ตอนที่แล้วChapter 472 อาวุโสผู้แปลกประหลาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 474 สองบุคลิก

Chapter 473 เกิดอะไรขึ้น.


“ใหญ่โตมาจากที่ใหนกัน ต้องการพูดคุยกับเจ้าวังเป็นการส่วนตัว.”

“ในความเห็นของข้า คนผู้นี้จงใจฉวยโอกาส ต้องการอยู่เพียงลำพังกับเจ้าวัง!”

“จากท่าทางแล้ว คนผู้นี้เหมือนกับผู้เยาว์หื่นกระหาย เกรงว่าเจ้าวังที่ไม่มีประสบการณ์ จะต้องถูกเขาหลอกแน่!”

ที่ด้านนอกห้องโถง เหล่าอาวุโสวังเมี่ยวฮัวที่เผยความเป็นกังวล.

จางซุนเฟิงฮัวและเหลิงซิงเยว่ที่ใบหน้าอัปลักษณ์เป็นอย่างมาก.

พวกนางมีอคติกับจุนซ่างเซียวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าวังและเขาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ยิ่งทำให้พวกนางรู้สึกไม่ดี.

“อาวุโสใหญ่.”

เหลิงซิงเยว่เอ่ย “เหม่ยฮัวกล่าวถูก เจ้าวังดูเหมือนว่าจะมีใจให้เจ้าเด็กนั่น พวกเราไม่สามารถมองอยู่เฉย ๆ ได้ จะต้องป้องกัน.”

จางซุนฟางฮัวเอ่ย “นิสัยของเจ้าวัง ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ แล้วพวกเราจะป้องกันอย่างไร.”

ซีจิงเสวียนที่กุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จในวังเมี่ยวฮัว.

แม้นว่าพวกนางจะมีระดับบ่มเพาะกษัตริย์ยุทธ์ และเป็นอาวุโส ทว่าก็ต้องอยู่ใต้คำสั่ง ไม่มีใครกล้าขัดขืน.

เหลิงซิงเยว่เอ่ย “ไม่ได้แล้ว ต้องไห้ไท่จางเหล่าลงมือเอง.”

ในแต่ละนิกายนั้น จะมีอาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจะเรียกอาวุโสเหล่านี้ว่า ไท่จางเหล่า.

ทั้งนิกายเขาซ่างซานและนิกายเซิ่งชวนต่างก็มีไท่จางเหล่า พวกเขาล้วนแต่มีพลังบ่มเพาะกษัตริย์ยุทธ์หรือสูงกว่าด้วยกันทั้งนั้น แต่เพราะว่าอุทิศตัวเองในการบ่มเพาะ ปิดด่านมานานหลายปี หากไม่มีเรื่องที่สำคัญมาก ๆเกิดขึ้นในนิกายพวกเขาก็จะไม่ออกมาจากการบ่มเพาะ.

ยกตัวอย่างเหล่ายอดฝีมือมนทลเจิ้นหยางที่มาหาเรื่องนิกายเขาซ่างซานเวลานั้น หากจุนซ่างเซียวไม่สังหารพวกเขาไปหมด ไท่จางเหล่าของนิกายเขาซ่างซานก็ต้องออกมาอย่างแน่นอน.

สำหรับสำนักระดับหก พวกเขาเองก็มียอดฝีมือระดับบรรพชนยุทธ์หนุนอยู่เช่นกัน.

ส่วนเหล่านิกายระดับห้า ไท่จางเหล่าของพวกเขาล้วนแต่เป็นกษัตริย์ยุทธ์ขึ้นไปทั้งนั้น.

ส่วนนิกายระดับสี่ล่ะ?

พวกเขาที่มีกษัตริย์ยุทธ์มากกว่าห้าคน ไท่จางเหล่าพวกเขาจะต้องเป็นระดับจักรพรรดิยุทธ์อย่างไม่ต้องสงสัย!

ดังนั้นแล้วไท่จางเหล่าของวังเมี่ยวฮัวที่ปิดด่านฝึกตนนั้น ก็คือยอดฝีมือจักรพรรดิยุทธ์ที่น่าเกรงขามนั่นเอง.

นอกจากนี้ไม่เพียงแค่มีไท่จางเหล่าเท่านั้น ยังมีอดีตเจ้าวังที่มีพลังบ่มเพาะจักรพรรดิยุทธ์อีกคน พวกนางที่สนับสนุนซีจิงเซียน ทำให้นางมีอำนาจเป็นอย่างมากในวังเมี่ยวฮัวนั่นเอง.

นิกายหลิงชวนมนทลเจิ้นหยางก็มีจักรพรรดิยุทธ์เพียงคนเดียว หากแต่วังเมี่ยวฮัวกับมีมีจักพรรดิยุทธ์ถึงสองคน นิกายระดับสี่มนทลระดับหก กับ นิกายระดับสี่มนทลระดับห้า ดูเหมือนจะแตกต่างกันไม่น้อย.

แน่นอน.

