษข้าได้อย่างไร!”

“ไม่ใช่เจ้าบอกว่าให้สร้างบุญคุณกับวังเมี่ยวฮัวอย่างงั้นรึ? ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะมาอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร แล้วข้าจะถูกจับขังคุกอย่างงั้นรึ?!”

“ข้าไปบังคับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าก็มาของเจ้าเอง!”

“โทษเจ้า ที่เจ้าไม่สามารถอธิบายเรื่องดังกล่าวนี้ได้.”

“โทษข้าไม่ได้ ที่ข้าอธิบายไม่ได้!”

ทั้งสองที่ทะเลาะกันไปมา.

ที่จริงด้วยความแข็งแกร่งของจุนซ่างเซียวแล้ว สามารถที่จะหนีออกจากที่นี่ได้ ทว่าหากเขากระทำเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าเขาได้ล่วงเกินวังเมี่ยวฮัวแล้ว.

“จะให้พูดก็พูดเถอะ.”

เขาที่ลอบคิดเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเอ่ยออกมาเสียงเบา “ท่าทางของเจ้าวังซีที่ไร้สติเมื่อครู่นี้ราวกับเป็นอีกคนเลย.”

“........”ระบบที่หมดคำจะพูดเหมือนกัน.

ตัวเองถูกจับขังอยู่ ทว่ายังเป็นห่วงคนอื่นอีก กำลังเพ้ออยู่รึไง?

......

เจ้าสำนักจุนถูกขังอยู่สองวัน ระหว่างนี้ไม่มีใครส่งข้าวส่งน้ำเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาถึงกับหมดคำจะพูด “แม้แต่ฆาตกร ยังได้กินเลยนะเว้ย.”

“กึก แก๊ก.”

วันที่สาม โซ่ล่ามประตูที่ดังกระทบก่อนประตูเปิดออกมา.

จางซุนฟางฮัวที่กล่าวอย่างหงุดหงิด “เจ้าวังเชิญ.”

จุนซ่างเซียวที่ลุกจากเตียงไม้ เร่งรีบเอ่ยออกมา “เจ้าวังซีเป็นอะไรหรือไม่?”

จางซุนฟางฮัวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเย็นชา กล่าวอย่างไร้อารมณ์ “หากเจ้าวังเป็นอะไร เจ้าตายไปแล้วตอนนี้.”

จุนซ่างเซียวไม่เอ่ยอะไรอีก ถูกนำไปยังสวนแยกของตำหนักเมี่ยวฮัว.

“เจ้าสำนักจุน.”

ขณะที่นางจะจากไป จางซุนฟางฮัวเอ่ยออกมาอีกครั้ง “เหล่าเสิ่นไม่หวังให้เจ้าอยู่ใกล้กับเจ้าวังอีก ทางที่ดีวันนี้โปรดจากไปซะ.”

“อืม.”

เจ้าสำนักจุนที่พยักหน้ารับ.

ภายในสวน เขาเห็นซีจิงเซียนนั่งอยู่ในศาลา ใบหน้าซีดเซียว ราวกับคนเพิ่งฟื้นไข้.

“เจ้าสำนักจุน มาแล้วอย่างงั้นรึ?”

น้ำเสียงของนางที่ดูนุ่มนวลแต่อ่อนแรง ราวกับไร้ซึ่งพลัง.

เม็ดยารักษาโรคระดับต้น ไม่ได้ผลเลยอย่างงั้นรึ?

แม้นว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว ทว่าก็ทำให้เจ้าสำนักจุนผิดหวังเหมือนกัน “เจ้าวังซี ข้าต้องขออภัยจริง ๆ ที่เม็ดยานั้นไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของท่านได้ แม้แต่ทำให้ต้องได้รับความยากลำบากด้วย.”

หลายวันที่ถูกขังนั้น เขาที่ได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับการที่ซีจิงเสวียนเสียสติไป เป็นไปได้ว่าเกี่ยวข้องกับเม็ดยารักษาระดับต้นของเขา.

“เจ้าสำนักจุน.”

ซีจิงเสวียนที่ก้มหน้า เอ่ยขอโทษ “เป็นข้าที่ควรกล่าวขออภัย.”

“ไม่ ไม่ ไม่ ความผิดข้าเอง เป็นข้าที่มั่นใจในเม็ดยาที่ไม่ได้ตรวจสอบเช่นนี้ กลับกล้าให้ท่านลอง.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ซีจิงเสวียนส่ายหน้าไปมา เอ่ยออกมาว่า “ข้านั้นสูญเสียการควบคุมร่างกาย นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ทำให้เจ้าสำนักจุนต้องลำบาก.”

สูญเสียการควบคุมร่างกายครั้งที่สองแล้วอย่างงั้นรึ?

จุนซ่างเซียวที่งงงวย.

ซีจิงเสวียนที่เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ขอปิดเจ้าสำนักจุน ที่จริงดวงตาไม่เพียงแค่มืดบอด ทว่ากับเป็นโรคที่แปลกประหลาดมาก เมื่อไหร่ที่ข้าสูญเสียการควบคุม ก็จะกลายเป็นคนไร้สติ เผยความดุร้ายออกมา ทว่าหลังจากที่ข้าได้สติแล้ว ก็ไม่สามารถจดจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้.”

จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.

เขาที่คิดว่าท่าทางอ่อนโยนนุ่มนวลและอีกร่างที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร ราวกับว่าร่างหนึ่งเป็นนางฟ้าอีกร่างหนึ่งเป็นซาตาน เขาที่ได้แต่ลอบกล่าวในใจ “ไม่ใช่ว่าสตรีผู้นี้มีสองบุคลิกอย่างงั้นรึ?”

“มีความเป็นไปได้.”ระบบเอ่ย.

เหล่าศิษย์วังเมี่ยวฮัวเองก็ไม่รู้ว่านางมีสองบุคลิคอย่างงั้นรึ?

หรือว่าพวกนางเองก็รู้อยู่แล้ว เพราะทันทีที่เห็นว่านางมีท่าทางเศร้าใจ พวกนางก็เร่งรีบปลอบใจนางในทันที นั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่นางจะขาดสติ.

“เจ้าสำนักจุน.”

ใบหน้าที่ซีดเซียวของซีจิงเสวียน เผยยิ้มอย่างยากลำบาก เอ่ยออกมาว่า “ทำให้ท่านหวาดกลัวหรือไม่?”

“เอิ่ม.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม่เลย จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร.”

ซีจิงเสวียนที่เอ่ยออกมาเบา ๆ “เจ้าสำนักจุน หลังจากที่ข้ากินยาของท่านแล้ว ข้า.....”

ในเวลานั้น ใบหน้าของนางที่แดงระเรื่อเล็กน้อยเอ่ยออกมาว่า “ข้า...บางทีข้าอาจจะเห็นหน้าตาของท่านด้วย!”

จุนซ่างเซียวที่ตกใจ เอ่ยออกมาว่า “เช่นนั้นเม็ดยาก็ได้ผลอย่างงั้นรึ?”

ซีจิงเสวียนที่ส่ายหน้า เอ่ยออกมาว่า “ข้ารู้สึกว่าในดวงตาของข้าปะทุแสงขึ้นมาทันที จนควบคุมตัวเองไม่ได้ จากนั้นข้าก็หมดสติไป หลังจากเมื่อได้สติแล้ว ทุกอย่างก็มืดมิดเหมือนเดิม.”

“ไม่สิ.”

จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดในใจ “ในเมื่อเห็นแสง ก็หมายถึงว่าดวงตาฟื้นฟูขึ้นมาเหมือนกัน หมายถึงเม็ดยาเองก็ได้ผล ทว่าทำไมจู่ ๆถึงหายไป?”

ระบบเอ่ย “เป็นไปได้ว่าอาการเจ็บป่วยของดวงตานางเป็นปัญหา.”

ช้าก่อน!

จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดอย่างหนักก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “เจ้าวังซี่ ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่า ท่านควบคุมตัวเองไม่ได้และหมดสติไปอย่างงั้นรึ?”

“อืม.”

“ที่ท่านบอกว่าเป็นเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้สินะ?”

“อืม.”

“แล้วทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ล่ะ?”

“เพราะ....เพราะ...”ซีจิงเสวียนที่ก้มหน้าและเอ่ยเสียงเบา “ข้าเห็นเจ้าสำนักจุน.”

เห็นข้าอย่างงั้นรึ?

อะไรกันนี่?

เจ้าสำนักจุนที่มุมปากกระตุก ปวดขมับขึ้นมาทันที ภายในใจที่โศกเศร้าโหยหวน “เป็นหน้าตาของข้ารึอย่างไร เลยทำให้นางควบคุมตัวไม่ได้อย่างงั้นรึ?!”

“คงจะดูน่าเกลียดเกินไป.”ระบบเอ่ย.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด