Chapter 463 ศิษย์ปิดประตู.
จุนซ่างเซียวที่ให้ความสำคัญกับเหออู๋ตี้ ที่มีพลังที่เหนือมนุษย์ตั้งแต่เกิด.
แต่แท้จริงแล้วเหออู๋ตี้นั้นเพิ่งมายังพิภพแห่งนี้ เวลานี้เขาต้องการข้อมูลของโลกนี้ จึงตัดสินใจที่จะหาที่ตั้งหลักก่อน.
บางที.
ความบังเอิญนี้คงจะเป็นการจงใจของสวรรค์!
“ไป เดินทาง.”
จุนซ่างเซียวที่นำบอลเจ้าสำนักออกมา ก่อนที่จะเรียกพยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วงออกมา “ตามเปิ่นจั้วไปยังนิกายเขาซ่างซาน.”
ในเมื่อรับเป็นศิษย์แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ย น้องชายน้อยอีกต่อไป.
“สัตว์ร้ายธาตุสายฟ้า?”
เหออู๋ตี้ที่เผยท่าทางประหลาดใจ “เจ้าเด็กคนนี้ สามารถควบคุมสัตว์ร้ายธาตุสายฟ้าได้เช่นนี้ ไม่ธรรมดาแน่นอน.”
“เจ้าสำนัก.”
เขาที่สอบถามออกไป “ให้ข้าขี่ด้านหลังอย่างงั้นรึ?”
แม้นว่าเหออู๋จะเคยมีพลังบ่มเพาะที่สูงส่ง ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนโอหังแต่อย่างใด.
ตอนนี้เขาที่ล่วงหล่นมายังพิภพด้านล่าง เวลานี้เหมือนจะเริ่มต้นใหม่ทุกอย่าง และได้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว จึงจำเป็นต้องทำตัวให้เหมือนกับศิษย์.
เย่ซิงเฉินที่เคยแข็งแกร่งมาก่อน.
หลังจากจุติกลับมา เขาก็ยังติดนิสัยราชันย์ยุทธ์ ทำให้เอ่ยกล่าวด้วยคำพูดที่อหังการ ก่อนจะถูกเจ้าสำนักจุนทุบและจับกลับสำนักไป.
ทว่าเมื่อมาใช้ชีวิตในสำนัก ก็เริ่มเข้าใจและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมทีละน้อย ๆ.
สำหรับเหออู๋ตี้นั้น แม้ว่าเขาจะพบกับโชคร้าย ทว่าจิตใจของเขาก็ยังคงดีอยู่ สามารถที่จะก้าวคืนสู่จุดสูงสุดได้อย่างไม่มีปัญหา.
เย่ซิงเฉินนั้น หากไม่ได้พบกับเจ้าสำนักจุน ไม่ได้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง เกรงว่าการฝึกฝนของเขาคงเต็มไปด้วยความยากลำบากและอันตรายมาก.
อีกเรื่อง.
เหออู่ตี้ถึงจะแข็งแกร่ง ทว่ากับไม่ใช่สุดยอดในดินแดนของเขา เขาที่ต้องปากกัดตีนถีบในภพเดิม เขาย่อมสามารถปรับตัวเข้ากับสถานะการณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย.
ส่วนราชันย์รัตติการนั้นแตกต่าง.
ในชาติที่แล้วในทวีปชิงหยุนเขาคือหนึ่งในสิบราชันย์ของดินแดน เป็นยอดฝีมือที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทวีปแห่งนี้.
คนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ย่อมดูแคลนคนที่ต่ำกว่า ทำให้เขาติดนิสัยโอหังนั่นเอง.
“แปะ ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่ปรบมือแปะ ๆ.
“ฟิ้ว!”
ราชาหมาป่าเฮอริเคนที่ซ่อนตัวอยู่ก็ได้วิ่งออกมา.
“เจ้าขี่มัน.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เป็นราชาหมาป่าที่ถูกทุบก่อนหน้านี้ไม่ใช่รึ? เหออู๋ตี้ที่ตื่นตะหนก ราวกับเข้าใจอะไรได้ มุมปากกระตุก เอ่ยออกมาว่า“เจ้าสำนัก ก่อนหน้านี้เป็นแผนการอย่างงั้นรึ?!”
“อย่าเอ่ยอะไรไร้สาระ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “รีบขี่ พวกเราต้องรีบไป.”
เมื่อรับเข้าสำนักแล้ว พูดอะไรไปก็เท่านั้น.
เมื่อกลายเป็นศิษย์ เขาที่ใช้ศักดิ์ศรีของเจ้าสำนักกล่าวปัด โดยไม่ละอายใจเลยแม้แต่น้อย!
เหออู๋ตี้ในเวลานี้ รู้สึกว่าตัวเองเข้าร่วมสำนักดังกล่าวนี้ ราวกับตกอยู่ในรังหมาป่าไปซะแล้ว.
อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กคนนี้มีสัตว์ร้ายธาตุสายฟ้า และยังมีราชาหมาป่าอีก บางทีสำนักไท่กู่เจิ้งอาจจะทรงพลังก็ได้!
“จับให้แน่น.”
“พวกเรายังมีเรื่องต้องทำ.”
เหออู๋ตี้ที่ใจสั่นไปมา เขาที่ขี่ราชาหมาป่าเฮอริเคน ร่างกายที่ราวกับจะปลิวลอยออกไป.
ร่างของเขาที่ส่ายไปมาตามลม กล่าวโหยหวนในใจ “มารดาเถอะ การเป็นคนธรรมดา มันเลวร้ายจริง ๆ!”
“อู๋ตี้!”
ระหว่างทาง จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าวเสียงดัง “จำไว้ให้ดี เป้าหมายของสำนักไท่กู่เจิ้ง คนของสำนักไท่กู่เจิ้ง ต้องกล้าหาญ ไม่หวาดกลัวต่อความตาย พร้อมจะเผชิญหน้า ทุกเรื่องยืนหยัดไม่ยอมแพ้!”
ระบบที่กล่าวแทงใจ “โฮสน์ไม่ได้ใช้ยันต์หลบหนีไปหรอกรึ?.”
“หุบปากไปเลย.”
......
นิกายเขาซ่างซาน.
สองกษัตริย์ยุทธ์และ 20 บรรพชนยุทธ์ที่จุนซ่างเซียวสังหาร เวลานี้ เย่ซิงเฉินที่เก็บแหวนมิติกลับมาเรียบร้อยแล้ว.
เขาที่ปรับตัวเข้ากับสำนักไท่กู่เจิ้ง รู้ว่าจะต้องทำตัวเช่นไร.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ไม่นานหลังจากนั้น พยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วงและราชาหมาป่าเฮอริเคนก็พุ่งเข้ามาด้านใน.
“เจ้าสำนักจุน!”เจ้านิกายยวีที่รอคอยมาช่วงระยะหนึ่งแล้ว เร่งรีบเอ่ยกล่าวออกมา “สุ่ยถิงเฟิงที่หนีไป ....”
“สังหารแล้ว.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เจ้านิกายยวีที่มุมปากกระตุก.
ยอดฝีมือสองสำนักมนทลเจิ้นหยาง ถูกสังหารทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
“แล้วนี่คือ....”เจ้านิกายยวีจ้องมองไปยังเหออู๋ตี้.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ศิษย์ที่ข้าเพิ่งรับเข้ามา.”
เจ้านิกายยวีที่ตื่นตะลึงไปเหมือนกัน.
ไล่สังหารสุ่ยถิงเฟิง แล้วระหว่างทางยังรับศิษย์มาด้วย นี่มันไม่ผ่อนคลายไปหรือไม่?!
เย่ซิงเฉินจ้องมองเหออู๋ตี้ ลอบคิดในใจ “เพียงแค่ขอทาน.”
ลู่เชียนเชียนที่เผยความเย็นชาออกมาเช่นกัน.
หากเป็นซูเซียวโม่หรือลี่เฟย แน่นอนพวกเขาคงเข้ามาทักทายสมาชิกใหม่ พร้อมกับต้อนรับอย่างอบอุ่นอย่างไม่ต้องสงสัย.
“อาวุโสหม่าล่ะ?”
“ตอนนี้ถูกส่งไปรักษาที่หอยา.”
จุนซ่างเซียวที่ตรงไปหอยา พร้อมกับส่งเม็ดยาฟื้นฟูให้กับหม่าหยุนเถิง.
“อะไรน่ะ?เจ้าสำนักจุน คือกษัตริย์สองวิถี ยุทธ์และกระบี่!”
“ห๋า? สามกษัตริย์ยุทธ์และ 20 บรรพชนยุทธ์ถูกเขาสังหารทั้งหมด!”
หลังจากที่อาวุโสหม่าฟื้นคืนสติ ได้ยินจากปากของหวังตงหลิน ดวงตาที่เบิกกว้างไปในทันที เผยท่าทางไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย.
“เจ้านิกายยวี.”
ภายในห้องโถง จุนซ่างเซียวยกมือประสาน “มนทลเจิ้นหยางรุกรานดินแดน จุนโหมวกำลังปกป้องเมืองชิงหยางอยู่ คงต้องขอตัวก่อน.”
“เจ้าสำนักจุนเป็นห่วงประชาชน กล้าประจันหน้ากับมนทลระดับหก ยวีโหมวชื่นชมนัก.”เจ้านิกายยวีเอ่ยอย่างจริงจัง “นิกายเขาซ่างซานยินดีที่จะช่วยสำนักของท่านปกป้องมนทลชิงหยาง!”
ในเวลานี้ เขาต้องการจะยื่นมืออกไป.
ไม่ต้องคิดแล้ว เขาพร้อมจะทำสงครามแล้ว.
“ไม่จำเป็น.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เรื่องนี้ ให้จุนโหมวจัดการเอง.”
“เอิ่ม....”
เจ้านิกายยวีที่เพ่งพิศในทันที.
มนทลเจิ้นหยางดินแดนระดับหก ยังมีนิกายระดับสี่อีกสองแห่ง เจ้าสำนักจุนจะจัดการอย่างไร? เขาจะจัดการเองอย่างงั้นรึ?
“เจ้านิกายยวี.”
จุนซ่างเซียวลุกขึ้น ยกมือประสาน “จุนโหมวขอลา.”
เขาที่เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หลังจากนั้นก็นำลู่เชียนเชียน เย่ซิงเฉินตลอดจนเหออู่ตี้จากไปอย่างรวดเร็ว.
ระหว่างทาง เขาที่ไม่คิดอะไรอีก เปิดร้านค้าระดับกลาง ซื้อเม็ดยารักษาโรคระดับต้น เพื่อให้แต้มสนับสนุนกลับสู่สภาพปรกติ.
เขาที่เกือบถูกจักรพรรดิยุทธสังหาร ทำให้จุนซ่างเซียวตระหนักได้ว่า อีกฝ่ายคงไม่ยอมง่าย ๆ แน่ ดังนั้นจึงได้นำธวัชสงบศึกออกมา ก่อนที่จะสลักคำว่ามนทลเจิ้นหยางลงไป.
เขาที่เป็นกังวลว่า นิกายหลิงหยวนจะส่งคนมาสังหารเขาอีก ดังนั้นจึงต้องการถ่วงเวลาไว้ก่อน.
ขอให้ได้ผล เขาที่ภาวนาในใจ.
ฟิ้ว!
ในเวลาต่อมา ธวัชสงบศึกที่เปล่งประกายแสง.
ระบบเอ่ย “ทำงานแล้ว.”
“จริงรึ?”
จุนซ่างเซียวที่รู้สึกตื่นเต้นดีใจไปในทันที.
......
ภายในหลุมลึก จักรพรรดิยุทธ์นิกายหลิงหยวนที่ค่อย ๆฟื้นคนสติ เขาที่กุมศีรษะค่อย ๆ ยืนขึ้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน “เจ็บ...เจ็บจริง ๆ...”
ไม่ใช่สิ!
ไม่ใช่ข้าบ่มเพาะอยู่ในนิกายหรอกรึ? แล้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
จักรพรรดิยุทธ์ที่ขึ้นจากหลุมใหญ่ กวาดตามองพื้นที่รอบ ๆ ราวกับต้องการจะนึกอะไรบางอย่าง หากแต่นึกยังไงก็นึกอะไรไม่ออก.
นี่คือผลของธวัชสงบศึกนั่นเอง.
ไม่ใช่แค่คนของนิกายหลิงหยวน ผู้พิทักษ์มนทลเจิ้นหยาง หลังจากธวัชสงบศึกทำงาน เขาที่ลืมความเกลียดชังชั่วคราวเช่นกัน.
ทุกคนที่ลืมพร้อม ๆ กัน.
ทั้งนิกายหลิงหยวน วังต้วนสุ่ย และผู้พิทักษ์มนทล.
จุนซ่างเซียวที่สังหารคนของพวกเขา เท่ากับสร้างศัตรูความแค้นอย่างชัดเจน.
ทว่าด้วยการสลักคำว่ามนทลเจิ้นหยางในธวัชสงบศึก เมื่อมันทำงาน ทุกคนก็ลืมความแค้นไปจนหมด.
ผลของมัน สามเดือน.
หากผลของมันหมดเมื่อไหร่ จักรพรรดิยุทธ์และยอดฝีมือของมนทลเจิ้นหยาง จะต้องกลับมาอย่างแน่นอน.
ความแค้นครั้งนี้ พวกเขาคงบุกกระหน่ำอย่างไม่ต้องสงสัย.
จุนซ่างเซียว หลังจากกลับมนทลชิงหยางแล้ว ก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับผลของธวัชสงบศึกเหมือนเดิม ยังไม่ได้นำคนของเขากลับสำนัก.
“เจ้าสำนัก.”
ทว่าไม่กี่วันหลังจากนั้น ลี่ลั่วฉิวที่ส่งข่าวมา “มนทลเหอหยางอยู่ในมือศัตรูแล้ว ทว่าทัพหลักมังกรขาว ยังไม่เคลื่อนพล ดูเหมือนว่าไม่มีความคิดจะบุกมนทลชิงหยางเลย.”
ได้ยินเช่นนั้น จุนซ่างเซียวที่รู้สึกวางใจ.
ในเมื่อผลของธวัชสงบศึกได้ผล เขาที่กล่าวลาเซี่ยกวนคุน นำศิษย์กลับสำนักทันที.
“เจ้าสำนัก.”
ระหว่างทาง เหออู่ตี้เอ่ย “ตามข้อตกลง ข้าคือศิษย์ปิดประตู.”
“อืม.”
หลังจากที่กลับสำนัก จุนซ่างเซียวที่จัดเตรียมที่ให้เขาที่หน้าประตู ให้เขารับผิดชอบในการปิดประตูในทุกวัน.
แน่นอนว่า เขาคือศิษย์ปิดประตูนั่นเอง!
“......”
เหออู๋ตี้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูสีแดง ลมพัดโกรกมาเป็นระยะ เขาที่รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “ยังมีแผนการร้ายอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?”