เป็นเรื่องปรกติทั่วไปเหล่านิกายระดับสูงในดินแดนระดับสูง ย่อมมียอดฝีมือระดับสูงดูแลอยู่.

หลากหลายนิกายที่รุ่งเรืองหรือถดถอยนั้น ส่วนมากแล้วขึ้นอยู่กับการคงอยู่ของยอดฝีมือที่อยู่เบื้องหลังด้วยกันทั้งนั้น.

จางซุนเฟิงฮัวเอ่ย “ก่อนที่ไท่จางเหล่าจะปิดด่านนั้น ได้เอ่ยออกมาว่าหากไม่มีเรื่องสำคัญ ห้ามรบกวน.”

หลิงซิงเยว่ที่ได้แต่เงียบ.

หากไท่จางเหล่าไม่ลงมือ ก็ไม่มีใครกล้าเตือนเจ้าวัง.

......

“ข้าขอโทษ.”

ภายในห้องโถง ซีจิงเสวียนเอ่ยเสียงอ่อน “พวกนางไม่ชอบบุรุษ ดังนั้นจึงแสดงท่าทางต่อต้านเจ้าสำนักจุน.”

ขณะที่อาวุโสจากไปแล้ว นางก็เปลี่ยนเป็นอีกคน ท่าทางเจ้ายศหายไปแล้ว คิ้วของนางที่ดูผ่อนคลาย ท่าทางของนางไม่ดูเคร่งขรึมอีกต่อไป.

“เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้เลย.”

จุนซ่างเซียวที่กระซิบในใจ ยิ่งรู้จัก ซีจิงเสวียนก็ยิ่งไม่ธรรมดา.

“เจ้าวังซี.”

เขาที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “หากไม่มีความแค้นต่อกัน จุนโหมวหาได้ใส่ใจ.”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว.”

ซีจิงเสวียนที่ผ่อนคลาย เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักจุน มีเรื่องสำคัญใดอย่างงั้นรึ?”

ไม่ต้องบอกเลยว่าก่อนหน้านี้ เจ้าวังที่น่าเกรงขาม เคร่งขรึมทำให้เขายากจะเอ่ยอะไรออกมาได้ง่าย ๆ.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าวังซี เมื่อเร็ว ๆ นี้จุนโหมวพบกับยอดฝีมือที่มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เป็นไปได้ว่าอาจจะรักษาดวงตาของท่านได้.”

ซีจิงเสวียนเอ่ยอย่างเร่งรีบ “เป็นใครรึ? แล้วเขาอยู่ที่ใหน?”

“อาวุโสที่ชื่นชอบตะเวนไปรอบโลก จุนโหมวพบโดยบังเอิญ ตอนนี้ไม่รู้หายไปใหนไม่มีแม้แต่ร่องรอย.”จุนโหมวที่กล่าวเรื่องไร้สาระออกมา.

ซีจิงเสวียนที่เผยความเศร้าออกมาทันที.

“...”

จุนซ่างเซียวที่รอคอยจังหวะพูด ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “ก่อนที่เขาจะจากไปนั้น ยอดฝีมือได้มอบยาไว้ให้เม็ดหนึ่ง กล่าวว่าสามารถรักษาโรคได้ทุกโรค จุนโหมวไม่ได้ป่วย ดังนั้นจึงคิดถึงเจ้าวังซี ดังนั้นจึงได้มาเยือนในครั้งนี้ หวังว่าจะช่วยท่านให้กลับมาเห็นแสงอีกครั้ง.”

คำโกหกที่ไหลลื่น จนระบบรู้สึกชื่นชม.

ท่าทางของซีจิงเสวียนไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก.

ตลอดหลายปีมานี้ นางได้ไปพบกับหมอที่มีชื่อเสียงมากมาย กินยานับไม่ถ้วน ทว่าดวงตาที่มืดบอดของนางก็ไม่กลับมา ทำให้นางได้แต่ต้องทำใจ.

อย่างไรก็ตาม ภายในใจของนาง ก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก ที่เจ้าสำนักจุนคิดถึงตัวเอง ถึงกับเร่งรีบเดินทางมายังวังเมี่ยวฮัวเป็นการเฉพาะ.

“ข้าขอดูเม็ดยาก่อนก็แล้วกัน?”ซีจิงเสวียนเอ่ย.

“ตกลง.”

จุนซ่างเซียวที่นำเม็ดยารักษาทุกโรค ออกมาวางบนโต๊ะ.

ซีจิงเสวียนที่ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง นางที่ถือมันในมือ พร้อมกับเผยท่าทางประหลาดใจออกมา “ภายในเม็ดยานั้นเต็มไปด้วยพลังฟ้าดินที่มากล้น.”

นางสัมผัสมันได้อย่างงั้นรึ?

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เกี่ยวกับทักษะอาวุโสนั้นสูงมาก เขาเอ่ยว่าเม็ดยานี้ปรุงขึ้นจากสมุนไพรหลายร้อยชนิด.”

ซีจิงเสวียนเผยยิ้ม “ไม่ใช่ว่ามีพิษร้ายแรงหรอกรึ?”

จุนซ่างเซียวที่เงียบลง.

แม้นว่านางจะตาบอด.

อย่างไรก็ตาม หากมีคนมอบเม็ดยาให้ หากนางไม่สงสัยและกินเข้าไปเลย ก็คงจะไม่ต่างจากคนโง่ไม่ใช่รึ?

“เจ้าสำนักจุน.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “เปิ่นกงคงต้องตรวจสอบเม็ดยาก่อน.”

“ตกลง.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ซีจิงเสวียนเอ่ยเสียงดัง “อาวุโสห้า เข้ามา.”

อาวุโสห้าที่มีความรู้เรื่องวิถียา ก่อนที่จะรับเม็ดยานั้น และพิจารณาตรวจสอบ“เจ้าวัง เม็ดยานี้มีผลบำรุงร่างกาย.”

เม็ดยาของระบบ เกือบทุกอย่างล้วนแต่แทบจะเป็นของธรรมดา.

แต่กับมีผลที่ลึกล้ำ ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเข้าใจได้.

อาวุโสห้าที่ถอยออกมา ก่อนที่ซีจิงเสวียนจะเอ่ยขอโทษ“เจ้าสำนักจุน แม้นว่าข้าจะเชื่อในตัวท่านเป็นอย่างมาก ทว่าบางอย่างก็ต้องพิจารณาให้รอบครอบ.”

“ทราบแล้ว.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ซีจิงเสวียนที่กัดเม็ดยา ก่อนที่ปากเล็ก ๆ น่ารักของนางจะกลืนมันเข้าไป พลังงานบริสุทธิ์มากมายที่ไหลไปทั่วร่างของนางทันที.

จุนซ่างเซียวที่จ้องเขม็ง ลอบกล่าวในใจ “ต้องได้ผลสิ!”

หากสามารถรักษาตาของซีจิงเสวียนได้ ก็เท่ากับสร้างบุญคุณใหญ่ เขาก็จะสามารถขอให้นางส่งคนไปยังมนทลชิงหยาง เพื่อที่จะรับมือกับยอดฝีมือจากสองนิกายของมนทลเจิ้นหยางได้.

......

ภายนอกห้องโถง.

ขณะที่อาวุโสห้าก้าวเดินออกมา จางซุนฟางฮัวและเหลิงซิงเยว่เร่งรีบเอ่ยกล่าวออกมาทันที “สถานการณ์ด้านในเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เจ้าวังต้องการให้ข้าตรวจสอบยืนยันเม็ดยา.”

“เม็ดยาอย่างงั้นรึ?”

พวกนางที่เผยท่าทางงงงวย.

อาวุโสห้าเอ่ย “เม็ดยาดังกล่าว เป็นเม็ดยาที่เจ้าเด็กนั่นนำมา จากกลิ่นอายของเม็ดยาแล้วน่าจะมีผลในการรักษาอาการเจ็บป่วย.”

รักษาอาการเจ็บป่วยอย่างงั้นรึ?

จางซุนฟางฮัวที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย เอ่ยออกมาว่า “คนผู้นี้ต้องการรักษาตาของเจ้าวังอย่างงั้นรึ?”

“เป็นไปไม่ได้.”

เหลิงซิงเยว่เอ่ย “เจ้าวังตาบอดมาตั้งแต่เกิด มีหมอชื่อดังมากมายที่พยายามรักษา เขาจะรักษาได้อย่างไรกัน.”

“ในความเห็นของข้า เจ้าเด็กนั่นคงหายารักษาทั่วไปมา เพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้กับเจ้าวังก็เพียงเท่านั้น.”อาวุโสอีกคนที่กล่าวด้วยเสียงเย็นชา.

“พวกเราไม่สามารถที่จะให้เจ้าวังและเขาติดต่อกันมากกว่านี้ได้ จะต้องหาวิธีแยกทั้งสองออกจากกันให้ได้.”

จางซุนเฟิงฮัวที่ขมวดคิ้วไปมา.

“ฟู่ ฟู่----”

ในเวลานั้น ภายในห้องโถงปรากฏกลิ่นอายที่หนักหน่วงแผ่ออกมา ทว่าเป็นกลิ่นอายเย็นยะเยือบรุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกคนใบหน้าเปลี่ยนสี!

“แย่แล้ว!”

เหลิงซิงเยว่ที่ตกใจ “เกิดเหตุกับเจ้าวัง ไป!”

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

จางซุนฟางฮัวและคนอื่น ๆ ไม่สนอะไรอีก เร่งรีบเข้ามาในทันที.

ขณะเข้ามานั้น พวกนางก็เห็นซีจิงเสวียน ทั่วร่างของนางแผ่กลิ่นอายโลหิตสีแดงชาตปกคลุมอยู่ แววตาของนางดำมืดน่าหวาดกลัว.

กลิ่นอายนี่มัน ไม่ใช่จิตสังหารอย่างงั้นรึ?!

“ทุกท่าน.”

จุนซ่างเซียวที่กลายเป็นโง่งมไปเหมือนกัน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด